ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 43.2

ตอนที่ 43.2

ตอนที่ 43-2 พยาน

หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่เขาหันกลับมาและกล่าวกับองค์ชายสามด้วยความเคารพว่า:

“ข้าขอให้องค์ชายสามช่วยเป็นพยานให้เราด้วย”

ทัวเป่าเจิ้นจึงพยักหน้าเล็กน้อย

จากนั้นหลี่หมินเฟิงได้เดินไปหาหมอหลินและกล่าวว่า:

“ท่านหมอช่วยตรวจดูทีว่า สิ่งที่อยู่ในน้ำชานี้ คืออันใดกันแน่?”

“โปรดรอสักครู่ ข้าจะทำการตรวจสอบให้” หมอหลินกล่าว

หลี่หมินเฟิงชี้ไปที่ชิ้นส่วนโสมแดงที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ขณะที่กล่าวว่า

“ตอนที่ถ้วยน้ำชาตกแตกยังมิมีผู้ใดมาแตะต้องสิ่งนี้เลย…

เช่นนั้นท่านหมอช่วยตรวจสอบชิ้นส่วนนี้จะเป็นการดีที่สุด”

ท่านหมอหลินพยักหน้า จากนั้นจึงเดินไปเข้าโค้งคำนับองค์ชาย ขณะที่เขาเริ่มวิเคราะห์ชิ้นส่วนนั้นอย่างจริงจัง

ขณะนี้ดวงตาของทุกคนในที่เกิดเหตุเบิกกว้าง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ในขณะที่การตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไป หลี่หมินเฟิงได้เริ่มกล่าวขึ้นว่า:

“น้องสาม เจ้าควรยอมรับความผิดของตนเองก่อนที่มันจะสายเกินไป

เมื่อท่านหมอหลินตรวจสอบพบความจริง มันจะทำให้เจ้าอับอายขายหน้าไปมากกว่านี้”

หลี่เว่ยอย่างจ้องมองไปยังพี่ชายผู้สง่างามด้วยสายตาที่เรียบเฉยขณะที่นางหัวเราะอยู่ภายในใจ

เขาอายุยังน้อย และยังมิได้เข้ารับราชการในราชสำนัก ดังนั้นจึงมิคุ้นเคยกับแผนการและกลอุบายภายในวังหลวง

หากเขามีประสบการณ์มากกว่านี้สักสิบปี เขาคงจะวางแผนได้รอบคอบและรัดกุมมากกว่านี้:

“พี่ชายใหญ่ข้ามิได้ทำ!”

หลี่หมินเฟิงจ้องมองไปยังเว่ยหยางและยิ้มเล็กน้อย

ขณะที่ดวงตาของเขานั้น เต็มไปด้วยความโหดร้ายที่มิสมควรปรากฏในสายตาของชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้

จากนั้นเขาได้จ้องมองไปที่จื่อหยาน

“เจ้ามีหลักฐานอันใดอีกบ้างหรือไม่?!”

จื่อหยานเหลือบมองไปยังหลี่เว่ยหยาง และแววตาที่ซ่อนเร้นความเสียใจได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง โดยมิมีผู้ใดสังเกตเห็น

แต่ในท้ายที่สุด นางก็เลือกที่จะอยู่ข้างคุณชายใหญ่ และได้กล่าวออกมาอย่างไร้ความปราณีว่า:

“บ่าวเห็นด้วยตาของตนเองว่า คุณหนูสามแอบซ่อนห่อกระดาษเอาไว้ จากนั้นได้หยิบออกมาในตอนที่ชงชา”

หลี่หมินเฟิงพยักหน้า:

“ห่อกระดาษอยู่ที่ใด?”

จื่อหยานรีบร้อนหยิบห่อกระดาษออกมาขณะที่กล่าวว่า:

“มันคือสิ่งนี้”

หลังจากนั้น นางจึงเปิดมันต่อหน้าทุกคน เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในฮูหยินรองจึงร้องว่า:

“โสมแดง?”

จื่อเหยียนแกล้งหลบตาและกล่าวว่า:

“สิ่งนี้คือโสมพิษ ที่คุณหนูสามใช้ในการเปลี่ยนโสมแดง

นายท่านทุกคนได้โปรดช่วยดูด้วย เมื่อดูผิวเผินแล้วสิ่งนี้กับโสมแดงจะดูเหมือนกันทุกประการ?”

เมื่อสาวใช้ยื่นห่อกระดาษให้ผู้อาวุโสหลี่ตรวจดู นางจึงพยักหน้าเล็กน้อย

มองเพียงครู่เดียว นางก็รู้ว่ามันยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้

จากนั้นท่าทีของนางจึงหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

ทัวเป่าเจิ้นมีความรู้สึกสนใจกับภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก

ในฐานะที่เป็นคุณหนูสามของบ้านตระกูลหลี่ นางจะกล้าทำสิ่งนั้นจริงหรือ?

มันทั้งน่าสงสาร และบัดซบสิ้นดี แท้จริงแล้วลูกหลานของนางบำเรอก็มิมีทางมีจิตสำนึกที่ดีได้!

หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่กล่าวว่า

“น้องสาม ความลับมิมีในโลก ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี

เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังจะกล่าวสิ่งใดได้อีก!”

หลี่เว่ยหยางมองไปยังจื่อหยานอย่างใจเย็น:

“เนื่องจากนางคิดที่จะใส่ร้ายข้า ดังนั้นจึงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

และตอนนี้นางได้นำเสนอหลักฐานเหล่านั้นให้กับทุกคนได้เห็น

ข้าจึงเห็นว่า มิใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย!”

หลี่หมินเฟิงหัวเราะและกล่าวว่า:

“ข้ามิคาดคิดเลยว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว น้องสาวยังปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดของตนเองอีก!

ดี! หากเจ้าบริสุทธิ์ใจจริง เจ้ากล้าที่จะให้เราค้นตำหนักหยวนซีของเจ้าหรือไม่!”

หลี่ฉางซีรีบพยักหน้าเห็นด้วย:

“ถูกต้อง เนื่องจากพี่สามยืนยันว่าตนเองมิได้ทำผิดอันใด เช่นนั้นนางควรให้พวกเราตรวจสอบตำหนักหยวนซี!”

หลี่จางเล่อกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาว่า

“น้องสาม พี่ใหญ่มิเชื่อว่าเจ้าจะทำเช่นนั้นได้

แต่เนื่องจากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้า

เราจึงต้องส่งคนไปตรวจสอบตำหนักหยวนซีของเจ้า จากนั้นความจริงจะได้เปิดเผย…”

ฮูหยินสามขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย

จื่อหยานเป็นสาวใช้คนสนิทของหลี่เว่ยหยาง

เนื่องจากนางใส่ร้ายคุณหนูของตนเอง ดังนั้นบางทีนางอาจจะซ่อนหลักฐานเอาไว้ในตำหนักหยวนซีก็เป็นได้

ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว หากพวกเขาค้นพบบางสิ่ง หลี่เว่ยหยางจะมิสามารถอ้างความบริสุทธิ์ของตนเองได้

ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ หลี่เว่ยหยางกลับยิ้มออกมาอย่างใจเย็น

รอยยิ้มของนางดูมีความสงบและเยือกเย็นมากจนทำให้หลี่หมินเฟิงรู้สึกขนลุกไปชั่วอึดใจ

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท