ตอนที่ 27-1 เด็กน้อย
ฮูหยินสามอาศัยอยู่ที่ตำหนัก
‘ยาจู่หยวน’
และขณะนี้หลี่เว่ยหยางได้ปรากฏตัวที่บริเวณทางเข้าตำหนัก และมีเงาดำของร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหานาง โดยมิทันตั้งตัว
ร่างนั้นยื่นมือที่เย็นเฉียบมาจับมือของเว่ยหยางเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“พี่สาม!”
หลี่เว่ยหยางก้มศีรษะลงพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ด้วยสายตาที่ท่วมท้นไปด้วยความประหลาดใจ
และราวกับว่า นางสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตนเองในดวงตาสดใสคู่นั้น
จึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะออกมาในที่สุด
“หมินเต๋อ”
อันที่จริงแล้ว หลี่หมินเต๋อมีความรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเกรงว่านางจะปัดมือของเขาออก
แต่เว่ยหยางยอมให้เขาจับมือของนางต่อไป ความอบอุ่นกำลังอบอวลอยู่ภายในหัวใจ ขณะที่มีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กน้อยผู้นี้
เขาจ้องมองนางด้วยสายตาที่จริงจัง
“พี่สาม ท่านมาเยี่ยมข้าหรือ”
มีร่องรอยของความสุขเกิดขึ้นในน้ำเสียงนั้น
เมื่อเห็นว่า เด็กน้อยน่าเอ็นดูเพียงใด หลี่เว่ยหยางก็อดมิได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มของเขา ขณะที่หัวเราะออกมาเบา ๆ และกล่าวว่า
“ถูกต้อง ข้ามาเยี่ยมหมินเต๋อ”
หลี่หมินเต๋อมีความสุขเกิดขึ้นในดวงตาทันที ขณะที่หมินเต๋อจับมือนางเอาไว้ และพวกเขาจูงมือกันเดินต่อไป
“พี่สาม ข้าขอร้องให้ท่านแม่พาข้าไปเยี่ยมท่าน แต่ท่านแม่กล่าวว่ามันจะสร้างความรำคาญให้กับท่าน”
ความจริงที่ว่าเว่ยหยางได้ช่วยชีวิตของหลี่หมินเต๋อ เป็นความลับที่พวกเขาจะต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างมิดชิดที่สุด
หลี่เว่ยหยางยิ้มกว้าง และปล่อยมือของหมินเต๋อขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของฮูหยินสาม
หลี่เว่ยหยางแสดงความเคารพต่อ
ฮูหยินสามด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะนั่งลง
และสาวใช้ได้ยกน้ำชาเข้ามาให้นาง
หลี่เว่ยหยางยกถ้วยชาซึ่งมีฝาปิดเป็นลายดอกไม้หลากสีขึ้นมา และเปิดออก
และปล่อยให้กลิ่นหอมของชาค่อย ๆ ลอยออกมาพร้อมกับไอน้ำ
นางก้มศีรษะลงจิบชาเล็กน้อย และกล่าวว่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อกล่าวคำขอบคุณท่าน
อาสะใภ้สาม”
สำหรับฮูหยินสามแล้ว หลี่เว่ยหยางคือผู้ที่ช่วยชีวิตของหลี่หมินเต๋อเอาไว้ และเป็นผู้ที่นางจะต้องตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน
มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งปรากฏขึ้นในดวงตาของนางอย่างช้า ๆ ขณะที่น้ำเสียงนั้นยังคงราบเรียบ
“มันเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกเท่านั้น หากมันสามารถเกิดประโยชน์กับเจ้าได้ ข้าก็พอใจแล้ว”
หลี่เว่ยหยางรู้ดีว่า การพยายามวางแผนภายในอาณาจักรของท่านย่าใหญ่นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
หากมิใช่เพราะการเเอบให้ความ
ช่วยเหลือของฮูหยินสาม นางคงมิสามารถทำแผนนี้ให้สำเร็จได้โดยลำพัง
ฮูหยินสามจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง พร้อมกับกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า
“ตอนนี้ฮัวเหม่ยได้จากไปแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น”
นางจิบน้ำชา แล้ววางถ้วยลงที่ด้านข้างของตนเอง
“อย่างไรก็ตาม การสูญเสียครั้งใหญ่ในวันนี้เป็นสิ่งที่ฮูหยินใหญ่จะต้องเอาคืนอย่างแน่นอน”
หลี่เว่ยหยางมิได้ตอบกลับ แต่ยิ้มเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นางมิได้มีความกังวลใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ฮูหยินสามมีความรู้สึกสงสัยว่า เด็กสาวอายุเพียงแค่สิบสามปี จะกล้าเผชิญหน้ากับฮูหยินใหญ่ผู้หยิ่งผยองได้อย่างไร?
นางกล่าวเตือนอย่างแผ่วเบาว่า
“เว่ยหยาง เจ้าและข้าตกอยู่ในสภาพเดียวกัน และหากว่าเราทำตัวเป็นศัตรูกับนางอย่างเปิดเผย
เจ้าต้องจำเอาไว้เสมอว่า นางเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดที่นี่ และในภายภาคหน้า การแต่งงานของเจ้าจะ…”
ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ เว่ยหยางเชื่อฟังคำกล่าวของฮูหยินใหญ่มาโดยตลอด แต่สุดท้ายนางก็ยังคงเป็นแค่เครื่องมือของนางเท่านั้น
ชีวิตของเว่ยหยางจบลงด้วยโศกนาฏกรรม และเมื่อเป็นเช่นนั้นจะมีอันใดที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้?
อย่างไรก็ตาม หลี่เว่ยหยางจะมิบอก
กล่าวฮูหยินสามถึงเรื่องราวเหล่านี้
ขณะที่นางเดินกลับออกมาด้านนอก หลี่เว่ยหยางได้เห็นหลี่หมินเต๋ออีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านหน้าตำหนักเพื่อรอนาง
เว่ยหยางยิ้มกว้าง และก้าวเดินเข้าไปหาเขา และกล่าวว่า
“หมินเต๋อข้าต้องกลับแล้ว”
การหายใจของหลี่หมินเต๋อแผ่วลงโดยมิได้คาดคิด เมื่อเขาพบว่ามีความเศร้าเกิดขึ้นในหัวใจของตนเอง
จากนั้นจึงได้ยินนางกล่าวว่า
“เด็กดี เจ้าต้องเชื่อฟังท่านแม่ของเจ้า และอย่าวิ่งเล่นไปทั่วโดยมิได้ระวังตัว”
หลังจากเตือนสติเขาแล้ว หลี่เว่ยหยางจึงก้าวเดินผ่านเขาไป
หลี่หมินเต๋อก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยประกายบางอย่างจนอาจเผาอีกฝ่ายได้