ตอนที่ 80 หยงตงเสนอแผน
หยวนหัวเบิกตากว้างด้วยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น “พวกมันขายถูกกว่าเราขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ นี่ผมไม่อยากจะเชื่อเลย” ชายหัวโล้นพูดกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง “อยากรู้ว่าตาแก่นั่นคิดอะไรถ้าจะแข่งกันก็แค่ตัดราคาลงนิดหน่อย แต่เล่นแบบนี้ไม่ทำเอาระบบการค้าพังไปเลยรึ? พวกมันไปเอาของจากไหนอย่างกับว่าไม่ได้ใช้เงินซื้อมาเลย”
หยวนหัวดูรายงานอีกครั้งขณะที่เดินไปรอบห้องอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกคำสั่ง “ไปเรียกพวกที่ดูแลการขายมาประชุมตอนนี้”
…
เวลาบ่ายสอง
คนดูแลการขายยามากกว่าสิบคนเข้ามาในห้องประชุม รวมถึงหยงตงที่เพิ่งมีความขัดแย้งกับหม่าเหลาเอ๋อเมื่อไม่นานนี้
บนเก้าอี้หลักของห้องประชุม หยวนหัวสูบบุหรี่ขณะที่มองทุกคนในห้องอย่างเย็นชา “ยอดขายหายไปสามสิบเปอร์เซ็นต์…บอกฉันหน่อยว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง?”
หลังจบประโยคทั้งห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง
ไม่นานชายอายุน้อยในห้องยกมือขึ้นและพูดว่า “ผมได้ข่าวว่าพ่อค้ารายใหญ่ให้พวกตระกูลหม่าซื้อยากว่าสองแสนดอลลาร์ในแต่ละเดือนเพื่อแลกกับส่วนลด นั่นเป็นสาเหตุที่พวกมันในตอนนี้พยายามล้างสต๊อกอย่างบ้าคลั่ง…ส่วนลดเหล่านั้นทำให้พวกเขาสามารถขายในราคาถูกมาก”
“ว่าไงนะ? ซื้อสองแสนดอลลาร์ทุกเดือน? ตาแก่นั่นจ้องจะฮุบเอาย่านถนนทมิฬครึ่งหนึ่งเลยงั้นเหรอ!” ชายที่ดูขี้หงุดหงิดบ่น “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปยอดขายของเราจะไม่เพียงแค่ลดลงสามสิบเปอร์เซ็นต์เดือนหน้าเราคงต้องปิดตัวลงในพร้อมราคานี้แน่!”
“เราควรตัดราคาสู้พวกมันเลยไหม?” ชายคนหนึ่งเสนอ “เรื่องราคาเราก็ลดได้เหมือนกัน”
หยวนหัวปฏิเสธทันที “มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะลดราคาโดยไม่คำนึงว่าการแข่งขันดังกล่าวจะส่งผลต่อตลาดยังไง ถ้าลูกค้าของเราซื้อไปแล้วคงรับเรื่องนี้ไม่ได้ ลองคิดดูถ้าเคยซื้อยาในราคาสองดอลลาร์แล้วจู่ๆ ก็ตกลงมาเหลือแค่หนึ่งดอลลาร์พวกนั้นจะคิดยังไง? แน่ล่ะว่าต้องขุ่นเคืองที่ต้องจ่ายเงินที่หามาอย่างยากลำบาก แม้ว่าจะลดราคาของเราลงเท่าตระกูลหม่า พวกเขาก็ยังเลือกซื้อจากเจ้าเก่าแทนที่จะทำธุรกิจกับเรา จะทำยังไงล่ะเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว? ลดราคาให้มากขึ้นเพื่อตอบสนองพวกเขาเหรอ?”
ทุกคนเงียบลงอีกครั้ง
“เราใช้กฎหมายเล่นงานพวกมันได้ไหม?” ชายหัวโล้นแนะนำ
“คงจะยาก” ชายหนุ่มส่ายหัวพลางตอบ “จากที่พวกนั้นโดนปิดคดีที่ถนนเถ้าธุลีไปครั้งก่อนทำให้มันระวังตัวมากขึ้นคงไม่ขายสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ทั้งยังปิดร้านก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วยเพราะส่งยาผ่านระบบลูกโซ่ คนที่ต้องการก็ซื้อได้นิดหน่อยผ่านการติดต่อกับเด็กส่งยาเท่านั้น แถมยังเปลี่ยนแปลงจุดส่งยาทุกครั้งแม้ว่าจะจัดการคนของพวกเขาได้ ก็จะถูกตัดสินจำคุกแค่หนึ่งปี”
คำอธิบายนั้นทำให้สีหน้าของทุกคนดูหมดหนทาง ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ประมาณห้านาทีต่อมา ขณะที่หยวนหัวจะถามเรื่องทางออกย้ำอีกครั้ง หยงตงที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมา “คุณหยวนหัวผมขอถามอะไรหน่อย”
“ว่ามา” หยวนหัวตอบ
“ช่วยบอกความคิดที่มีต่อพวกตระกูลหม่าได้ไหมครับว่าคุณจะทำยังไงกับพวกมัน? คุณต้องการเป็นฝ่ายบังคับพวกเขาหรือคุณตั้งใจที่จะทนไปก่อน”
ทั้งห้องเกือบจะลุกเป็นไฟหลังจากจบประโยค
“ยังต้องถามอีกเหรอ? แน่นอนสิว่าเราต้องทำลายพวกมันไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง!”
“ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ระบบการค้าจะถูกทำลายเพราะพวกมันขายแบบนี้ และแน่นอนจะเป็นจุดจบของเรา! ตราบใดที่พวกเขายังขายร่วมพื้นที่กันเราก็ไม่มีทางหาเงินได้ คนของเราไม่ยอมหรอก!”
“เราต้องคิดหาวิธีจัดการมัน รัฐพื้นทมิฬนั้นใหญ่ขนาดนี้หากพวกเขาต้องการเคลียร์ค่ายามูลค่าสองแสนดอลลาร์ทุกเดือน นั่นหมายความว่าส่วนแบ่งของพวกเราก็ได้น้อยนิด!”
ก่อนหยวนหัวจะพูดทุกคนในห้องก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว รายได้ของพวกเขาขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ยอดขายที่ลดลงจึงทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน
หยวนหัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ผมมีแผนที่จะไล่พวกตระกูลหม่าออกไป” หยงตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาทุกคนในห้องเบิกกว้างพร้อมจดจ้องหยงตงด้วยความประหลาดใจ
“ทำยังไง?” ชายหัวโล้นถามด้วยใจจดจ่อ
หยงตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ผมจะคุยรายละเอียดแผนนี้กับคุณหยวนหัวเท่านั้น”
หยวนหัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
สิบนาทีต่อมา
หยวนหัวบอกให้ทุกคนพักผ่อนสักครู่ขณะที่เขาและหยงตงไปคุยกันที่ห้องทำงาน หลังจากปิดประตูพวกเขาก็เริ่มสนทนากัน
“ว่ามา แผนคืออะไร?”
“ผมว่าเราสามารถ…” หยงตงเริ่มเล่าแผนการของเขาอย่างสุขุมกับหยวนหัว
…
สองทุ่ม
ตามถนนในเขตอยู่อาศัยแห่งหนึ่งของซงเจียง ฉินอวี่สวมเสื้อทหารหนานั่งในที่ผู้โดยสารของรถ เขาเหลือบมองแมวเฒ่าที่ขับรถอยู่ด้านข้างแล้วถามว่า “ได้ยินมาว่าหมู่นี้นายไปเที่ยวกับหม่าเหลาเอ๋อทุกวันเลยเหรอ?”
“หม่าเหลาเอ๋อเป็นคนดีมาก” แมวเฒ่าตอบ “ตั้งแต่ฉันรู้จักเขากางเกงของฉันก็รูดขึ้นรูดลงทุกคืน!”
ด้วยคำพูดนั้นทำให้ฉินอวี่ถึงกับพูดไม่ออก “นายทำฉันสงสัยเสียจริงเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้ชายล้วนมีความต้องการแต่ฉันไม่เคยเห็นใครหื่นเท่านายเลย…ไปทุกคืนแบบนั้นจะไหวเหรอ?”
“ฉันเองก็งงเหมือนกัน ที่ไปทุกวันนี้ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นซะงั้น” แมวเฒ่าตอบอย่างไร้ยางอาย “แล้วดูจากท่าทางของนายเรื่องแบบนี้มันแปลกนักเหรอ?”
ฉินอวี่ตกตะลึง “หืม…ฉันนี่ยกนิ้วให้นายเลย”
“ก็อยากจะรั้งไว้บ้างล่ะนะ แต่ร่างกายฉันมันไม่ให้พักเลย”
“สมองนายมีแต่เรื่องไร้สาระจริงๆ ” ฉินอวี่ตำหนิ “ยับยั้งชั่งใจหน่อยได้ไหม? หม่าเหลาเอ๋อเขาเกี่ยวข้องกับการส่งยาดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่เขาต้องระวัง หยุดตามเขาไปทุกวันได้แล้วอย่าทำให้ธุรกิจเราต้องสะดุดเพราะนายอยากไปสนุกทุกวันสิ”
“ไม่สิ! ฟังนะ แม้ว่าฉันไปอยู่ทุกวันแต่ก็ไม่ได้ลดประสิทธิภาพการทำงานของฉันเลย ดูสิยังมาลาดตระเวนกับนายทันเวลา” แมวเฒ่าตอบอย่างจริงจัง
“ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนนาย หลายคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อพวกเขาอยู่ในอารมณ์” ฉินอวี่ตอบ “ยังไงก็เถอะฝืนใจตัวเองหน่อย”
“ได้ เข้าใจแล้ว” แมวเฒ่าตอบพร้อมพยักหน้า
“นายไปก่อนเลย ฉันจะลงไปเคลียร์ถุงของฉัน” ฉินอวี่กล่าวขณะที่เขาลงจากรถ
ใต้แสงจันทร์สาดส่อง ฝั่งตรงข้ามของถนนมีชายผมหางม้าขึ้นรถตรงหน้าฉินอวี่ และชายคนนั้นตะโกนออกมาว่า “แล้วเจอกัน!”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของฉินอวี่ขณะที่เขาเห็นภาพนี้
จนรถชายผมหางม้าแล่นออกไปไกล
“มีอะไรรึเปล่า?” แมวเฒ่าถามเขาจากบนรถเมื่อเห็นว่าฉินอวี่ยังไม่ไปไหน
“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น” ฉินอวี่บ่นพึมพำ
“ใครเหรอ”
ฉินอวี่ต้องไตร่ตรองเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับแมวเฒ่าว่า “เหมือนเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ลักพาตัวพี่คัง”
……….……….……….……….