ตอนที่ 62 ปะทะตระกูลหลี่แห่งเจียงโจว
ฉินอวี่เป็นคนบังคับให้ชายแจ็คเกตดำโทรหาตงเฉิง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามแต่โดยดี ในตอนนี้ฉินอวี่และฉีหลินมีกันอยู่แค่สองคน พวกเขาไม่รู้ข้อมูลใดๆ ของศัตรูเลย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง พันธมิตร หรือแม้แต่ทางหนีทีไล่
นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังเสียเปรียบอย่างมาก เพราะถ้าบุกเข้าไปตอนนี้ ต่อให้ช่วยพี่คังได้ก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งอยู่ดี
พวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวและต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น
หลังจากโทรไปไม่ถึงสิบนาที ชายสองคนได้เดินออกจากบ้านตรงข้ามและมุ่งหน้าไปยังลานบ้านเพื่อขึ้นรถ
เหงื่อเย็นไหลลงหน้าผากของฉีหลินขณะกล่าว “พวกมันน่าจะมีกันไม่กี่คน”
“ถ้าเราช่วยพี่คังออกมาไม่ได้ แมวเฒ่าจะถูกฆ่าตายและการมาที่เจียงโจวก็สูญเปล่า” ฉินอวี่กัดฟันพูด “เราต้องเดิมพันด้วยทุกอย่างที่มีจะถอยไม่ได้แล้ว!”
ฉีหลินมองฉินอวี่ก่อนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “พวกเราสามคนต้องทำสำเร็จและกลับมาผงาดให้ได้ ไม่งั้นก็ตายไปด้วยกันที่นี่แหละ และถ้าใครหนีก่อนคนนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”
“ไปกันเถอะ” ฉินอวี่พยักหน้าขณะล้วงปืนออกมา
ฝั่งตรงข้าม
หลี่ถงเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดออกจากบ้านพลางเอ่ยถามตงเฉิง “ลุงแน่ใจเหรอว่าข้อมูลเชื่อถือได้?”
“เชื่อถือได้แน่นอน เพราะคนที่โทรมาคือวงในที่คอยส่งข่าวให้พี่เซียว” ตงเฉิงตอบ “ถ้าไอ้พวกแพลตตินั่มคาสเซิลรู้ว่าเราเป็นคนจับตัวไอ้คัง มันต้องมาบุกแก้แค้นแน่นอน”
“พวกมันกำลังยกโขยงมาที่นี่ ในเมื่อเราได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้ว…ทำไมเราต้องสู้ให้เปลืองแรงล่ะ” หลี่ถงวิเคราะห์ “และถ้าพวกมันมาถึง เราก็จะให้เรียกทหารมาจับมันทันที!”
“ฟังดูเข้าท่า!” ตงเฉิงหัวเราะพลางล้วงโทรศัพท์ออกมา
รถยนต์สองคันแล่นมาจอดริมถนน หลี่ตงและตงเฉิงเดินไปยังรถยนต์โดยมีลูกน้องหกคนรายล้อม ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะวิ่งไปด้านหน้าเพื่อเปิดประตูรถ
ในขณะเดียวกันฉินอวี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังตรงข้ามหันไปพูดกับฉีหลิน หลังจากเห็นกลุ่มคนเดินออกมา “ไอ้คนที่อยู่ตรงกลางและคนที่ถือโทรศัพท์คือหัวหน้า”
“อืม ดูก็รู้” ฉีหลินพยักหน้าพร้อมตอบ ฉันยังไม่เห็นพี่คังเลย”
หลังจากพูดจบ ชายอีกสองคนก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกระเป๋าสีดำขนาดใหญ่ พวกเขาเดินไปท้ายรถและยัดกระเป๋าใบนั้นเข้าไป
“พี่คังอยู่ในกระเป๋าใบนั้นหรือเปล่า?” ฉินอวี่พึมพำออกมาก่อนกวักมือเรียกฉีหลิน “ไปขึ้นรถ”
ฉีหลินนั่งบนเบาะหลังมอเตอร์ไซค์พลางลดแขนขวาลงเพื่อซ่อนปืนและเร่งฉินอวี่ “ไปกันเถอะ”
“บรื๊น!”
เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังลั่น ก่อนพุ่งไปทางรถยนต์สองคันที่จอดอยู่ราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกไป
เสียงดังทำให้กลุ่มของหลี่ถงที่กำลังจะขึ้นรถหันมองทางต้นเสียงทันที
ด้วยความเร็วของรถมอเตอร์ไซต์ที่พุ่งมา ทำให้พวกหลี่ถงไม่สามารถตอบโต้ได้ทัน
ปัง ปัง!
ฉีหลินกระหน่ำยิงใส่คนกลุ่มนั้นอย่างไม่ลังเล
“ศัตรู!” ตงเฉิงอุทานพร้อมกางแขนปกป้องหลี่ถง
โครม!
เสียงอื้ออึงดังขึ้นขณะที่มอเตอร์ไซค์พุ่งชนเอวของหลี่ถงจนกระเด็นก่อนกระแทกเข้ากับประตูรถอย่างรุนแรง
ฉินอวี่จอดมอเตอร์ไซค์พลางเอื้อมมือคว้าคอเสื้อของหลี่ถง และดึงขึ้นอีกฝ่ายให้ลุกยืนขึ้น
ฉีหลินลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนเล็งปืนไปที่ตงเฉิงพร้อมคำราม “หยุด! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีฝั่งตระกูลหลี่ตั้งตัวไม่ทัน จึงทำได้เพียงจับปืนที่อยู่ตรงเอว พร้อมมองฉินอวี่และฉีหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง
หลี่ถงได้รับบาดเจ็บจากการถูกมอเตอร์ไซค์ชนจนล้ม เขารู้สึกปวดบริเวณเอวอย่างมากก่อนเอนตัวพิงประตูรถในขณะที่เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
ฉินอวี่ลงจากมอเตอร์ไซค์พลางดึงหลี่ถงมาด้านหน้า พร้อมดึงสายไฟสีเขียวออกจากกระเป๋ากางเกงและข่มขู่ “ถ้าพวกแกขยับ ฉันจะฆ่ามันด้วยระเบิดลูกนี้ซะ!”
เมื่อเห็นสายไฟสีเขียว ชายทั้งแปดพากันถอยออกไปอย่างหวาดกลัวทันที และทำได้เพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆ
หลี่ถงใช้มือขวากุมเอวพร้อมพูด “ตระกูลอวี่ส่งแกมาเหรอ? แกพาคนมาคนน้อยเกินไปหรือเปล่า?”
“พวกฉันไม่ใช่คนของตระกูลอวี่” ฉินอวี่ตอบอย่างเย็นชา “แต่แกทำให้พวกฉันถูกเข้าใจผิด ฉันจะพาแกไปเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์”
“แกมาช่วยไอ้คังเหรอ?”
“เออ” ฉินอวี่กล่าว “ส่งพี่คังมา แล้วแกจะมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้า”
ฉีหลินเอาปืนจ่อหัวของตงเฉิงพร้อมตะคอกใส่กลุ่มลูกน้อง “ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอวะ? ยกมือขึ้นแล้วถอยออกไป!”
“ฮ่าๆๆ” ฉับพลันหลี่ถงเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เอามือกุมเอว ก่อนมองไปที่ฉินอวี่ด้วยแววตาเย้ยหยัน “แกคงช่วยมันไม่ทันแล้วล่ะ”
ฉินอวี่ตกตะลึงเมื่อได้ยิน
“ไอ้คังตายแล้ว แกมาช้าเกินไป” หลี่ถงพูดหน้าตาเฉย
“หุบปาก!” หัวใจของฉินอวี่เต้นผิดจังหวะ ใบหน้าซีดเผือดพลางคำราม “อย่ามาเล่นแง่กับฉันนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่คัง ฉันจะลากพวกแกสองตัวไปลงนรกด้วย!”
“แกไม่เชื่อสินะ” หลี่ถงส่ายหัวพลางเหลือบมองฉินอวี่ “มันอยู่ที่ท้ายรถ…ไปดูสิ”
ฉินอวี่สัมผัสได้ถึงลางร้าย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนลากหลี่ถงไปที่กระโปรงหลังรถอย่างระมัดระวังและใช้มืออีกข้างเปิดท้ายรถ
ทันทีที่เปิดท้ายรถก็มีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาซึ่งในนั้นมีกระเป๋าสีดำอยู่ใบหนึ่ง ฉินอวี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋า
ร่างของพี่คังนอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋า บริเวณลำคอมีรอยถูกแทงสองแผล ในขณะที่เลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย
ฉีหลินที่จับตงเฉิงเป็นตัวประกันไม่สามารถละสายตาไปจากพวกเขาได้ เมื่อเห็นว่าฉินอวี่เงียบไป ฉีหลินจึงถามด้วยความกังวล “เป็นยังไงบ้าง?”
“พี่คังตายแล้ว!” ฉินอวี่ตอบอย่างฉุนเฉียว
“แม่งเอ๊ย!” ความโกรธและความหงุดหงิดที่ฉีหลินอดกลั้นเอาไว้ระเบิดออกมาทันที
หลี่ถงที่ยืนอยู่ท้ายรถยกมือขึ้นพลางกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม “คนที่แกจะมาช่วยมันตายไปแล้ว พวกแกคงไม่มีโอกาสยืนยันความบริสุทธิ์แล้ว ทำไมไม่วางปืนลงแล้วมาคุยกันดีๆ ล่ะ?
ตึง!
ฉินอวี่ใช้มือขวากระชากผมของหลี่ถงและกระแทกเข้ากับรถอย่างรุนแรง “ไอ้สารเลว! พวกมันจับเพื่อนของฉันไปโว๊ย!”
“ชีวิตของเพื่อนสำคัญกว่าตัวเองเหรอ?” หลี่ถงเอียงศีรษะมองฉินอวี่ “พวกแกมากันแค่สองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกแกก็จบเห่เหมือนกัน”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนมองหลี่ถงอย่างจริงจัง “ในเมื่อพี่คังตายไปแล้ว ฉันก็ยังจะพาแกไปด้วย”
“ฮ่าๆๆ!” ตงเฉิงเหลือบมองใบหน้าของฉินอวี่อย่างเย็นชา “แกคิดว่าจะทำได้เหรอ?”
“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ในเมื่อฉันมีระเบิดอยู่” ฉินอวี่ตอบพลางดึงเส้นลวดสีเขียวที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ก่อนหันไปหาลูกน้องทั้งแปดคนพร้อมคำราม “อย่าขยับ! เว้นแต่ว่าพวกแกอยากจะลอง”
เหล่าลูกน้องหันไปมองตงเฉิงเพื่อรอคำสั่ง
“แกคิดว่าฉันกลัวตายเหรอ” ตงเฉิงเย้ยหยันพร้อมชี้นิ้วไปที่ฉินอวี่ก่อนพูดเน้นย้ำ “ฉันทำการค้าในเขตพัฒนามานานหลายปี แต่ไม่เคยมีไอ้อันธพาลหน้าไหนหยุดฉันได้ ดึงลวดเลยสิ…แล้วมาดูกันว่าใครจะตายก่อน!”
มือซ้ายของฉินอวี่สั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
สิ่งของที่พวกเขานำติดตัวมาที่เจียงโจวมีเพียงอาหารที่ซื้อมาจากทหารเท่านั้น แล้วพวกเขาจะไปหาอาวุธหายากและมีกฎหมายควบคุมอย่างระเบิดได้มาจากที่ไหน?
ในความจริงแล้ว มันเป็นเพียงกลวิธีข่มขู่ศัตรูเท่านั้นเพราะสายไฟสีเขียวเป็นสายที่พวกเขาดึงมาจากมอเตอร์ไซค์ และเย็บติดกับกางเกงของฉินอวี่
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไอ้ชั่วจากตระกูลหลี่ไม่หลงกลของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบาก
แม้ว่าจะดึงสายสีเขียวออกมา แต่ก็ไม่มีอะไรระเบิดออกทั้งนั้น แต่ถ้าไม่จบเกมนี้ พวกเขาก็จะไม่มีทางจัดการคนของตระกูลหลี่ได้แน่
………………………………….