Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 24

ตอนที่ 24

ตอนที่ 24 ช่วยฉันด้วย!

ในเขตพักอาศัยที่แปดสิบแปด

เมื่อชายหนุ่มออกจากบ้าน จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งดึงเขากลับเข้าไป “รีบเข้าบ้านปิดประตู! อย่าไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น!”

ฉินอวี่จำได้ว่าชายหนุ่มคือลูกของหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของบ้านเช่า

หัวหน้าแก๊งหัวเราะสุดเสียงพลันมองหลินเหนียนเล่ยพร้อมกล่าวยั่วยุ “เห็นไหม? ยุคนี้ไม่มีใครอยากแส่เรื่องคนอื่นหรอก แค่ตะโกนแหกปากคิดว่าจะมีใครช่วยงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”

หลินเหนียนเล่ยเดินถอยหลังติดประตูบ้านพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “บอกแล้วว่ากล้องไม่ได้อยู่กับฉัน…ฉันส่งให้สำนักงานไปแล้ว ปล่อยฉันเถอะ…”

หัวหน้าแก๊งก้าวเข้าไปกระชากหัวหลินเหนียนเล่ย “นี่เธอกล้าโกหกฉันเหรอ?! คิดว่าคนอย่างฉันจะเสียเวลามาที่นี่ทำไม? ถ้าไม่แน่ใจว่าของอยู่ที่เธอ? หืม?”

หลินเหนียนเล่ยมองกลุ่มชายฉกรรจ์ด้วยความตื่นกลัวพลันตอบอย่างประหม่า “เอ่อ… คือจริงๆ แล้วกล้อง…”

‘ตุบ!’

หัวหน้าแก๊งหมดความอดทนกระแทกหัวหลินเหนียนเล่ยกับประตูอย่างแรง “แม่งเอ๊ย! เธอทำให้ฉันหมดความอดทนแล้วนะ!”

หลินเหนียนเล่ยตื่นกลัวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างมาก

“ตงจือ ลากมันเข้าไปในบ้าน คงต้องเปลี่ยนวิธีคุยกันหน่อยแล้วมั้ง!”

“นายจะทำอะไร?”

“ในเมื่อให้โอกาสแล้วไม่พูด…คืนนี้คงต้องช่วยคลายหนาวสักหน่อย!” หัวหน้าแก๊งกล่าว

ทันใดนั้นผู้ชายคนหนึ่งก็ถีบประตูบ้านเข้ามาพร้อมดึงตัวหลินเหนียนเล่ยไป!

ปัง!

เมื่อประตูบ้านเปิดฉินอวี่รีบพาหลินเหนียนเล่ยออกมา “เกิดอะไรขึ้น…ทำไมพวกมันถึงรุมทำร้ายคุณ?”

หลินเหนียนเล่ยรีบเงยหน้ามอง เมื่อพบว่าเป็นฉินอวี่ก็รู้สึกโล่งใจพลันกล่าวอย่างตื่นตระหนก “ช่วยฉันด้วย!”

ฉินอวี่เป็นคนเย็นชา ตรงไปตรงมาและไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นหากไม่จำเป็น แต่เขารู้ว่าคนกลุ่มนี้คงไม่ปล่อยหลินเหนียนเล่ยไปง่ายๆ แน่ ดูจากปัญหาที่ประสบอยู่ แสดงว่าต้องมีเบื้องหลังอะไรสักอย่าง หากปล่อยไว้คงไม่ใช่เรื่องดี

“นายเป็นใคร?” หัวหน้าแก๊งเอ่ยถาม

“ฉันเป็นตำรวจอยู่แถวนี้” ฉินอวี่ยืนกล่าวอยู่หน้าประตู “ดึกมากแล้ว…ถ้ามีปัญหาค่อยสะสางต่อพรุ่งนี้ เลิกก่อเรื่องวุ่นวายสักที”

“นายเป็นตำรวจงั้นเหรอ?” หัวหน้าแก๊งถาม “ใครเป็นหัวหน้านาย?”

ฉินอวี่เลี่ยงตอบคำถาม “อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก…แค่ปล่อยเธอไป”

“อย่ามาสั่งฉัน” หัวหน้าแก๊งกล่าวพลางขมวดคิ้ว “นายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ หลีกไปซะ!”

หัวหน้าแก๊งเมินฉินอวี่พร้อมกระชากแขนหลินเหนียนเล่ยพลันถามขู่ “ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะเอากล้องให้ฉันไหม?”

“ก็บอกไปแล้วว่ากล้อง…”

‘พรึ่บ!’

หลินเหนียนเล่ยพูดไม่ทันจบประโยค ฉินอวี่ก็ก้าวเข้าไปคว้าแขนหัวหน้าแก๊งทันที “อย่าก่อเรื่องแถวนี้จะดีกว่า”

หัวหน้าแก๊งมองฉินอวี่ด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “ฉันคือไอเสือจากตรอกเถ้าธุลี ถ้าไม่รู้จักก็ลองโทรถามคนในสำนักงานตำรวจดูสิ!”

ฉินอวี่ขมวดคิ้วสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ปล่อยสิวะ!” ไอเสือตะโกนและพยายามสะบัดแขนฉินอวี่ออกอย่างเหลืออด

ทว่าฉินอวี่ยังจับแขนไอ้เสือไว้แน่นเหมือนสัตว์ที่ตะครุบเหยื่อได้ “ทำไมหัวแข็งขนาดนี้?”

‘ตุบ!’

ไอเสือชกหน้าอกฉินอวี่ “รู้จักเจียมตัวบ้าง! เป็นแค่ตำรวจชั้นต่ำแท้ๆ!”

ฉินอวี่มองไอเสือด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ตอบโต้

ไอเสือตบหัวฉินอวี่อย่างแรงพลันเอ่ยถาม “มองหน้าฉันทำไม? คิดจะจับฉันเหรอ? ถ้าแน่จริงก็ลองดู!”

‘กร๊อบ!’

ฉินอวี่จับแขนอีกข้างของไอเสือหักไปด้านหลังและเตะตัดขาจนล้มลง!

‘ตุบ!’

ไอเสือล้มลงพื้น

“นายบอกว่าตัวเองเป็นเสือใช่ไหม? งั้นบอกหน่อยสิ…ในตรอกเถ้าธุลีมีสิงโตแล้วหรือยัง?” ฉินอวี่หัวเราะเยาะพลันเตะหัวไอเสือสามครั้งจนกลิ้งตกบันได!

ลูกน้องทั้งสองของไอ้เสือชักมีดออกมาพลันพุ่งเข้าใส่ฉินอวี่หมายจะแทง

‘แกร๊ก!’

ฉินอวี่รีบหยิบปืนที่ไอเสือพกมาพร้อมปลดระบบความปลอดภัยไปยังชายทั้งสอง “นายกล้าชี้มีดใส่ตำรวจงั้นเหรอ? คิดว่าฉันไม่กล้ายิงพวกนายหรือไง?”

“อย่าปากดี!”

‘ปัง!’

เสียงปืนดังลั่น

‘กรี๊ด!’

หลินเหนียนเล่ยหมอบลงพื้นพลันกุมศีรษะด้วยความกลัว

กระสุนพุ่งทะลุแก้มลูกน้องไอเสือจนยืนอึ้งไม่ชั่วขณะ

“บอกว่าฉันปากดีไม่ใช่เหรอ? แล้วจะหลบทำไม?” ฉินอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยู่นิ่งๆ สิ ฉันจะได้เล็งหัวให้แม่นหน่อย”

ลูกน้องไอเสือยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าฉินอวี่แกล้งทำหรือเสียสติไปแล้วจริงๆ จึงไม่อยากเสี่ยงลองดีกับปืน

ไอเสือนอนอยู่บนพื้นส่ายหัวตั้งสติพลันตะโกนสั่ง “เวรเอ๊ย! ตงจือ…โทรหาคนของเราเดี๋ยวนี้!”

‘ตุบ ตุบ ตุบ!’

ฉินอวี่ใช้ปืนทุบหัวไอเสือแปดครั้งพลันกล่าว “คิดว่าปืนทำอะไรพวกนายไม่ได้หรือไง? คิดจะสู้กับฉันลุกขึ้นมาให้ได้ก่อน!”

ไอเสือถูกท้ายปืนทุบจนเลือดออกและเริ่มไม่รู้ตัวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

“หมอบ!” ฉินอวี่ตะโกนสั่งพลันเล็งปืนใส่ลูกน้องไอเสือ

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนค่อยๆ หมอบลงพื้นด้วยความหวาดกลัว

ฉินอวี่คิดบางอย่างได้จึงหันไปบอกหลินเหนียนเล่ย “ไปเอาโทรศัพท์ที่บ้านฉันมาให้หน่อย”

หลินเหนียนเล่ยยังคงหมอบนิ่งไม่กล้าเงยหน้า

ฉินอวี่ใช้เท้าเตะแขนหลินเหนียนเล่ยเบาๆ พลางกล่าว “แค่นี้ยังกลัวจนตัวสั่น แล้วทำทีกล้าหาญขนาดนั้นทำไม? รีบลุกไปเอามือถือข้างเตียงฉันมาเร็ว!”

หลินเหนียนเล่ยรวบรวมสติวิ่งเข้าไปหาโทรศัพท์ในบ้านฉินอวี่อย่างรวดเร็วก่อนกลับมา

เมื่อได้โทรศัพท์ฉินอวี่ก็กดโทรหาจู้เหว่ยทันที “ฉันจับคนร้ายได้สามคน…เอารถมารับพวกมันหน่อย”

ไอเสือที่นอนอยู่ที่พื้นได้ยินสิ่งที่ฉินอวี่พูดก็เบิกตากว้างพลันเอ่ยถาม “ไอฉิบหาย! นายเอาจริงเหรอ?”

ฉินอวี่ยกปืนขึ้นขู่เหมือนจะทุบหัวไอเสืออีกครั้ง

ไอเสือหวาดกลัวจนเงียบปากและทำได้เพียงกัดฟันรอให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจมารับตัวไป

ฉินอวี่เดินไปหาหลินเหนียนเล่ยพร้อมถาม “คุณไปทำอะไรไว้ พวกมันถึงตามมาทำร้ายคุณแบบนี้?”

“ฉ…ฉันแอบถ่ายภาพพวกมัน” หลินเหนียนเล่ยหลบตาขณะตอบ “มันคืองานของฉัน”

“คุณถ่ายอะไรไว้?”

“ฉันถ่ายรูปตอนพวกมันกำลังเจรจาขายยาให้พวกค้ายาเถื่อน” หลินเหนียนเล่ยตอบความจริงหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ฉินอวี่หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินดังนั้น “พวกมันลักลอบขายยาด้วยเหรอ?”

“อืม ฉันตามเรื่องนี้มาสองสามวันแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันถูกจับได้และโดนขโมยกล้องไป” หลินเหนียนเล่ยกล่าวต่อ “คนพวกนี้ไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย ขณะที่คุณพยายามปราบปรามคนลักลอบขนยาแทบตาย พวกมันกลับใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ขึ้นราคายาจนคนในสลัมไม่มีปัญญาซื้อ ไหนจะบังคับให้ชาวบ้านขายอวัยวะเพื่อจ่ายแทนเงินอีก…ไม่ต่างจากฆาตกรที่หากินกับร่างมนุษย์!”

ฉินอวี่ครุ่นคิด

จู้เหว่ยจากสำนักงานตำรวจมาถึงในครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาตกใจเมื่อเห็นไอเสือ “พี่เสือมาทำอะไรที่นี่?!”

“น้องจู้เหว่ย?” เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ไอเสือก็ลุกขึ้นยืนทันทีก่อนกล่าว “ฉันจะโทรหาเพื่อน”

ฉินอวี่มองจู้เหว่ยพร้อมถาม “นายสองคนรู้จักกันเหรอ?”

“นายจับเขาทำไม? เขาเป็นเพื่อนผู้หมวดหยวนนะ!” จู้เหว่ยกล่าวอย่างตื่นตระหนก

“ไอ้โง่! ถ้าวันนี้นายไม่ถูกลงโทษ ฉันจะตามรังควานครอบครัวนาย!” ไอเสือเช็ดเลือดจากใบหน้าก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรหาหยวนเค่อ

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท