ตอนที่ 42 การปะทะกันของสองอำนาจ
ณ ถนนเถ้าธุลี สงครามระหว่างตระกูลหม่าและตระกูลหยวนได้ปะทุขึ้น กลุ่มคนนับพันยืนเผชิญหน้าพร้อมกับ อาวุธในมือที่มีแสงสะท้อนแวววาวอย่างเย็นยะเยือก บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางฝูงชน หยวนเค่อมองไปยังเฒ่าหม่าพร้อมเอ่ยถาม “การที่ฉันปล่อยให้พวกแกอยู่กันอย่างอิสระจนถึงตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าให้พวกแกทำตัวเป็นเจ้าถิ่นแบบนี้ ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย…จะยอมถอยไปดี ๆ ไหม?”
“คนของฉันล้อมถนนเส้นนี้ไว้หมดแล้ว จะมาให้ถอยเอาป่านนี้เนี่ยนะ?” เฒ่าหม่าวางท่าทีสุขุมเช่นเคยก่อนหันไปถามลูกน้องด้านหลังว่า “พวกนายคิดว่าไง?”
“เราอดตายแน่ ถ้าเส้นทางขนส่งสินค้าของเราถูกตัด!” ชายร่างท้วมคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
“ทุกคนมีปัญญาซื้อยาจากตระกูลหยวนหรือเปล่า?” เฒ่าหม่าหันไปมองพลเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณถนนเถ้าธุลีและตะโกนถาม
“ไม่!”
“แล้วจะทำไง? หรือว่าจะนอนรอความตายงั้นเหรอ?”
“ไม่รอ! ถ้าเราไม่ได้ยา…ใครก็อย่าหวัง!”
“ถ้างั้นก็จัดการพวกมันซะ!”
คนนับร้อยต่างโห่ร้องกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นฉากที่น่าทึ่งอย่างมาก คนของตระกูลหม่าเข้าโอบล้อมตามคำสั่ง
หยวนเค่อมองฝูงชนด้วยสีหน้ากระวนกระวาย เขารีบหันไปออกคำสั่งกับหัวหน้าหน่วยสามและคนอื่นๆ “จัดการพวกมัน! ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น! ไม่ว่ายังไงบริษัทเราก็ต้องชนะ!”
หยวนเค่อหมุนตัวเดินออกไปทันทีที่พูดจบ
คนฝั่งตระกูลหยวนเปิดลังไม้ที่ถูกส่งมาและแจกจ่ายอาวุธในนั้นให้สมาชิก จากการดูลักษณะอุปกรณ์ของอาวุธแล้วก็สามารถเดาได้ว่าพวกเขาเป็นพวกชนชั้นสูงที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคงถึงมีอาวุธครบมือขนาดนี้
“เคลียร์ทางเข้าโกดัง!” หัวหน้าหน่วยสามตะโกนลั่น
กลุ่มคนนับร้อยต่างวิ่งกรูไปหน้าโกดังที่ฉินอวี่หลบซ่อนตัวอยู่
“ปัง!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น
ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ
ฉินอวี่ยิงปืนขึ้นฟ้าพร้อมตะโกน “เรื่องยังไม่จบ คุณจะรีบหนีไปไหนเล่าผู้หมวดหยวน?”
หยวนเค่อที่เดินไปไกลกว่าสิบเมตรหันกลับมามองทันที
ฉินอวี่เก็บปืนใส่ซองด้านหลังขณะเดินไปหาหยวนเค่อ ระหว่างนั้นเขาหันมองเฒ่าหม่าและพูดขึ้น “อย่าเพิ่งลงมือ ฉันขอคุยกับเขาก่อน…เราอาจจะจบเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง…”
“ดูเหมือนแกจะยังไม่เข้าใจสินะ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!” หยวนเค่อชี้นิ้วใส่ฉินอวี่ก่อนตะคอก “รู้หรือเปล่าว่ากำไรที่ได้จากตลาดยาทั้งเขตนี้ มันมากแค่ไหน?! ฉันรู้ว่าแกอยากสะสางทุกอย่างให้จบ…แต่ใครอนุญาตให้แกทำมิทราบ?!”
“กริ๊ง!”
หยวนเค่อพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“รับสิ” ฉินอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม
หยวนเค่อลังเลชั่วครู่ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมา เขากดปุ่มรับสายขณะจ้องเขม็งไปที่ฉินอวี่ “สวัสดีครับ?”
“ตอนนี้สินค้ากับลูกน้องของนายอยู่ในกำมือฉันแล้ว” เสียงชายแปลกหน้าดังมาจากปลายสาย
หยวนเค่อนิ่งอึ้งทันทีที่ได้ยิน
“พวกนายตกลงกันเสร็จเมื่อไหร่ค่อยโทรหาฉันอีกทีแล้วกัน” พูดจบชายแปลกหน้าก็กดวางสายไป
หยวนเค่อมีสีหน้าประหม่า ยืนถือโทรศัพท์ค้างไว้ด้วยความสับสน กระทั่งเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันทีเมื่อเห็นหน้าฉินอวี่
ฉินอวี่พูดขึ้นขณะล้วงบุหรี่ไฟฟ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ผู้หมวดหยวน ผมยังยืนยันคำเดิม…ปล่อยฉีหลินไปซะ”
“นี่แกกับตระกูลหม่ารวมหัวกันยึดสินค้าฉันงั้นเหรอ?” หยวนเค่อกำหมัดแน่นขณะพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
ฉินอวี่ไม่ตอบอะไรนอกจากหัวเราะเบาๆ
“ไม่จริง…” หยวนเค่อพูดพึมพำทั้งที่ยังจ้องฉินอวี่อยู่ “บอกฉันมาว่าใครถือหางแกอยู่? ฉันไม่เชื่อคนอย่างแกจะกล้าทำแบบนี้ด้วยตัวคนเดียว!”
ฉินอวี่จ้องหยวนเค่อกลับโดยไม่พูดคำใด
“ตาแก่หลี่งั้นเหรอ?” หยวนเค่อพึมพำหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เขาชี้นิ้วไปยังฉินอวี่ก่อนจะพูดว่า “มันใช่ไหม?”
“สินค้ากับคนของคุณจะปลอดภัย ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่แตะต้องฉีหลินอีก”
“ฉันเสนอทางเลือกให้แล้ว แต่ทำไมแกยังดื้อด้านอยู่ข้างเฒ่าหลี่อีก?!” หยวนเค่อแผดเสียงลั่น “คิดเหรอว่ามันจะหนุนหลังแกไปได้ตลอด? จะบอกให้เอาบุญ…ตาแก่นั่นตัวคนเดียว ไม่เหมือนฉันที่มีคนเกือบทั้งสำนักงานเป็นพวก! ถึงฉันจะเรียกมันว่าผู้กำกับการ แต่รู้ไหมว่าข้างนอกนั่นฉันเรียกมันว่าอะไร?”
“ผมรู้ว่าคุณมีคนหนุนหลังคุณอยู่” ฉินอวี่พยักหน้า
“โลกนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนอ่อนแอ เมืองซ่งเจียงมีอะไรมากกว่าที่นายรู้ ถ้าไม่มีคนคอยสนับสนุน…เดินผิดแค่ก้าวเดียวก็ตกหน้าผาตายได้”
“เรื่องนั้นผมรู้ดี เพราะผมผ่านมันมาเรียบร้อยแล้ว” ฉินอวี่ตอบพร้อมหรี่ตาพูด “ถ้าผมไม่ไหวตัวทันและหันไปเจรจากับเฒ่าหม่าซะก่อน เมื่อคุณยึดเส้นทางขนสินค้าได้…ผมคงโดนแทงข้างหลังเข้าสักวัน”
หยวนเค่อไม่รู้จะตอบกลับยังไง
“เอาตรงๆ เลยนะ ที่ผ่านมา…ผมยอมทำงานสกปรกให้ก็เพื่อแลกกับการสนับสนุนเท่านั้น ซึ่งอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป มาพูดถึงเรื่องฉีหลินกันดีกว่า” เมื่อพูดถึงเรื่องฉีหลิน รอยยิ้มบนหน้าฉินอวี่ก็หายไปในพริบตา เขาถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ผมจะถามอีกครั้ง…จะยอมถอยและปล่อยตัวฉีหลินได้หรือเปล่า?”
“ไม่…”
“ไม่งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็เข้าไปจับเลยสิ!” แววตาของฉินอวี่เปลี่ยนเป็นดุดันทันที เขามองไปยังหยวนเค่อและตะโกนลั่น “ผมจะปล่อยให้คุณเข้าไปเอาตัวฉีหลินก็ได้ แต่หกชั่วโมงหลังจากนี้…ผมจะใช้หลักฐานการเงินทุกอย่างที่รวบรวมได้เข้าเปิดเผยขบวนการค้ายาของตระกูลหยวน หวังว่าคุณคงกล้าพอเดิมพันนะ!”
“ไอ้นรก! ก็ลองแตะต้องพวกเขาดูสิ เราจะได้เห็นดีกัน!” หยวนเค่อยกมือขึ้นหมายจะตบฉินอวี่อีกรอบ
ทว่าคราวนี้ฉินอวี่ยกมือขวาขึ้นขับข้อมือหยวนเค่อแน่นราวกับกรงเล็บเหยี่ยวพลันถ่มน้ำลายลงพื้น “ผมไม่ใช่ฉีหลิน ผมจะจัดการทุกคนที่เข้ามาหาเรื่อง ที่ผ่านมาผมไว้หน้าคุณมากพอแล้ว…แต่จากนี้ไปอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“เพียะ!”
หลังพูดจบ ฉินอวี่ยกมืออีกข้างตบหน้าหยวนเค่อทันที
“รนหาที่ตายนักนะ…” หัวหน้าหน่วยสามตกตะลึงก่อนยกปืนขึ้นเล็งหัวฉินอวี่อย่างรวดเร็ว
ฉินอวี่หันไปมองหัวหน้าหน่วยสามพร้อมพูดว่า “เป็นแค่หมาข้างถนนไม่มีสิทธิ์พูด!”
ทันทีที่ฉินอวี่พูดจบ ชายสามคนที่ยืนอยู่หลังเฒ่าหม่าก็ยกปืนเล็งไปที่หัวหน้าหน่วยสามเช่นกัน
…
ณ สำนักงานตำรวจ
หลังจากรับสาย ผู้กำกับการตำรวจหลี่ได้มองออกไปนอกหน้าต่างครู่หนึ่งก่อนกดเบอร์โทรของหยวนหัว
“ว่าไงผู้กำกับหลี่! ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ!” เสียงร่าเริงของหยวนหัวดังขึ้น
“เห็นแก่หน้าฉัน ปล่อยคนของฉันที่ถนนเถ้าธุลีไปซะ” ผู้กำกับการตำรวจหลี่พูดเปิดประเด็นทันที
หยวนหัวนิ่งเงียบชั่วครู่ก่อนตอบกลับ “ไม่ได้หรอก…คุณก็รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ได้ผลประโยชน์จากการขายยา คนของคุณมีเส้นทางขนสินค้าอยู่ในมือ แถมเฒ่าหม่าคู่แข่งเราก็ยังหมายตาสิ่งนั้นอยู่…แล้วจะให้ผมปล่อยไปได้ยังไง?”
“ฉันไม่สนเรื่องผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น” ผู้กำกับการตำรวจหลี่ขมวดคิ้ว “หวังว่าคืนนี้…คนของฉันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“ฮ่าๆๆ!” หยวนหัวหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับ “ผมคงจะยากหน่อย”
“ทั้งสินค้าและลูกน้องของนายอยู่ในมือเฒ่าหม่าแล้ว” ผู้กำกับการตำรวจหลี่พูด “ถ้าเกิดขึ้นอะไรขึ้นกับคนของฉัน…พวกนายเตรียมตัวรับชะตากรรมได้เลย เพราะต่อให้ได้เส้นทางขนสินค้าจากฉีหลินไป ก็ต้องเจอปัญหาสูญเสียสินค้าล็อตใหญ่ไปอยู่ดี!”
หยวนหัวนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำขู่
…
สิบนาทีต่อมา
หยวนเค่อรับสายจากพี่ชายของเขา “ว่าไง?”
หยวนเค่อเงียบฟังหยวนหัวครู่ใหญ่ก่อนพูดขึ้น “ตาเฒ่าหลี่เลือกข้างแล้ว ถอยก่อน!”
………………………………….