ตอนที่ 82 นักเจรจาผู้เชี่ยวชาญ
ที่บ้าน
หม่าเหลาเอ๋อมองโทรศัพท์อย่างงุนงงพลางถามว่า “เฒ่าสามจะคุยเรื่องอะไร? ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขาทั้งนั้น”
“ฉันไม่รู้ เขาให้ฉันบอกนายว่าอยากเจอและอยากปรับความเข้าใจ” เพื่อนของหม่าเหลาเอ๋อตอบ
หม่าเหลาเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “อืม ฉันจะคุยกับเขา แต่ต้องมาหาฉัน…บอกเขาว่าจะส่งที่อยู่ให้ตอนกลางคืน”
“อืม จะบอกเขาให้”
“แค่นี้แหละ”
หม่าเหลาเอ๋อนอนต่อทันทีที่วางสาย เพราะคิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร
…
ชื่อของถนนในซ่งเจียงมีความหลากหลายเพราะเขตพิเศษที่เก้ามีประชากรหลายเชื้อชาติ แม้ว่าชื่อส่วนใหญ่จะเป็นภาษาจีน แต่ยังมีชื่อที่มาจากสัญชาติอื่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นการใส่รายละเอียดเหล่านี้ลงไปทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่
สองทุ่มสามสิบนาที ณ ถนนชาร์ลส์ตอนเหนือ เฒ่าสามพร้อมด้วยเพื่อนอีกสองคนเดินเข้าไปในอาคารทรุดโทรมข้างถนน
พวกเขาขึ้นไปชั้นสามก่อนได้ยินเสียงมาจากห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเล่นไพ่นกกระจอกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาสูบ หม่าเหลาเอ๋อสวมเสื้อผ้าฝ้ายนั่งอยู่ข้างโต๊ะตัวหนึ่งพร้อมกับกวักมือเรียกเฒ่าสาม “มานั่งสิ”
เฒ่าสามยิ้มตอบขณะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามของหม่าเหลาเอ๋อ
“เล่นไพ่ไหม?” หม่าเหลาเอ๋อเอ่ยถามขณะเล่นไพ่นกกระจอกอยู่บนโต๊ะ
“อืม เอาสิ” เฒ่าสามพยักหน้าพร้อมเอ่ยตอบ
“สองคนนั้นมาเล่นด้วยกันสิ!” หม่าเหลาเอ๋อตะโกนลั่นห้อง
ชายสองคนเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ทั้งสี่คนสับไพ่อย่างรวดเร็วก่อนเริ่มเกม
หลังจากเล่นเกมสองรอบ หม่าเหลาเอ๋อจดจ่ออยู่กับเกมโดยไม่มีวี่แววจะเอ่ยถามเฒ่าสามว่าทำไมเขาอยากเจอ หรือต้องการจะพูดอะไร
เมื่อเห็นว่าหม่าเหลาเอ๋อไม่มีทีท่าว่าจะเปิดหัวข้อสนทนา เฒ่าสามจึงพูดขึ้นว่า “เหลาเอ๋อ ฉันว่าเราควรสงบศึกในถนนเถ้าธุลี เราเคยต่อสู้กันเองและประสบความสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่ออกจากคุกนายสังเกตไหมว่าฝั่งของฉันไม่ได้พูดหรือก่อกวนฝั่งนายเลย และเมื่อสองวันก่อนนายทำหยงตงขายหน้า พี่หัวก็ไม่ได้ส่งคนมาทำร้ายนาย สิ่งนี้คงเพียงพอที่จะแสดงความจริงใจในการสงบศึกของเราแล้ว”
“สามหมื่น” หม่าเหลาเอ๋อยังคงก้มหน้าเล่นไพ่
“เขาว่ากันว่าสันติภาพนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง” เฒ่าสามยังคงพยายามโน้มน้าวอย่างอดทน “ถ้านายยังขายยาราคาต่ำอย่างนี้ต่อไป ผู้คนจะชินกับราคานี้ทำให้กำไรลดลงมาก พูดคร่าวๆ ก็คือทุกคนต่างทำเพื่อเงิน ไม่มีใครเป็นพระพุทธเจ้าที่จะนำความอยู่รอดมาโลกใช่ไหม? ถ้าเรายังต่อสู้กันต่อไป นายต้องเจอกับความยุ่งยากในการปล่อยสินค้า ส่วนเรามีปัญหาในการขายสินค้าเช่นกัน…สุดท้ายแล้วมีแต่เสียกับเสีย”
“ฮ่าๆๆ!” หม่าเหลาเอ๋อระเบิดหัวเราะทันที ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นตอบเฒ่าสาม “ฉันเต็มใจที่จะเป็นผู้ค้ารายย่อยที่เก็บของเหลือจากพวกนายมาประทังชีวิต แต่พวกนายกลับมองเราเป็นแค่สิ่งอุจาดตาและผลักเราตกหน้าผา แล้วตอนนี้รู้ถึงผลที่ตามมาเลยต้องการเจรจาขอสงบศึกใช่ไหม? ไอ้หยวนหัวมันคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าที่ทุกคนต้องสรรเสริญเหรอ? ฮ่าๆๆ!”
ใบหน้าของเฒ่าสามถอดสีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยิน “คนเราจะจมอยู่กับอดีตทำไม? เราควรมองอนาคตแล้วหาทางออกเพื่อประโยชน์ของทุกคน”
“นายพูดจริงใช่ไหมที่บอกว่าอยากเจรจา?” หม่าเหลาเอ๋อกอดอกพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“ถ้าไม่จริงฉันจะอยู่เล่นไพ่นกกระจอกกับนายทำไม” เฒ่าสามตอบด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน
“ดีๆ ถ้าอย่างงั้นฉันจะเป็นคนกำหนดเงื่อนไขเอง” หม่าเหลาเอ๋อพูดพร้อมเบิกตากว้าง “เราจะแบ่งตลาดในซ่งเจียงออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือรัฐพื้นทมิฬรวมไปถึงถนนเถ้าธุลีซึ่งเป็นของฉัน ส่วนที่เหลือเป็นของพวกนาย ตราบใดที่นายไม่มาปล่อยสินค้าในพื้นที่ของเรา ฉันก็จะขึ้นราคาให้เท่ากับนาย”
เฒ่าสามนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนพึมพำ “ล้อกันเล่นเหรอวะ?”
“ฉันดูว่างจนต้องมานั่งล้อเล่นเหรอ?” หม่าเหลาเอ๋อพูดขณะสูบบุหรี่
เฒ่าสามเริ่มโมโห เขามองหม่าเหลาเอ๋อพร้อมพูดว่า “คิดว่าพวกเราจะทำตามเหรอ? รัฐพื้นทมิฬคือพื้นที่ที่มีความต้องการยามากที่สุดในซ่งเจียง และถนนเถ้าธุลียังมีสัดส่วนมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดขายยาในรัฐพื้นทมิฬ ถ้ายกสองพื้นที่นี้ให้นาย พวกเราเจ๊งกันพอดี”
“นายเป็นคนอยากคุยเรื่องนี้ ฉันเลยไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็นงั้นเหรอ? นายจะปฏิเสธเงื่อนไขของฉันก็ได้ ไม่มีใครบังคับ”
เฒ่าสามกัดฟันแน่น
“ฉันไม่เข้าใจ หยวนเค่อไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแล้วทำไมนายถึงเป็นคนเจรจา?” หม่าเหลาเอ๋อมองเฒ่าสามพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “นายต้องรายงานทุกอย่างแม้ว่าฉันจะขอเงินห้าเหรียญก็ตาม แล้วเรามีอะไรต้องพูดกันอีก? ไปบอกหยวนหัวว่าถ้าอยากเจรจาจริงให้มันมาคุยกับฉันด้วยตัวเอง”
“นายหมายความว่ายังไง?” เฒ่าสามที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังโดนดูถูกลุกขึ้นตะโกน
“พี่สาม เมื่อไรพี่จะโตสักที?” หม่าเหลาเอ๋อเหลือบมองเฒ่าสามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จะทำอะไร? จะชกฉันงั้นเหรอ?”
เฒ่าสามรู้สึกหงุดหงิดจนแทบระเบิดออกมา แต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายจึงทำได้แค่ข่มอารมณ์อย่างอดกลั้นเท่านั้น
“ฉันบอกความต้องการไปแล้ว ถ้าอยากเจรจาอีกก็ให้หยวนหัวมาแบ่งพื้นที่กับฉันด้วยตัวเอง” หม่าเหลาเอ๋อพูดพลางขว้างไพ่นกกระจอก “หู ฟูลฟลัช จ่ายเงินก่อนกลับด้วยนะจ๊ะ”
เฒ่าสามสูดหายใจเข้าลึกก่อนล้วงกระเป๋าเงินออกมาพร้อมพูดว่า “หม่าเหลาเอ๋อ นายเริ่มเหมือนเจ้านายฉันขึ้นทุกวันแล้ว”
“ทำไมนายไม่มาอยู่ข้างฉันแทนล่ะ? ฉันต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองแบบนายจริงๆ”
“ไปตายซะ!” เฒ่าสามตะโกนพลางโยนเงินก้อนหนึ่งลงบนโต๊ะ “ฉันจะรายงานสิ่งที่นายพูดให้พี่หยวนฟังแล้วจะติดต่อไป”
“ผมรออยู่นะครับคุณพี่สาม” หม่าเหลาเอ๋อพูดพร้อมเก็บเงิน
…
ไม่กี่นาทีต่อมา
เฒ่าสามนั่งอยู่บนรถตำรวจโทรหาหยวนหัวและรายงานว่า “ผมไปเจอหม่าเหลาเอ๋อแล้วครับ”
“มันว่ายังไง?”
“มันต้องการให้เรายกพื้นที่ในรัฐพื้นทมิฬกับถนนเถ้าธุลีให้ครับ”
“แล้วแกตอบว่ายังไง?”
“ผมบอกว่าขอปรึกษากับพี่หัวก่อนแล้วจะติดต่อไปครับ” เฒ่าสามตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อืม เข้าใจแล้ว กลับมาก่อน”
“รับทราบครับ!”
ทั้งสองคนวางสาย
ภายในคฤหาสน์เริงรมย์ หยวนหัวมองหยงตงด้วยสายตาเย้ยหยัน “ไอ้หม่าเหลาเอ๋อมันหัวหมอจริงๆ อยากได้รัฐพื้นทมิฬกับถนนเถ้าธุลีเป็นของตัวเอง!”
“ฮ่าๆๆ” หยงตงหัวเราะ “ไอ้เวรนั่นอาจเป็นอันธพาลในเขตพัฒนา แต่ถ้าพูดถึงการเจรจาเรื่องธุรกิจ มันก็เป็นได้แค่เด็กอมมือ”
“ขั้นต่อไปคืออะไร?” หยวนหัวถาม
“เราจะพาเฒ่าสามไป…” หย่งตงเริ่มเล่าขั้นต่อไปจองแผนการ
…
ทางเข้าบ้านเลขที่แปดสิบแปด
ฉินอวี่ล็อกมอเตอร์ไซค์ที่แมวเฒ่าให้ยืมก่อนเดินเข้าบ้านพร้อมถุงอาหารเย็นในมือ แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไปเขาก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังขึ้นเสียก่อน
“เซียงเซียง เธออยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ? ความรักที่ฉันมีต่อเธอมันลึกซึ้งกว่ามหาสมุทร…มาสิ ยื่นมือมาสิแม่ยอดยาหยี ฉันจะดูดวงให้”
“เขี้ยว ปล่อย…”
“อย่าผลักไสฉันเลย”
เซียงเซียงพูดไม่ออก
“หืม?”
ฉินอวี่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยิน
………………………………….