ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 122

ตอนที่ 122

ตอนที่ 122 ความลับของหลิวชีเยว่

เพิ่งชวนถือโลหะทมิฬอย่างระมัดระวังด้วยมือทั้งสองข้างและสํารวจมันอย่างละเอียด เขา ถูกมันดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้เขาอดใจไว้ไม่ไหวและสติของเขาก็ถูกดึงเข้าไปในโลหะทมิฬ

ซูม!

เพิ่งชวนเห็นหญิงสาวในชุดหลวมๆยืนอยู่กลางพื้นที่อันกว้างใหญ่ เธอยืนเอามือไพล่หลังราวกับว่ากําลังชมทิวทัศน์อันสวยงามนั้นอยู่

จากนั้นเธอก็เริ่มใช้วิชาฝ่ามือ ใช้ฝ่ามือของเธอเป็นเหมือนกระบี่ เพียงการโบกมือธรรมดาๆก็ทํามีพลังแปลกประหลาดที่ทําให้เพิ่งชวนต้องตกตะลึง! ฝ่ามือเฉือนช่องว่างขึ้นมา! ราวกับมิตินี้เป็นเพียงแค่เศษผ้า ฝ่ามือตัดผ่านมิติไปก่อให้เกิดรอยช่องว่างยาวขึ้นมา เมื่อเธอยืนขึ้นมา หลุมมิติเหล่านั้นก็บิดเบี้ยวและหายไป และเธอก็ปรากฏขึ้นมาบนเมฆสูงกว่าพื้นกว่าพันจิ้งและใช้วิชาฝ่ามือกระแทกออกมา! ทะเลเมฆขนาดยักษ์แยกออกราวกับเป็นเหวลึกกว้างกว่าหมื่นจิ้ง

เธอใช้ทักษะการเคลื่อนไหนแน่ๆ ไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าเคลื่อนที่ไปทางไหนบ้างเธออยู่ทุกที่

มีทั้งหมด 108 กระบวนท่า

ท่าสุดท้ายนั้นก่อให้เกิดร่างหญิงสาวขึ้นมาแปดสิบเอ็ดร่าง พวกเธอใช้วิชากระบี่พร้อมๆกันทําให้พื้นที่เป็นวงกลมกว้างกว่าร้อยลี้เปลี่ยนกลายเป็นสีดําสนิท

วิชาเหล่านี้ถูกสลักลงไปในจิตใจของเมิ่งชวน นี่คือวิชากระบี่มังกรพเนจรที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นเดียวกับความลึกซึ้งมากมายที่วิชากระบี่นี้มี

ฟูววว!

เพิ่งชวนกลับออกมาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ เขาพบว่าตนกําลังถือโลหะทมิฬอยู่ด้วยความรู้สึกตกตะลึง

นั่นคือกระบี่มังกรพเนจรสินะ มันแข็งแกร่งจนน่าสะพรึงจริงๆ เมิ่งชวนตกใจ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันเทียบได้กับกระบี่จิตพิสุทธิ์และกระบี่ตัดอัสนี้เลย!และนั่นยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ปกติแล้ววิชากระบี่นี้จะใช้กับกระบี่ไม้หลิว แต่ผู้ที่สร้างวิชากระบี่นี้กลับแสดงวิชากระบี่เหล่านั้นด้วยฝ่ามือของเธอ

เธอทําให้ทั้ง 108 ท่านั้นไปถึงจุดขีดสุด

ในแง่ของความแข็งแกร่ง กระบี่มังกรพเนจรนั้นอ่อนแอที่สุดในวิชากระบีไวทั้งสาม แต่เพียงแค่นั้นก็สามารถฟันผ่านช่องว่างไปได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้ว

แต่ว่าในแง่ของทักษะการเคลื่อนไหว มันคืออันดับหนึ่ง เมื่อผู้ฝึกไปถึงระดับสรรค์สร้างแล้วพวกเขาจะสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลกว่าหนึ่งในเวลาเพียงพริบตา แต่สิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือการที่สามารถสร้างร่างปลอมขึ้นมา 81 ร่างภายในระยะทางร้อยล์จากร่างหลักได้ แต่ละร่างเหล่านั้นเทียบได้กับร่างจริงเลยด้วย!

ในตอนนี้คนๆนั้นคงจะเป็นอมตะไปแล้ว ขนาดแม้ว่าศัตรูสามารถโจมตีกวาดเป็นระยะทางกว่าร้อยลี้ได้ในที่เดียว แต่พลังของมันก็จะอ่อนเกินไป ไม่เป็นอันตรายต่อผู้สร้างวิชากระบี่มังกรพเนจรเลยแม้แต่น้อย

“อันที่จริงแล้ววิชากระบี่นี้คือวิชาการเคลื่อนไหวหลายๆท่า วิชากระบี่นั้นก็เป็นเพียงอีกหนึ่งรูปแบบของวิชาการเคลื่อนไหวที่ใช้ต่อๆกัน” ปรมาจารย์วางพู่กันลงและมองดูพัด เขายิ้มและกล่าว “ในช่วงแรกของการฝึก ผู้ฝึกจะสามารถเปลี่ยนเป็นมังกรพเนจรเพื่อท่องโลกได้ก่อนที่จะได้เป็นราชันเทพอสูรจะมีวิชาบางชนิดที่สามารถทําให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือแหวกว่ายอยู่ใต้ดินได้ แต่ส่วนมากก็มักจะมีข้อบกพร่อง แต่ว่าวิชานี้นั้นไม่มี ข้าวมังกรพเนจรเหยอหงนั้นน่าประทับใจมากจริงๆ ในแง่ของวิชาการเคลื่อนไหวแล้ว เธอคือคนที่เร็วที่สุดในประ วัติศาสตร์มนุษย์”

เพิ่งชวนพยักหน้า

เหยอหงคือผู้สร้างวิชากระบี่มังกรพเนจร

เพิ่งชวนวางโลหะทมิฬไว้บนโต๊ะหิน สมบัติเหล่านี้เป็นของเขาหยวนซู เมิ่งชวนไม่ได้รับอนุญาติให้น้ํามันออกไป เขาได้รับอนุญาติให้รับมรดกตอนอยู่ตรงนั้นเพียงเท่านั้น

นี่คือกระบี่จิตพิสุทธิ์ เมิ่งชวนหยิบโลหะทมิฬที่เหลือ เขารู้สึกกระตือรือร้นมากกว่าเก่า

สติของเขาดิ่งลงไปในโลหะทมิฬ

ฟูม

ชายชราคนหนึ่งถือมีดตัดไม้ธรรมดาและใช้ท่าแรกออกมา

เพิ่งชวนจําท่าที่เป็นแก่นกลางของอีกหลายๆท่าของกระบีจิตพิสุทธิ์ได้ในทันที ท่าดวงใจกระบี่หลังจากฟันออกไปก็มีแสงสว่างวาบออกมาก่อนที่เขาจะเก็บกระบี่กลับไป

ตามมาด้วยการฟันครั้งที่สอง หลังจากท่าแรกนั้น เพิ่งชวนก็เต็มไปด้วยความสะพรึง เขาสามารถเข้าใจในท่าแรกได้เก้าส่วน แต่ท่าที่สองนั่นซับซ้อนกว่ามาก หลังจากฟันมีดตัดไม้ไปมันก็เปลี่ยนกลายเป็นเส้นสายฟ้าที่รุนแรง! เสียงระเบิดดังลั่นมาจากหินผาไกลหลายสิบจิ้งจากตรงนั้น แต่ว่าจริงๆแล้วมันเกิดมาจากแรงกระบี่

ชายชราไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ยื่นแขนออกมาด้วยซ้ํา การแกว่งมีดตัดไม้ของเขานั้นไม่ก่อให้เกิดลําแสงกระบี่แม้แต่น้อย แต่ว่ามันก็ยังสามารถฟันใส่สิ่งที่อยู่ไกลหลายสิบปิ้งได้ )

“อากาศบิดเบี้ยวอย่างนั้นรึ? เพราะอย่างนั้นเลยทําให้เกิดระเบิดขึ้นรึ? เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ไกลกว่าสิบปิ้ง แต่มันยังฝันถึงอีกรึ?” เมิ่งชวนตกใจ

ชายชราฟันออกไปครั้งที่สาม ลําแสงกระบี่เปลี่ยนเป็นสายฟ้าสว่างจ้า สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เป็นพันเท่า จากนั้นเขาก็เก็บกระบี่กลับไป

“นะ นี่มัน…” เมิ่งชวนตามไม่ทัน ความรุนแรงของกระบี่นั้นน่าสะพรึงมาก เขารู้สึ กว่ามันทรงพลังมากกว่าท่าที่สองมากนัก แต่เขาไม่รู้ว่ามันทรงพลังมากเพียงไหน ระดับ การฝึกฝนของเขาในตอนนี้ก็ยังไม่เพียงพอในการเข้าใจ

ชายชราฟันออกไปเป็นครั้งที่สี่ ภาพลวงของกระบี่ปรากฏขึ้นไกลหลายสิบลี้ กระบี่นั้นเปิดผ่าอากาศเป็นหลุมขนาดยักษ์ ชายชราใช้วิชากระบี่ออกมาแน่ๆ แต่ว่าหลุมมิติขนา ดยักษ์นั่นกลับเปิดออกไกลเป็นหลายสิบลี้

ชายชราเก็บกระบี่

ครั้งนี้เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่ง ดูจริงจังมาก

ฉับ!

เกิดเหวลึกกว้างหลายสิบลี้ขึ้นจากไกลๆ

เกิดอะไรขึ้นกัน? เมิ่งชวนตกใจมาก เขารู้สึกได้ถึงการฟันลงพื้นด้วยพลังที่น่าสะพ ร็งจนเกิดเป็นเหวลึกกว้าง แต่ว่าชายชราไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นชายชราก็ค่อยใช้ท่ากระบี่จิตพิสุทธิ์ท่าอื่น การเคลื่อนไหวของแต่ละท่านั้นถูกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อเสร็จแล้วเขาถึงยิ้มและมองไปที่เพิ่งชวน ข้อมูลจํานวนมหาศาลถาโถมเข้าใส่ สมองของเมิ่งชวน! สติของเขาสั่นสะท้านในขณะที่รับมรดกของกระบี่จิตพิสุทธิ์เข้าไปจนหมด 6

เขาถือโลหะทมิฬด้วยมือทั้งสองข้าง และตกตะลึงในมรดกที่รับมา

รากฐานของกระบี่จิตพิสุทธิ์คือท่าดวงใจกระบี่ นั่นจึงเป็นเหตุว่าทําไมผู้สร้างถึงใช้ท่าดวงใจกระบี่ออกมาห้าครั้ง วิชานี้คือวิชาที่พื้นฐานมากที่สุดแต่ก็ทรงพลังมากที่สุดเช่นกันท่าที่ห้าของกระบวนท่าดวงใจกระบี่นั้นทรงพลังอย่างที่ตํานานได้กล่าวเอาไว้

“จากวิชากระบีไวทั้งสาม กระบี่ตัดอัสนีนั้นมีพลังในการทําลายล้างมากที่สุด การเคลื่อนที่ของกระบี่มังกรท่องโลกานั้นไร้เทียมทาน และกระบวนท่าทั้งสิบแปดของกระบี่จิตพิสุทธิ์จะเปลี่ยนวิชาดวงใจกระบี่ไปอย่างมหาศาล” เสียงของปรมาจารย์เต็มไปด้วยความชื่นชม“แม้ ว่าศิษย์พี่เกาเค่อจะไปไม่ถึงระดับสรรค์สร้างเพราะร่างกายของเขาแต่ในตอนนั้นเขาก็ไร้เทียมทาน ท่าสุดท้ายที่เขาสร้างขึ้นมานั้นเหนือกว่าเวลา แม้แต่เวลายังต้องหยุดนิ่งเพราะการฟาดฟันเขา ฟันออกไปโดยที่เจ้าไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ํา เพราะฉะนั้นแล้ว ข้าจึงประทับใจในตัวศิษย์พี่เกาเค่อมากที่สุดในหมู่ผู้สร้างวิชากระบีไวทั้งสาม”

“ในหมู่จอมยุทธระดับสรรค์สร้างหลายชั่วอายุคน ทุกๆคนต่างยอมรับว่ากระบวนท่าสุดท้ายของศิษย์พี่เก้าเค่อนันแข็งแกร่งที่สุดในหมู่วิชากระบีไวทั้งสาม

เพิ่งชวนเองก็ตกใจ

ท่าที่สี่ของศิษย์พี่เกาเค่อนั้นแข็งแกร่งเท่ากับท่าที่แรงที่สุดของกระบี่มังกรพเนจร ส่วนท่าที่ห้านั้นแข็งแกร่งกว่าโดยสิ้นเชิง! มันเป็นกระบี่ที่เหนือกว่าเวลา

อันที่จริงแล้วท่าที่สามที่เขาได้เห็นมานั้นก็สามารถทําให้กาลเวลาบิดเบี้ยวไปได้แล้ว ในตอนนั้นเพิ่งชวนไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เขาพึ่งจะเข้าใจหลังจากที่ได้มรดกมาโดยสมบูรณ์ก็เท่านั้นท่าที่ห้านั้นน่าประหลาดใจเสียยิ่งกว่า

มันประณีตจริงๆ ข้าใช้เวลาเก้าปีในการเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ แต่วิชากระบี่ของข้านั้นมันยังหยาบกว่านักเมื่อเทียบกับของศิษย์พี่เกาเค่อ ข้ามีจุดบกพร่องอยู่ทั่วทุกที่ แต่ว่าเพิ่งชวนก็ไม่ท้อถอยแม้แต่น้อย กลับกัน เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆเสียมากกว่า คุณค่าของสิ่งใดๆสามารถตัดสินได้จากการเปรียบเทียบ และเพราะเขาฝึกฝนวิชากระบี่เดียวกันกับของเกาเค่อเขาจึงสามารถเปรียบเทียบกันได้

เขารู้ในทันทีว่ายังมีอีกหลายที่ที่เขาต้องพัฒนา! ความมุ่งมั่นก่อตัวในใจเขาในทันที เขารู้สึกได้ว่าวิชากระบี่ของเขานั้นต้องการการพัฒนาอย่างมหาศาล

“ศิษย์ทุกคนที่เรียนรู้โลหะทมิฬด้วยตัวเองจะเข้าใจในข้อบกพร่องของตนหลังจากรับมรดกผ่านเจตจํานงไปแล้วพวกเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดกลับไปเสีย เจ้าไม่ต้องสนใจสิ่งใดบนเขาหยวนชูตั้งใจฝึกวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์เพียงเท่านั้นก็พอ” ปรมาจารย์สั่ง

“ขอรับ ถ้าเช่นนั้นแล้วศิษย์ขอลา” เมิ่งชวนวางโลหะทมิฬลงและอดใจไม่ไหวอีกแล้ว เขามีหลายความคิดที่อยากจะลอง

ปรมาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย เขาเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันแบบนี้มามาก

เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่ศิษย์ได้รับมรดกของโลหะทมิฬผ่านเจตจํานง ที่ต่างกันก็มีเพียงระยะเวลาในการควบแน่นแก่นสารแห่งจิตหลังจากที่ได้ขึ้นเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน

เมื่อเทียบกันแล้ว เพิ่งชวนนั้นได้รับมรดกค่อนข้างไว

เพิ่งชวนข้ามเขาอย่างรวดเร็ว เขามุ่งหน้ากลับไปยังถ้ําของเขา ในใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับกระบี่จิตพิสุทธิ์

ไม่นานเขาก็กลับไปถึงจิ้งหมิงเฟิง

“นายท่าน” พ่อบ้านหลิวกล่าวทักทายด้วยท่าทางนอบน้อม

เพิ่งชวนพยักหน้าและตรงไปยังห้องของหลิวขี่เยว่

ในห้องนั้น หลิวชีเยวในชุดสีแดงอ่อนนั่งขัดสมาธิอยู่ เปลวเพลิงรอบเธอลุกไหม้รอ บตัวเธอเปลี่ยนเป็นร่างวิหคเพลิงสยายปีกอยู่ด้านหลัง พลังที่หลิวชีเยว่ปล่อยออกมาพร้อมกับวิหคเพลิงที่สยายปีกนั้นน่าเกรงขามมาก อุณหภูมิมหาศาลทําให้รอบข้างบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แต่ว่าอุณหภูมิมหาศาลนั้นถูกกักเอาไว้ในระยะสามจังรอบๆตัวเธอโดยสิ้นเชิง

เห็นได้ชัดว่าพลังอันน่าสะพรึงของร่างวิหคเพลิงได้ถูกดึงออกมาโดยหลิวชีเยว่หลังจากฝึกฝนมาหลายปี

เทพอสูรวิหคเพลิงทุกคนนั้นต่างเป็นอัจฉริยะในวิถีเต๋าแห่งไฟ! พวกเขาไม่ต้องฝึกฝนโลหะท มิฬเพราะร่างเทวะที่ทรงพลังของพวกเขานั้นมี “เพลิง” อยู่ นี่เป็นความสามารถของพวกเขา ยิ่ง พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาได้มากเท่าไหร่ ร่างเทวะของพวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น และพลังของวิหคเพลิงก็จะทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน

ดังนั้นแล้วหลิวชีเยวจึงฝึกฝนมรดกเทพอสูรระดับสวรรค์แทน เธอได้รับมรดกนี้ผ่านเจตจํานงและมีเฟิงโหวเทียนซิงโหวคอยสั่งสอนเธอ เขาหยวนซูเองก็ให้เธอเข้าไปที่ทรงคุณค่าที่พวกเขาจัดไว้ให้ด้วย หลังจากผ่านไปสิบเอ็ดปี การฝึกฝนของหลิวชีเยว่ก็นําเพิ่งชวนและเชวเฟิงไปแล้ว! แน่นอนว่าหากเธอฝึกฝนโลหะทมิฬโดยไม่มีการชี้นําของเจตจํานงการฝึกฝนของเธอคงช้ากว่านี้มาก

แต่ว่ามันก็ไม่เหมาะสําหรับจอมยุทธร่างเทพวิหคเพลิง ตามบันทึกในประวัติศาสตร์แล้วนั้น ร่างเทพวิหคเพลิงส่วนมากสามารถฝึกฝนได้อย่างราบรื่น พวกเขาสามารถเข้าถึงเต๋แห่งไฟได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาส่วนมากก็ไม่สามารถฝึกฝนได้ไกลเกินกว่าระดับเฟิงโหว! ในประวัติศาสตร์ มีเทพอสูรร่างวิหคเพลิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เป็นราชันเทพอสูร ส่วนระดับสรรค์สร้า งน่ะเหรอ? ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว!

สายเลือดพิเศษนั้นทําให้มีประโยชน์หลายอย่าง แต่ว่ามันก็มีข้อจํากัดมากมายเช่นกัน

“โอ้?” หลิวซีเยวลืมตาขึ้น เปลวไฟกลับเข้าไปในร่างกายของเธอ วิหคเพลิงที่ปรากฏออกมาก็หายไปเช่นกัน

“อาชวน” เมื่อหลิวชีเยว่เห็นเพิ่งชวนเดินเข้ามา เธอก็รู้สึกมีความสุข “เจ้าดูตื่นเต้นมากเลยเจ้าไปหาท่านอาจารย์และรับมรดกมาอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว” เมิ่งชวนพยักหน้า “หลังจากที่ข้าได้รับมรดกมา ข้าก็เข้าใจได้ในทันทีว่าข้าอยู่ห่างไกลจากศิษย์พี่เกาเค่อมากนัก วิชากระบี่ของข้ายังมีที่ว่างให้พัฒนาอีกมาก ข้าต้องฝึกฝนแล้ว!นับจากนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ฟ้ายังไม่ถล่มเจ้าช่วยข้าปฏิเสธทุกอย่างที่ อาจารย์เองก็บอกกับข้าว่าข้าไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมสิ่งใดๆของเขาหยวนซู ข้ารู้สึกว่าอีกไม่นานข้าจะเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ระดับสูงแล้ว”

“ได้” หลิวชีเยวพยักหน้าและพูดด้วยความยินดี “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเหมือนกัน ข้าเองก็ติดขัดอยู่ ยังไปไม่ถึงขอบเขตจิตวิญญาณขั้นสูงเลย”

“ฝึกฝนกันให้หนัก เมื่อถึงเวลาพวกเราจะได้ลงเขาด้วยกัน” เมิ่งชวนยิ้มให้ชีเยว่ “เอาล่ะ ได้เวลาที่ข้าจะเริ่มฝึกฝนแล้ว” เขาทนไม่ได้อีกต่อไป

“ไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะทําอาหารที่เจ้าชอบกินให้เอง” หลิวซีเยว่ยิ้มขณะมองดูเมิ่งชวนมุ่งหน้าไปยังลานฝึก

หลิวซีเยวถอนหายใจเช่นกัน พออาชวนเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่ขั้นสูงแล้ว ข้าเองก็จะแสดงจิตวิญญาณขั้นสูงของข้าหลังจากผ่านไปสองเดือนเหมือนกัน”

ใช่แล้ว

เธอก้าวหน้าได้ค่อนข้างไว หลังจากที่ไปถึงเจตจํานงตอนอายุสิบเก้า เธอก็ฝึกฝนทุกอย่างที่เกี่ยวกับเพลิงได้อย่างราบรื่น เธอไปถึงขอบเขตของจิตวิญญาณตอนอายุยี่สิบห้าและเมื่อเดือนก่อนเธอก็เข้าถึงขอบเขตจิตวิญญาณขั้นสูง! เธอสามารถขึ้นเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันได้ตลอดเวลา! แต่ว่าเธอก็ไม่เคยประกาศความก้าวหน้าของเธอให้ใครรู้ ห้าปีหลังจากที่เพิ่งโหวเทียนซิงโหวได้สั่งสอนเธอ เขาก็ลงจากเขาและไปปกป้องเมืองด่าน เธอปกปิดความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของเธอโดยตลอด และไม่มีใครรู้สึกตัว

เพราะเธอปกปิดความสามารถและการได้รับมรดกเทพอสูรระดับสวรรค์มาโดยตลอด นั่นจึงทําให้เพิ่งชวนยังคงเป็นศิษย์ที่ “แข็งแกร่งที่สุด” บนเขาหยวนซู ถัดจาเพิ่งชวนคือหยานชื่อถงและหลิวชีเยว่เป็นคนที่สาม

“อีกไม่นานพวกเราก็จะได้ลงจากเขา หลังจากนั้นอาชวนกับข้าก็จะได้แต่งงาน ดวงตาของหลิวชีเยว่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท