ตอนที่ 34 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (3)
เบื้องหน้าอาคารสูงตระหง่านหลังหนึ่งในเมือง B มีคนสองคนที่บุคลิกท่าทางไม่เข้ากับที่นี่แม้แต่น้อยยืนอยู่
คนหนึ่งหนวดเครารุงรังเต็มหน้า หางตายังมีขี้ตาเกาะเกรอะกรัง กระดุมเสื้อเชิ้ตบนตัวติดบิดๆ เบี้ยวๆ เผยให้เห็นหนังท้องที่อ้วนลงพุงเล็กน้อยอยู่รางๆ มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนน่าเชื่อถืออะไร
อีกคนหนึ่งสวมเสื้อแขนสั้นราคาถูกกับกางเกงแฟชั่นจากโปรเก้าจุดเก้าหยวนในเถาเป่า เหยียบรองเท้าสเก็ตบอร์ดพื้นขาวราคาปานกลางอยู่ที่เท้า นั่งย่อกับพื้นถือโรตีไข่ม้วนกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
ตะวันลอยโด่งเหนือหัว ผู้จัดการที่มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนน่าเชื่อถือรีรอไม่ไหวแล้ว ก่อนสาวเท้าเดินไปยืนอยู่ข้างตันหวาย หลิวหลิวถามว่า “เมื่อเย็นวานนี้ สายที่นายรับเป็นสายของเริ่นตงหลิวสตูดิโอจริงๆ หรือ?”
“ผมจะไปรู้ได้ไง?” ตันหวายมองหลิวหลิวด้วยสายตาเหมือนมองคนไม่เต็มเต็ง พูดงึมงำฟังไม่ชัดเพราะยัดโรตีไข่ม้วนไว้เต็มปาก “ผมไม่รู้จักเริ่นตงหลิวด้วยซ้ำ เขาว่ายังไงก็อย่างงั้นแหละ”
ตันหวายทำเอาหลิวหลิวสำลัก เหงื่อแตกพลั่กพลางกล่าว “ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม นั่นมันเริ่นตงหลิวเชียวนะ สตูดิโอของเริ่นตงหลิวจะไปโทรศัพท์หานายได้อย่างไรกัน”
เริ่นตงหลิวคือใคร? ในบรรดาผู้กำกับรุ่นใหม่อาจพูดไม่ได้ว่าโดดเด่นที่สุด แต่อันดับย่อมจัดว่าไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน อายุเพียงแค่สามสิบ กลับเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนทั้งวงการบันเทิง ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับ ไม่มีเจ๊งเลยแม้แต่เรื่องเดียว
คนแบบนี้เอ่ยปากขอเยี่ยชิวถ่ายหนัง? พูดตามตรง ตีเขาให้ตายก็ไม่เชื่อ แต่ไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในใจเขายังพอมีความหวัง ดังนั้นเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเยี่ยชิวตอนเช้าตรู่ ไม่ทันไรก็รีบเตรียมตัวรีบออกจากบ้านทันที
ตันหวายไม่พูดไม่จา จัดการโรตีไข่ม้วนในมืออีกสองสามคำจนหมด ก่อนเอาถุงพลาสติกโยนลงถังขยะ ตันหวายลุกขึ้นยืนเงยหน้ามองตึกระฟ้าเบื้องหน้า เอ่ยปากกล่าว “ไปกันเถอะ”
“จะ…จะเข้าไปจริงๆ น่ะ?” หลิวหลิวกลืนน้ำลายเอื๊อก ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว
ตันหวายก้าวขึ้นบันไดโดยไม่พูดอะไรสักคำ และไม่ได้สนใจผู้จัดการที่อยู่ข้างหลัง ก่อนเดินตรงเข้าไปโดยไม่เหลียวหลังมามองอีก
หลิวหลิวเบิกตาค้าง มองเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผ่าเผยพลางขบกราม แล้วเกร็งหนังหัวเดินตามเข้าไป
เริ่นตงหลิวสตูดิโอบนตึกระฟ้าสิบสามชั้น ผู้คนด้านในกำลังทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม่พบเจอความวุ่นวายแม้แต่น้อย
เมื่อตันหวายปรากฏตัวอยู่หน้าประตูสตูดิโอก็ไม่ได้เป็นที่สนใจมากมายนัก มีเพียงผู้ดูแลที่แต่งหน้าพองามเงยหน้าขึ้นพิจารณาตันหวายสองสามรอบ จากนั้นก็ยิ้มถามว่าเขาคือเยี่ยชิวใช่หรือไม่
ตันหวายพยักหน้า ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าว “เมื่อวานผมได้รับโทรศัพท์ บอกว่าต้องการให้ผมมาแคสติ้งที่นี่”
ผู้ดูแลดันแว่นตาบนดั้งจมูก ผงกศีรษะเป็นเชิงว่าเข้าใจ
“เชิญค่ะ รายละเอียดงานไว้เราเข้าไปตกลงกัน” ผู้ดูแลพูดพลางผายมือเชิญตันหวาย
หลิวหลิวที่เดินตามมาข้างหลังเห็นภาพตรงหน้าก็พูดอะไรไม่ออก ที่แท้คนที่โทรมาหาเขาเมื่อคืนเป็นคนจากเริ่นตงหลิวสตูดิโอจริงๆ!
นี่ถือว่าขนมเปี๊ยะยัดไส้หล่นมาจากฟ้าได้หรือเปล่า? โอ้ไม่สิ เป็นพิซซ่า นี่ต้องเป็นพิซซ่าแน่ๆ
“นี่เป็นบทในส่วนของตัวละครคุณ ถ้าหากยืนยันจะร่วมแสดง ก็เซ็นชื่อลงในสัญญาได้เลยค่ะ” ผู้ดูแลวางเอกสารสองฉบับไว้บนโต๊ะ “ไม่พอใจก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่เก็บไว้เป็นความลับก็พอ”
ตันหวายขมวดคิ้วพลิกดูบท กล่าวอย่างสงสัยว่า “ไม่ต้องแคสติ้งเหรอครับ?”
หลิวหลิวก็มึนงงไปหมดเช่นกัน เขาลองอ่านสัญญาบนโต๊ะดู แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ดูแลด้วยความตกใจระคนสงสัย คิดในใจว่านี่คงไม่ได้หลอกกันเล่นหรอกนะ มีอย่างที่ไหนไม่ใช่แค่ไม่แคสติ้ง พอเข้ามาก็โยนสัญญาให้ทันทีเลย?
หลิวหลิวลุกพรวดขึ้นมา ไม่สนใจท่าทางตื่นตะลึงของผู้ดูแล คว้ามือตันหวายไว้หมายจะเดินออกไป พวกเขาท้อแท้สิ้นหวังกันขนาดนี้แล้ว จะโดนหลอกอีกไม่ได้เด็ดขาด
ก้าวเท้าจะออกไป ยังไม่ทันรอให้หลิวหลิวย่างเหยียบฝีเท้า เจ้าของข้อมือที่เขาคว้าจับไว้ก็ฉุดเขากลับมา
ตันหวายแทบจะโกรธเขาจนหัวเราะ ก่อนปัดมือของหลิวหลิวออก ตันหวายถาม “คุณเป็นไส้ศึกที่นักแสดงห้องข้างๆ ส่งมาหรือไง”
อืม ส่งมาจัดการเขาโดยเฉพาะ ตันหวายกลุ้มอกกลุ้มใจ ไอคิวแบบนี้มาเป็นผู้จัดการเขาได้ไงเนี่ย!
ตอนที่ 35 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (4)
ถึงแม้บริษัทของเจ้าของร่างเดิมจะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่กฎระเบียบและข้อบังคับกลับมากกว่าบริษัทใหญ่อื่นๆ อยู่ไม่น้อย ข้อบังคับข้อหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ หากนักแสดงร่วมงานกับองค์กรอื่นใดนอกเหนือจากบริษัทเรา ต้องได้รับความเห็นชอบจากบริษัทเราก่อน
ตันหวายอ่านข้อบังคับข้อนี้ แล้วอ่านอีเมลตอบกลับบนคอมพิวเตอร์ กระตุกยิ้มมุมปาก สบถด่าว่าโคตะระพ่องเอ็งสิ
สมองของเยี่ยชิวนี่โตมาอย่างไร เงื่อนไขเผด็จการอย่างนี้เขาก็ตกลงเซ็นสัญญา มิน่าเล่าอยู่มานานจนป่านนี้ถึงยังไม่ได้เงยหน้าอ้าปากเสียที
“ระบบ ไหนคุณบอกมาซิ เป็นแบบนี้แล้ว คุณจะให้ผมช่วยเขาแก้แค้นอย่างไร?” ตันหวายเรียกหาระบบทันที
(ท่านเจ้าของร่างไม่ต้องรีบร้อน ต้องมีวิธีอื่นอีกอย่างแน่นอน)
“วิธีอื่น?” ตันหวายหน้าดำคร่ำเครียด อยากจะจับไอ้ระบบนี่โยนกลับศูนย์แล้วประกอบใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด
“วิธีอะไร? ไปเป็นเด็กชงเหล้า หรือยกเลิกสัญญาซะเลย? ไม่งั้นก็ไปหาเสี่ยเลี้ยง?” ตันหวายโกรธจนปวดตับ “คุณรู้ไหมว่าเจ้าของร่างเดิมเซ็นสัญญามากี่ปีแล้ว? สิบปี! คุณรู้ไหมว่าค่าปรับผิดสัญญามันเท่าไหร่?”
ระบบกระดากอาย (ท่านเจ้าของร่างไม่ต้องรีบร้อน ระยะเวลาภารกิจของท่านคือตราบเท่าที่มีชีวิต)
ตราบเท่าที่มีชีวิตเชี่ยไรของเอ็ง!
ตันหวายหัวระเบิด
_____________
“ตอบกลับมาแล้ว?” เริ่นตงหลิวขมวดคิ้ว สูบบุหรี่เข้าปอดแรงๆ หลายที
“ใช่ครับ” ผู้ช่วยถือปึกเอกสาร ลำบากใจเล็กน้อย “ทราบมาว่าผิดใจกับทางผู้ใหญ่ เลยถูกพักงานชั่วคราว”
เริ่นตงหลิวไม่กล่าววาจา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผู้ช่วยกลืนน้ำลายอึก รู้สึกว่าเจ้านายของตนน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“จริงๆ แล้วบทบาทนี้ยังมีตัวเลือกที่เหมาะสมอีกหลายคน ถ้าไม่อย่างนั้นท่านจะพิจารณาดูอีกครั้งไหมครับ?”
เริ่นตงหลิวเขี่ยบุหรี่ในมือ ถามเสียงเรียบนิ่ง “คุณกำลังกังขาสายตาของผมหรือ?”
“เปล่าครับ!” ผู้ช่วยประสาทตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน
“เจ้าของบริษัทไหลอวี๋คือใคร? ช่วยผมต่อสายหน่อย” เริ่นตงหลิวกล่าวพลางควานเอาซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง แล้วหยิบบุหรี่ข้างในออกมามวนหนึ่ง เริ่นตงหลิวคาบมันไว้ในปาก แต่กลับไม่ได้จุดไฟ
ผู้ช่วยหนาวสะท้าน คิดในใจว่าเจ้านายของตนช่างให้ความสำคัญกับนักแสดงที่ชื่อว่าเยี่ยชิวคนนี้มากจริงๆ
เมื่อต่อสายติด ผู้ช่วยก็ยื่นมือถือส่งให้เริ่นตงหลิวแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
เริ่นตงหลิวเอนพิงกับโซฟา ปิดดวงตาลงเบาๆ ไฝเล็กบนเปลือกตาเผยปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
“สวัสดีครับ ผมเริ่งตงหลิว”
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากบริษัท ตันหวายกำลังหลบมานั่งสเก็ตช์ภาพอยู่ในสวนสาธารณะของเมือง B แม้จะเชื่อมต่อกับระบบทะลุข้ามไปมาระหว่างโลกต่างๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กเอกจิตรกรรม และไม่อยากรอถึงวันที่ได้กลับไปแล้วกระทั่งดินสอก็ยังยกไม่ขึ้น
“เห็นชอบแล้ว?” ตันหวายตะลึงงัน รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมจู่ๆ ถึงได้เห็นชอบล่ะ?”
หลิวหลิวจากอีกฟากหนึ่งของมือถือก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะสาเหตุใด พูดได้เพียงว่า ตอนนี้พวกเขาโชคชะตาพลิกผันแล้วจริงๆ
ตันหวายไม่ได้เชื่อเรื่องโชคชะตาอะไรพวกนั้น เขาไม่ใช่คนดวงดีด้วย แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เห็นชอบแล้วก็เป็นเรื่องดี เห็นชอบแล้วอย่างน้อยก็ยังพอมีความหวัง
หยิบดินสอขึ้นมาสเก็ตช์ภาพต่ออย่างอารมณ์ดี จู่ๆ ตันหวายก็เอ่ยถาม “ระบบ คุณว่าในโลกนี้ จะมีจวินเฉิงด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?”
ระบบนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ตันหวายก็ไม่ใส่ใจ พูดรำพึงรำพันกับตนเอง
“หรือว่า ไม่มีจวินเฉิง แต่มีคนหน้าตาเหมือนเขาสักคนก็ยังดี”
“ผมสงสัยว่าไป๋เยว่อาจจะเป็นจวินเฉิงกลับชาติมาเกิด คุณคิดว่าไง?”
“ระบบ ตอนคุณยังมีชีวิตคงไม่เคยมีความรักใช่หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมคุณไม่พูดเลยสักคำ?”
“ระบบ…”
(ท่านเจ้าของร่าง ระบบ H3883 ขอแจ้งเตือนท่าน ระบบเปราะบางมาก ไม่อาจรักได้ โปรดอย่าทำร้ายกัน)
ตันหวายฟังแล้วก็ชอบใจ “แหม~ตอนมีชีวิตคงดูละครเยอะสิท่า”
(…)
เจ้าของร่างเป็นคนช่างจ้อจะทำอย่างไรดี? ถือสายรออยู่ เร่งด่วนมาก