ตอนที่ 71-3 งมของในทะเลสาบ
เดิมทีหลี่จางเล่อต้องการที่จะตําหนิหลี่เว่ยหยางที่ทําปิ่นปักผมของตนเองหล่นหาย
แต่ตอนนี้นางมิสามารถกล่าวอันใดได้สักคํา ใบหน้าที่งดงามของนางเปลี่ยนเป็นหม่นหมองและริมฝีปากของนางเริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เสียงของเกาหมินดังขึ้นด้วยความร้อนรนว่า
“เหตุใดจึงกล่าวคําว่า”เรา”?! เหตุใดจึงมิลงโทษเจ้าเพียงผู้เดียวเพราะเจ้าเป็นผู้ที่ทําหล่นหายเอง?!”
หลี่เว่ยหยางถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะกล่าวว่า
“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่การทําลายของกํานัลของจักรพรรดิมีโทษคือการประหารทั้งตระกูล
ข้ามสามารถหนีพ้น พี่ใหญ่ก็มีสามารถหนีพ้น มาทุกคนก็ต้องตายเหมือนกันหมด!
โอ้! ใช่แล้ว องค์ชายห้า เมื่อท่านทูลรายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ อย่าลืมทูลฝ่า บาทด้วยว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเว่ยหยางเอง
ด้วยวิธีนี้จักรพรรดิ์อาจจะเปลี่ยนวิธีการลงโทษจากการตัดหัวของพี่ใหญ่เป็นการดื่มเหล้าพิษแทน?”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้นจบแล้ว เว่ยหยางได้จ้องมองไปยังทั่วเปารุ่ยอย่างมีความสุข
ในตอนนี้เมื่อมองดูแล้ว จะเห็นได้ว่าผมของนางเป็นเหมือนเมฆดําและใบหน้านั้นเหมือนหิมะ ที่เย็นยะเยือก
ขณะที่รูปร่างอันสง่างามอย่างยิ่งของนางเบาบาง ซึ่งดูเหมือนว่าสามารถจะปลิวไปได้เมื่อถูกลมแรงพัดผ่านมา แต่ก็มีความแข็งแกร่งที่มิสามารถอธิบายได้
ทั่วเปาปุยนิ่งเงียบ โดยมิทราบว่าจะกล่าวอันใดดี เขาคิดมีถึงว่า หลี่เว่ยหยางจะเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่นางมิได้ใส่ใจในชีวิตของตนเองเลยแม้แต่น้อย
“ในอดีต ที่ปรึกษาทางการวังขององค์รัชทายาทได้บังเอิญทําแหวนหยกที่อดีตจักรพรรดิประทานให้แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
และอดีตจักรพรรดิทรงโกรธมากจึงทรงมีราชโองการให้ประหารชีวิตเขาทันที แม้จะมีคําวิงวอนจากบรรดาขุนนางของพระองค์ก็ตาม
ราชโองการนั้นมีคําสั่งให้ฆ่าล้างตระกูลหวังทั้งหมด ต้องการเอ่ยถามองค์ชายทั้งสองว่าเว่ยหยางจํามิผิดใช่หรือไม่?”
หลี่เว่ยหยางยิ้มขณะที่เอ่ยถาม
ในตอนนั้นเมื่อหวังหยุนถูกสั่งประหารมีสาเหตุอื่น ๆ ด้วย แต่สิ่งที่เป็นสาเหตุโดยตรงคือ เหตุการณ์ที่เขาทําแหวนแตก
ทั่วเปาเจิ้นจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง ขณะที่ดูเหมือนจะมีระลอกคลื่นลมที่พัดเหนือทะเลสาบเคลื่อนเข้าหาผมและเสื้อคลุมของเขาอย่างต่อเนื่อง
ปกติเขาจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ แต่คราวนี้เขายิ้มมออกแล้ว
หลี่หมินเพื่อเฝ้ามองขณะที่หลี่เว่ยหยางยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง และกําลังใช้พลังของนาง เพื่อปกป้องเขา
ความอ่อนแอทั้งหมดสลายไปจากดวงตาของเขา จากนั้นความแข็งแกร่งของลูกผู้ชายค่อยๆควบแน่นขึ้นในความรู้สึกของเด็กชาย
เขายืนนิ่งอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยวโดยที่มิได้กล่าวอันใดออกมาเลย และทําเพียงแค่เฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไป
ทันใดนั้นหลี่จางเล่อก็ตระหนักถึงความจริง นางอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหลี่และเติบโตในตระกูลหลี่อีกทั้งยังมีความรักและความผูกพันกับผู้คนในตระกูลหลี่ทั้งหมด
แม้ว่าในอนาคตนางจะแต่งงานออกไป แต่ก็ยังคงต้องพึ่งพาชื่อเสียงของตระกูลหลี่ และอํานาจของบิดาตนเอง
แต่สําหรับหลี่เว่ยหยาง ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีสนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่านางต้องการที่จะลากสมาชิกทุกคนในบ้านตระกูลหลีไปลงนรกพร้อมกับนาง
ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นการลงโทษที่รุนแรงสําหรับการทําลายของขวัญของจักรพรรดิ แต่นาง ก็กล่าวถึงมันอย่างมิใส่ใจ
ไข่จะยังคงอยู่ได้อย่างไร เมื่อรังไข่ถูกทําลาย?
สําหรับหลี่เว่ยหยางนั้น นางมิสนใจตั้งแต่เริ่มต้น นางมิกลัวความตายเพราะนางเคยผ่านช่วงเวลาแห่งความตายมาแล้ว!
หลี่จางเล่ออดมิได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว
เกาหมินต้องการที่ตบหน้าหลี่เว่ยหยาง โดยเงื้อมมือขึ้นทันที
“เจ้า…”
หลี่เว่ยยางยิ้มราวกับว่า ตนเองเก็บงําเจตนาร้ายเอาไว้ นางแกว่งเครื่องประดับหยกในมือต่อหน้าเกาหมิน ราวกับว่าต้องการที่จะกวนประสาท
“พี่เกาเหม็น ท่านควรระมัดระวังด้วย!”
เกาหมินอดกลั้นและหดมือของตนเองลงอย่างกะทันหัน ขณะที่ดวงตาของนางแดงกําด้วยความโกรธแค้น
หลี่เว่ยหยางทําอย่างตั้งใจ นางจงใจสวมใส่ของขวัญของจักรพรรดิเอาไว้กับตนเอง
ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่บังเอิญชนนางโดยมิได้ตั้งใจมันจะเป็นการทําลายของขวัญของจักรพรรดิซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มีโทษถึงตาย!
หลี่หมินเฟิงตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการกล่าวว่า:
“น้องสามอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะส่งคนไปงมหาปิ่นปักผมหยกชิ้นนั้นเอง ทะเลสาบแห่งนี้มีโคลนอยู่ดังนั้นมันน่าจะหาได้ง่าย เราจะต้องหามันพบและจะส่งคืนให้เจ้าได้แน่นอน”
หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า
“พี่ชายใหญ่ ข้าต้องการให้พี่เกาจนเป็นคนไปงมหามัน”
คํากล่าวนี้แม้ว่าจะกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยน แต่การแสดงออกของเกาจิน ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าของเกาหมุนเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ขณะที่ดวงตารูปอัลมอนด์ของนางเบิกกว้าง:
“ หลี่เว่ยหยาง เจ้าจะทําเกินไปแล้ว!”
ทําเกินไปแล้ว?
มีแต่หญิงสาวผู้นี้เท่านั้นที่กลั่นแกล้งผู้อื่น มันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร
หลี่เว่ยหยางนัยน์ตาเย็นชาขณะที่จับจ้องไปยังเกาจิน:
“พี่เกาจิน ข้าให้โอกาสท่านเพื่อชดเชยการกระทําผิดของตนเอง หากท่านมิเต็มใจที่จะ…”
หญิงสาวจ้องมองไปยังองค์ชายหาด้วยความยินดี
“องค์ชายห้าควรไปทูลรายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ
“เจ้า…”
เมื่อได้ยินคํากล่าวของเว่ยหยางสีหน้าของเกาจินได้เปลี่ยนเป็นสีขาวจนเกือบจะเทา เขาแทบจะกล่าวอันใดมีออก
แต่ในท้ายที่สุดเขาได้เอ่ยออกมาว่า
“ดี! ข้าจะไปหาเอง”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ม้วนแขนเสื้อและพับขากางเกงขึ้น จากนั้นจึงกระโดดลงไปในทะเลสาบทันที
ขณะที่กําปั้นของเกาหมิน กําแน่นด้วยความคับแค้นใจ
“เว่ยหยางเจ้าจงใจกลั่นแกล้งพี่เกาจิน”
หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า
“โอ้เพี่เกาหมิน ท่านต้องการไปช่วยเขาหรือ?”
เกาหมินนิ่งเงียบทันที ขณะที่ดวงตาของนางเผยให้เห็นความโหดร้ายราวกับว่ากําลังจะกัดกินผู้ใดสักคน
ขณะนี้นางจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง พร้อมกลับกระทืบเท้าและหันศีรษะไปทาง ทั่วเปาเจิ้นและกล่าวว่า:
“องค์ชายสาม ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
คํากล่าวของนางล้วนมีเหตุผล เขาคิดมออกว่าจะโต้เถียงอย่างไร จึงทําได้แค่เพียงส่ายหัว
ดวงตาของหลี่จางเล่อเป็นประกายด้วยน้ําตา
“องค์ชายสาม, พี่เกาจินช่างน่าสงสารเสียเกินไป, อากาศก็หนาวเย็นมาก, จะเกิดอะไรขึ้นหาก…”
หลี่เว่ยหยางขมวดคิ้วและยิ้มอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่รีบส่งคนไปช่วยดูพี่เกาจินก่อนที่ฟ้าจะมืด บางทีอาจจะได้พบปิ่นปักผมหรืออาจจะมีของอื่น ๆ ด้วย
นางมิได้กล่าวอันใดอีก และในตอนนั้นดวงตาสีดําคู่งดงามของนางสบเข้ากับหลี่จางเล่อ
มหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวเขาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อมองหา
เข็มกลัดในน้ํา
หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวกับหลี่หมิ่นเต่อว่า
“ไปกันเถิด ท่านย่ากําลังรอเราอยู่”
นางดึงร่างของหลี่หมินเพื่อและหลังจากนั้นทั้งสองคนได้ก้าวเดินออกไป และได้หันกลับมาพร้อมกับยิ้มอย่างมีเสน่ห์ใส่พวกเขา
“จําไว้ว่า หลังจากที่ท่านพบแล้วให้ส่งปิ่นปักผมคืนมาให้ข้าด้วย”