ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 53.1

ตอนที่ 53.1

ตอนที่ 53 -1มอบแผนรับมือ

หลังจากนั้นหลี่เสี่ยวหรันได้รู้สึกว่าตนเองได้รับแรงกดดัน ทำให้ภายในหัวใจของเขามีความว้าวุ่นเป็นอย่างมาก

เขาครุ่นคิดและทุ่มเทอย่างหนักเพื่อต้องการแก้ไขเหตุจลาจลในพื้นที่ภัยพิบัติ แต่ในท้ายที่สุดทุกอย่างยังคงมืดมนและมิสามารถมองเห็นทางออกในเรื่องนี้ได้เลย

โม่ฉูนำถ้วยน้ำชามาจากด้านนอกและเมื่อเดินเข้ามาในห้อง จึงจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลี่เว่ยหยางอย่างระมัดระวัง

“คุณหนู วันนี้ฮูหยินใหญ่ได้เข้าไปไต่ถามนายท่านเกี่ยวกับเรื่องของการรับพระราชทานรางวัล…”

หลี่เว่ยหยางเลิกคิ้วและมองไปยังสาวใช้

ริมฝีปากของโม่ฉูเอียงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวว่า:

“นายท่านมีความรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญใจเป็นอย่างมาก เขาถึงกับกระโจนขึ้นและด่าว่านายหญิงใหญ่อย่างรุนแรง!

และข้าได้ยินมาว่า ตอนที่นายหญิงใหญ่เดินออกมาจากห้องทำงานของนายท่านนั้น ดวงตาแดงก่ำเหมือนกับว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก!”

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่เว่ยหยางได้คาดไว้

คุณหนูสามจิบชาแล้วจึงกล่าวว่า

“แล้วอย่างไรต่อ?”

โม่ฉูกล่าวต่อ:

“คุณชายใหญ่ได้รับคำสั่งจากนายท่าน ให้ช่วยคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ภัยพิบัติ

แต่ในที่สุด วิธีแก้ปัญหาที่เขาคิดได้นั้น ก็ถูกนายท่านปฏิเสธทั้งหมด

และยังมีสาวใช้เล่าให้ฟังว่า คุณชายใหญ่เสนอให้ จับคุณหนูมามัดและเค้นหาคำตอบสำหรับการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้

แต่เมื่อนายท่านได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับด้วยการตบหน้าและไล่เขาออกจากห้องทำงานไป”

หลี่เสี่ยวหรันเป็นบิดาที่มีความลำเอียงเป็นที่ตั้ง แต่เขามิใช่ผู้ที่โง่เขลา

หากเขามัดตัวนางไว้เพื่อเค้นหาคำตอบ ในเวลานั้น เขาก็จะมิได้รับการแก้ปัญหาแม้แต่ข้อเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเรื่องจริงที่มิมีความลับในโลก

และการเคลื่อนไหวนี้เป็นเหมือนการป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้ว่า ผู้ที่คิดแผนการทั้งหัาข้อนี้ขึ้นมามิใช่หลี่จางเล่อ

และสิ่งนี้เท่ากับเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ!

“ในตอนนี้เมื่อคุณหนูใหญ่เห็นว่า นายท่านกำลังโกรธเกรี้ยว จึงมิกล้าโผล่หน้าออกมาให้ผู้ใดได้เห็น

นางหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องของตนเองตลอดเวลา แม้กระทั่งอาหารก็ถูกส่งเข้ามาอย่างเงียบ ๆ !

“บาปกรรมมีจริง ตอนนี้ทุกคนต่างก็ด่านางว่า เสนอความคิดที่เน่าเฟะเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? เพราะมันทำให้ผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว”

หลังจากไป๋จื่อได้กล่าวจบ ก็นึกขึ้นได้ว่า หลี่เว่ยหยางเป็นผู้ที่คิดแผนการเหล่านี้ขึ้นมา จึงหุบปากทันที

หลี่เว่ยหยางยิ้ม:

“ถูกต้อง นี่เป็นความคิดที่เน่าเฟะจริง ๆ ”

ห้าวิธีนี้ แต่ละวิธีมีอันตรายซ่อนอยู่ หากมิไตร่ตรองให้ลึกซึ้งแล้ว พวกเขาจะมิสามารถมองเห็นข้อเสียได้อย่างแน่นอน

หลี่จางเล่อคิดเพียงว่า พวกมันเป็นทางออกที่ดี ดังนั้นจึงรีบเสนอหน้าว่าเป็นความคิดของตนเอง โดยมิรู้วิธีแก้ไขข้อบกพร่องนั้น

หลังจากทุกคนที่ร้องเพลงสรรเสริญนางได้ค้นพบว่า เทพธิดาที่ได้รับการสถาปนานั้นเป็นผู้ที่โง่เขลา สิ่งที่ตามมาก็คือนางจะต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส

“ข้าได้ยินมาว่า มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งที่เขียนบทกวีเพื่อวิจารณ์และด่าว่า อีกทั้งยังเยาะเย้ยคุณหนูใหญ่มาแปะไว้ที่ประตูหลังของบ้านตระกูลหลี่

โดยกล่าวว่า นางเป็นผู้ที่นำความหายนะมาสู่แผ่นดินและราษฎรทั้งหมด

ท่านพ่อบ้านได้นำบรรดาคนรับใช้ไปฉีกมันออก

ด้วยเหตุนี้ ได้มีคนแปลกหน้าใช้สีแดงมาทาบนกำแพงหิมะสีขาว ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายต่างก็มาดูและสิ่งนี้ทำให้นางมีความรู้สึกโกรธแค้นมาก!”

หลี่เว่ยหยางรับฟังด้วยความสนใจ ขณะที่มีรอยยิ้มอันงดงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางตั้งแต่เริ่มต้น

เมื่อผู้อื่นมองเห็นหน้าอาจจะคิดว่า นางเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาเท่านั้น

มิมีทางที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ว่า นางเป็นผู้วางแผนทั้งหมดนี้ด้วยตนเอง

ไป๋จื่อแอบคิดในใจว่า คุณหนูของตนเอง ช่างเป็นผู้ที่ใจดำและโหดเหี้ยมอย่างเหลือเชื่อ

ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของคุณหนูสาม สามารถทำให้คุณหนูใหญ่ต้องประสบปัญหาเช่นนี้

จะหาผู้ใดที่เก่งกาจเกินนางบนโลกใบนี้คงมิมีอีกแล้ว!

ตอนนี้แม้แต่เด็ก ๆ ตามท้องถนนก็ยังร้องเพลงด่าว่าจางเล่ออย่างสนุกสนาน

ในเวลานี้หลี่เว่ยหยางได้ลุกขึ้นกล่าวว่า:

“เราไปที่ตำหนักเหอเซียงหยวนกันเถิด”

“อา….”

ไป๋จือและโม่ฉูมองหน้ากันอย่างสับสน

“หากข้ายังลังเลที่จะมอบมาตรการรับมือ ไม่ช้าก็เร็วมันจะทำให้ท่านพ่อต้องคิดสั้น”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาที่มีอาการสงบนิ่ง และพยายามสงบสติอารมณ์

จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ผู้อาวุโสหลี่ มารดาของท่านอำมาตย์หลึ่ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้ส่งจดหมายถึงเจ้าจอมมารดาอัครมเหสีเป็นการส่วนตัว

เนื้อหาในจดหมายฉบับนั้น เป็นกลยุทธ์ในการรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้

และแน่นอนว่า เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของกลยุทธ์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในหัวของหลี่เว่ยหยาง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท