ฉินอวี่เงียบไปชั่วขณะเพื่อรอให้หยงตุงได้คิดแล้วจึงกล่าวเสริม “ฉันไม่ได้มีประสบการณ์โชกโชนอย่างพี่ แต่ในฐานะคนที่วางแผนให้อาหม่า…ฉันไม่ได้โง่ ทั้งหยวนหัวและคนของหลงสิงกําลังซุ่ม รอเราอยู่ทั่วภูมิภาค พี่คิดว่าฉันจะทะเล่อทะล่าออกไปให้พวกเขาฆ่างั้นเหรอ?”
หยงตงจัดลําดับความคิดของตนใหม่เพื่อผสานความรู้เดิมให้เท่าทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
“ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว พี่ภักดีต่อหยวนหัวถึงขนาดยอมตายเพื่อเขาโดยเปล่าประโยชน์งั้นเหรอ?” ฉินอวี่กล่าวด้วยความโมโห “พูดตามตรงนะ ฉันอยากให้พี่ชําระล้างมลทินของพวก เราจากผลกระทบของเหตุการณ์ยาปลอม ตราบใดที่พี่ให้ความร่วมมือ เราสามารถสงบศึกและ ลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าพี่เลือกหันหลังให้เรา ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดอาหม่าถ้าเขาอยากยิงพี่เพื่อแก้แค้นให้กับพวกลูกน้องที่ตายไป ทั้งหมดที่เลือกได้…ลองคิดให้ดี”
หยงตงกําโทรศัพท์แน่ เขาเหลือบมองไปทางหยวนหัวก่อนพึมพําออกมาด้วยน้ําเสียงอ่อนลง “ พวกเขาจับตามองฉันทุกย่างก้าวคงยากถ้าฉันจะเคลื่อนไหว
ฉินอวไม่ได้ตอบกลับทันที
“บอกมาก่อนว่าฉันจะหาตัวนายได้ยังไง” หยงต่อกล่าวเสริม “ฉันจะเก็บสิ่งที่นายพูดไปคิด”
ปลายสายยังคงปิดปากเงียบ
“หยุดเสแสร้งสักที ฉันรู้ว่านายไม่คิดจะทําการแลกเปลี่ยนนี้” หยงตงจับพิรุธของฉินอวี่ได้อย่างรวดเร็วจึงกล่าวกดดัน “บอกมาว่านายอยากให้ฉันทําอะไร”
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนออกคําสั่ง “ถือสายค้างไว้ฉันอยากให้พี่เดินไปตามถนนประมาณสามร้อยเมตร และเลี้ยวซ้ายตรงทางแยก”
“อืม”
“พวกเรามีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น มันไม่คุ้มค่าหรอกที่จะเอาไปเสี่ยงเพื่อคนอื่น” ฉินอวี่ขมวดคิ้ว พร้อมเอ่ยปากแนะนํา “ที่วางใจได้เลยว่าฉันจะไม่ออกไปเจอตราบใดที่พี่ยังมีหมารับใช้เกาะติด”
ฉินอวี่วางสายหลังจากพูดจบ
ท่ามกลางพื้นที่รกร้าง
ฉินอวี่ส่งสัญญาณให้แมวเฒ่าพร้อมสั่งการ “ไปที่ทางแยกและบอกลุงหม่าว่าอย่าเพิ่งเคลื่อน ไหว”
“รับทราบ” แมวเฒ่าพยักหน้ารับ
ขณะเดียวกัน หยงตงยืนอยู่ใต้ป้ายสัญลักษณ์เหลือบมองไปทางหยวนหัวก่อนหันหลังกลับและ เดินจากไปทันที
ภายในตรอก ชายหัวโล้นขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกล่าวด้วยความงุนงง “หยงตงเพิ่งรับโทรศัพท์นะ พี่เห็นรึเปล่า?
“เออ” หยวนหัวเผยแววตาสับสนพร้อมเอ่ยตอบ “ทําไมเขารับสายแล้วไม่เปิดลําโพง?”
“ผมงงเหมือนกันครับ เขาทําแบบนี้หมายความว่ายังไง?” ชายหัวโล้นรู้สึกแคลงใจกับภาพที่เห็น
“พี่ใหญ่”
ขณะนั้นเอง เสี่ยวจิ๋วเดินเข้ามาจากด้านหลังพลางถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “คนของเรากระจายตัวเข้าไปทั่วพื้นที่และตรอกต่างๆ เรียบร้อยครับเราจะตามเขาไปไหม? เขากําลังจะคลาดสายตาแล้ว!”
หยวนหัวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนสั่งการ “ไอ้พวกนั้นคงจะใช้หยงตงเป็นเครื่องมือ แต่ตรงนี้ โล่งเกินไป ไม่มีรถไม่มีผู้คน ถ้าไล่ตามพวกมันเราอาจถูกจับได้”
ชายหัวโล้นมองไปทางถนนก่อนแนะนํา “เราสามารถขับรถสองคันด้านหลังอ้อมไปเจอกับหยงตงที่ฝั่งตรงข้ามได้ครับ”
“เข้าท่า” หยวนหัวพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นผมจัดการเอง!” ชายหัวโล้นตอบกลับก่อนเดินออกจากตรอกอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวจิ๋วซึ่งยืนอยู่ข้างหยวนหัวขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถาม “พี่ใหญ่..เป็นไปได้ไหมที่หยงตงจะมีเจ นาอื่น?”
หยวนหัวเผยสีหน้าโหดเหี้ยมขณะริมฝีปากปิดสนิท
บนถนน
หยงคงก้าวไปด้านซ้ายของถนนด้วยความเร็วคงที่ พร้อมกับเหลียวมองข้างหลังเป็นครั้งคราว
ไม่กี่นาทีต่อมา หยงตงชะลอฝีเท้าลงเมื่อถึงทางแยก
เสียงของชายหัวโล้นยังคงดังผ่านไมโครโฟนไร้สายอย่างต่อเนื่อง “หยงตงพูดอะไรหน่อยสิ ก่อนหน้านี้พวกมันคุยอะไรกับนาย? ถ้านายไม่พูดฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”
หยงตงมองสํารวจรอบๆ ขณะที่ริมฝีปากเม้มสนิท
“ฮัลโหล? หยงตง! ได้ยินฉันไหม? พูดอะไรสักอย่างสิ!”
“นายเป็นบ้าอะไรวะ? พวกเราจะปกป้องนายได้ยังไงถ้าไม่พูดอะไรเลย? ถ้าเราเสียนายไป จะทํายังไง?”
ชายหัวโล้นตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารอยู่สองสามครั้งแต่อีกฝ่ายยังคงเงียบสนิท
ภายในตรอก หยงตุงปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนหยิบโทรศัพท์ที่ฉินอวี่มอบให้โทรกลับหาเขา
ไม่กี่วินาทีต่อมา
“ว่าไง?” เสียงของฉินอวดังขึ้นจากปลายสาย
“ถ้าเดินไปตรงทางแยก ฉันจะสลัดพวกที่อยู่ข้างหลังออกได้ไหม?” หยงตงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ได้” ฉินอวี่พยักหน้าพร้อมตอบกลับ “เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย พี่จะเห็นตรอกมากมายอยู่ บริเวณโกดังเก็บอาหารฉุกเฉินของเพิ่งเป่ย”
“นายอยู่ไหน?” หยงตงเอ่ยถาม
“ฉันอยู่ในตรอก”
“อย่าคิดตุกติกเด็ดขาด ถ้าฉันสลัดพวกที่อยู่ข้างหลังออกเฒ่าหยวนจะรู้ทันทีว่าฉันคิดจะ ทําอะไร” หยงตงกล่าวเตือนด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ถ้าฉันตาย พวกนายจะไม่มีคนช่วยไขคดียาปลอม”
“ต่อจากนี้ให้ถือสายค้างไว้ แล้วเราจะได้เจอกัน” ฉินอวี่ตอบด้วยน้ําเสียงวางอํานาจ
“อืม เรามาร่วมมือโคนเฒ่าหยวนกันเถอะ” หยงตงกล่าวพร้อมกลําบริเวณคอเสื่อเพื่อหาไมโครโฟนไร้สายก่อนโยนทิ้งจนจมหายไปในหิมะ “นายน่าจะเห็นว่าฉันโยนมันทิ้งแล้ว”
ฉินอวี่กระซิบถามแมวเฒ่าขณะใช้ฝ่ามือปิดโทรศัพท์ “ถามกวนฉีว่าเขาโยนไมโครโฟนทิ้งจริงไหม”
“เขาโยนทิ้งแล้ว” แมวเฒ่าตอบกลับทันที เพราะเขากําลังถือสายของกวนอยู่เช่นกัน
ฉินอวกล่าวกับหยงตงพร้อมยกฝ่ามือออก “เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกและวิ่งตรงมา ฉัน จะออกไปรับพี่ที่นั่น”
หยงตงวิ่งไปยังทางแยกทันทีที่ฉินอวี่พูดจบ ในไม่ช้าร่างของเขาก็หายเข้าไปในความมืด
บนรถ ชายหัวโล้นสบถด้วยความโกรธจัดหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณขาดหายดังมาจากวิทยุสื่อสาร “แม่งเอ๊ย! ไอ้หยงตงมันถูกอีกฝ่ายซื้อใจไปแล้ว!”
“พวกเราจะทํายังไงกันดี?” คนขับรถถามอย่างกระวนกระวาย
“จะทําอะไรได้อีกล่ะ ตามมันไปสิ! จะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้!” ชายหัวโล้นตะโกนเสียงดังผ่านวิทยุสื่อสาร “ชักปืนออกมาซะเตรียมตัวจัดการพวกมัน!”
ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ชายหัวโล้นรับสายและอธิบายสถานการณ์อย่างรวบรัดทันที่ “หยงตงหนีไปแล้วครับ!”
ร่างกายของหยวนหัวแข็งทื่อ เขาคํารามดังลั่นขณะที่ดวงตาแดงก่ำ “จับตาดมันให้ดี! ไม่ ว่าไอ้หยงตงมีแผนการอะไร เราจะปล่อยให้พวกมันเจอกันไม่ได้เด็ดขาด!”
“มันวิ่งเข้าไปในทางแยกครับ ผมกําลังไล่ตามอยู่”
“บอกให้ทุกคนออกมาจากที่ซ่อน ลากคอมันมาให้ได้!” หยวนหัวตะโกนสั่งเสี่ยวจิ๋วผ่านโทรศัพท์ “เร็วสิวะ!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา รถยนต์เจ็ดคันพุ่งออกจากตรอกมุ่งตรงไปยังทางแยก
บนถนนแห่งหนึ่ง
หยงตงตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างร้อนรนขณะหอบหายใจพลางเหลียวมองข้างหลัง “พวกมัน ตามมาแล้ว! อีกไกลไหมกว่าฉันจะไปถึง?”
“อย่าเพิ่งตระหนกวิ่งต่อไป ฉันเห็นพี่แล้ว” ฉินอวกล่าวผ่านโทรศัพท์ “ถ้าไปถึงโกดัง ที่จะเห็นป้ายบอกทางพวกเราซ่อนตัวอยู่แถวนั้น”
“การหลบหนีครั้งนี้หมายความว่าฉันจะกลับไปอยู่ฝั่งเฒ่าหยวนไม่ได้อีก” ใบหน้าของหยงตงซีดเผือดขณะกล่าวออก “อย่าเล่นแง่กับฉันล่ะ ไม่งั้นเฒ่าหม่าจะไม่มีวันหลุดพ้นข้อกล่าวหาเรื่องยาปลอมแน่”
“ไม่ต้องห่วง ฉันคงไม่วางแผนทั้งหมดนี้เพื่อปั่นหัวพี่หรอก” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยน้ําเสีย งจริงจัง “วิ่งต่อไป ฉันจะขับรถไปรับพี่ แล้วเราจะออกไปทันที
“ฉันเชื่อใจนาย” หยงตงกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว ก่อนล้วงมือซ้ายเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง และกดเบอร์โทรฉุกเฉินที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อโทรหาชายหัวโล้น