ตอนที่ 135 การโต้กลับที่รุนแรง
สิบสองชั่วโมงหลังหลิวซุนถูกจับ จู้เหว่ยหยุดรถพักเพื่อให้สมาชิกในหน่วยหาอะไรกินก่อนออกเดินทางต่อ
บนถนน
จู้เหว่ยรายงานกับฉินอวี่ผ่านโทรศัพท์ “ปฏิบัติการราบรื่นดี ถ้าทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนเราคงได้ตัวเฒ่าสามแน่นอน”
“ระวังอย่าให้ข่าวรั่วไหลออกไปได้” ฉินอวี่เตือน
“ครับ ผมแยกพวกมันออกมาสอบปากคําต่างหากแล้ว” จู้เหว่ยตอบพร้อมพยักหน้าก่อนถามต่อ “วันนี้เป็นงานศพของหยวนหัวเราจะบุกไปจับตัวเฒ่าสามกลางงานเลยเห รอ?”
“ไม่มีปัญหาหรอก ทําตามแผนต่อไป” ฉินอวี่เน้นย้ำคําสั่ง
“รับทราบ” จู้เหว่ยรับคําสั่ง
” ระวังตัวด้วย”
” เข้าใจแล้ว”
…..
ชั่วชีวิตของหยวนหัวมีแต่ความรุ่งโรจน์ แม้ตายไปแล้วก็ยังได้รับการจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่ ในบรรดางานศพที่มีมา นับได้ว่างานของหยวนหัวเป็นที่สุด
บุคคลผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ต่างมาร่วมแสดงความเคารพต่อหยวนหัว รถยนต์ที่ไม่ค่อยได้เห็นบนถนนเส้นนี้ปรากฏ แถวยาวตลอดจนถึงทางเข้า ภายในมีผู้คนยี่สิบกว่าคนแต่จํานวนคนร่วมขบวนแห่ศพมีมากว่าร้อย รวมไปถึงกองทัพชายชุดดําที่ยืนไว้อาลัยอย่างเคร่งขรึมด้านหลังช่างเป็นภาพที่ตระการตา
แม้จะเป็นการรวมตัวกันอย่างยิ่งใหญ่ แต่ความโทมนัสเห็นมีเพียงกลุ่มสมาชิกของตระกูลหยวนเท่านั้น หยวนหัวสร้างอาณาเขตด้วยความหวาดกลัวแก่ผู้คน แม้เขาจะมั่งคั่ง ร่ำรวยแต่ในด้านชื่อเสียงถือว่าไม่เท่าไหร่ คนทั่วไปจึงไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับการสูญเสีย
ในที่สุดความยุติธรรมก็ปรากฏ
เมฆครึ้มเหนือซ่งเจียงเริ่มสลายตัว
กรรมตามสนองคนบาปแล้ว!
ช่วงชีวิตของหยวนหัวมีแต่ความทะเยอทะยาน เขาคือชายที่เต็มไปด้วยความละโมบ กระทั่งเมื่อเขาจากไปจึงมีแต่เสียงก่นด่าให้ได้ยิน
ระหว่างงานศพ เฒ่าสามวิ่งไปยังแถวหน้าเพื่อกระซิบบอกหยวนเค่อ “เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
“เกิดเรื่องอะไร?” หยวนเค่อปาดน้ำตาก่อนถามกลับไป
“หลิวชุนไอ้พวกคนผลิตยาปลอมถูกจับแล้ว”
หยวนเค่อผงะ “รู้ได้ยังไง?”
“คนของเราในสํานักงานตํารวจบอกมา…” เฒ่าสาม พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขณะดวงตาสอดส่องไปทั่วบริเวณ อย่างกังวล “เมื่อกี้ก็เพิ่งได้ข่าวมาอีกว่าจู้เหว่ยจับหลิวชุนแยกไปสอบปากคําเป็นการส่วนตัว”
หยวนเค่อกําหมัดแน่นหลังได้ยิน
“ผมเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้เสี่ยวฉู่ด้วย” เฒ่าสาม พูดด้วยความวิตก “ถ้าพวกทํายาปลอมยังถูกจับแสดงว่าไอ้หลิวชุนมันต้องพล่ามทุกอย่างออกมาแน่ อาจสาวมาถึงผมด้วยใช่ไหม?”
“ไอ้หยงตงคนทรยศ สักวันฉันจะจัดการกับมัน” หยวนเค่อพยายามคิดหาทางออกของเรื่องนี้
“เราจะทําไงต่อ?”
“นายออกไปก่อนและอย่าเพิ่งติดต่อใครในสํานักงานตํารวจ” หยวนเค่อสั่ง “หลังพิธีจบฉันจะโทรหาอีกที”
“ครับ” เฒ่าสามตอบพร้อมพยักหน้า “งั้นผมไปก่อน”
“อืม”
พูดจบเฒ่าสามก็รีบฝาฝูงชนและหายตัวไปทันที
…..
ตอนฉีหลินลาออก เขาประกาศอย่างแน่วแน่ว่าหากสวรรค์ให้โอกาส เขาจะเปลี่ยนดินแดนรอบซ่งเจียงให้กลายเป็นหลุมฝังศพของตระกูลหยวน
แม้พวกตระกูนหยวนยังไม่สิ้นแต่สุสานก็ได้ตระเตรียมไว้ แล้วทางตอนเหนือของซ่งเจียง ดูเหมือนทุกอย่างเริ่มเป็นไปตามคําประกาศของฉีหลินแล้ว
นี่คือบทลงโทษของสวรรค์งั้นเหรอ?
ก็อาจใช่
หลังจากฝังศพของหยวนหัวเสร็จ หยวนเค่อรีบไปคฤหาสน์เริงรมย์บนถนนเถ้าธุลี ทันทีที่ไปถึงชายหัวโล้นก็เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับเฒ่าสาม? ฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่ามีตํารวจไปตามหาเขาถึงในงานศพ”
“ตํารวจคนไหน?”
“จู้เหว่ย” ชายหัวโล้นตอบ “มาพร้อมอาวุธครบมือ”
สีหน้าของหยวนเค่อไม่ค่อยสู้ดีนัก “หยงตงมันต้องเปิดเผยเรื่องยาปลอมแล้วแน่ ไม่งั้นพวกนั้นคงไม่ตามจับคนที่เกี่ยวข้องได้แม่นขนาดนี้ เฒ่าสามรู้ก่อนเลยหนีไปได้”
“ไอ้สารเลว!” ชายหัวโล้นถ่มน้ำลายทิ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด “ไอ้ชั่วนั้นมันลืมกําพืดตัวเอง!”
“มาพูดเอาป่านนี้ก็ไม่มีประโยชน์” หยวนเค่อกล่าวขณะหันมองโดยรอบ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จึงพูดแผ่วว่า “กว่าพวกมันจะไล่เก็บทุกคนเสร็จเราคงหนีไปแล้ว”
“หมายความว่าจะปล่อยให้ข่าวที่เราพยายามทําลายล้าง ตระกูลหม่าแพร่ออกไปงั้นเหรอ?” ชายหัวโล้นถาม
“แน่นอน” หยวนเค่อตอบอีกครั้งเพื่อยืนยัน “ยังไงถ้าเฒ่าหลี่อยู่ มันต้องเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเพื่อล้างมลทินให้ตระกูลหม่าอยู่แล้ว คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราหลังจากนั้น? เราจะกลายเป็นนักธุรกิจไร้ซึ่งมนุษยธรรมและใช้วิธีสกปรก เพื่อทําลายคู่แข่งไงล่ะ”
ชายหัวโล้นถามด้วยสีหน้าวิตก “ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอ? งั้นให้ฉันส่งคนไปตามหาครอบครัวของหลิวชุนไหม?”
“เปล่าประโยชน์” หยวนเค่อส่ายหัว “ไม่ทันแล้วล่ะ”
“บัดซบ!” ชายหัวโล้นเท้าสะเอวสบถ “ฉันมัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพของหยวนหัวจนลืมนึกถึงไอ้เด็กหลิวชุนไปเลย”
“พี่หัวโล้น” หยวนเค่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “สิ่งที่ฉันกลัวตอนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนในจะแทงข้างหลังเรามากกว่า”
ชายหัวโล้นชะงักทันที
“ถ้าเรื่องถูกเปิดเผย เราจะอยู่ในสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าตระกูลหม่าเสียอีก” หยวนเค่อพูดด้วยความกังวล “เพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ในการทําอุบายกับคู่แข่งของเราจึง ต้องลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องสองคนมาพัวพันพี่รู้ความหมายสิ่งนี้รึเปล่า?”
“คิดว่าไอ้ประธานสิงจะทิ้งเราเหรอ?” ชายหัวโล้นถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่ได้กลัวมัน” หยวนเค่อตอบพร้อมกับส่ายหัว “ไอ้ประธานสิงเพิ่งสูญเสียลูกไป ตอนนี้มันคงไม่มีกะจิตกะใจมายุ่งกับเราหรอก นอกจากว่าจะมีใครนึกอุตริติดต่อไปแจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ของเรา…”
“จะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นก็ขึ้นไม่ได้!” ชายหัวโล้นแทรกขึ้นทันที “ถึงจางเทียนจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่เราคบค้าสมาคมกันมาหลายปี ฉันคิดว่าหมอนั้นคงไม่หัก หลังเราเพื่อแลกกับผลประโยชน์ตอนนี้หรอก…”
“พี่กับหยวนหัวเหมือนกันจังเลยนะ ชอบมองด้านดีของคนอื่นก่อนตลอด” หยวนเค่อกล่าวพร้อมถอนหายใจ “แต่ฉันมั่นใจว่าหมอนั้นจะต้องหักหลังเรา”
ชายหัวโล้นกัดฟันแน่นก่อนพูดพึมพํา “ถ้ามันกล้าทําแบบนั้น ฉันฆ่ามันแน่”
…..
ที่ลานกว้างของสํานักงานตํารวจ
จู้เหว่ยยืนกอดอกถามหลิวชุน “มีอะไรอีกไหมที่นายยังไม่ได้สารภาพ?”
“มะ ไม่มี ฉันพูดทุกอย่างที่รู้ไปหมดแล้ว!”
“โอเคงั้นฉันจะเริ่มจดบันทึกคําให้การของแกแล้วนะ ตกลงไหม?” จู้เหว่ยหยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่งแล้วถามว่า “คืนนั้นเฒ่าสามโทรบอกให้นายเอายาปลอมไปส่งให้เสี่ยวฉู่ใช่ไหม?”
“ใช่”
“เฒ่าสามจ่ายเงินให้นายสองร้อยดอลลาร์เพื่อแลกกับการส่งยาใช่ไหม?”
“ใช่”
“นายอยู่ในเหตุการณ์ในวันที่เสี่ยวฉู่ตกลงกับหยงตงและเห็นหยงตงให้เงินค่าจ้างเสียวฉู่ ถูกต้องไหม?”
“ถูกต้อง”
“ดี ที่นี้ฉันต้องการให้นายลงชื่อตรงนี้เพื่อยืนยันคําให้การอีกครั้ง” จู้เหว่ยพูดขณะวางกระดาษไว้หน้าหลิวชุนและชี้มุมล่างขวาของกระดาษ “เสร็จแล้วฉันจะพานายไปที่เกิดเหตุเพื่อทําแผนประกอบคํารับสารภาพ”
“ช่วยคุ้มกันฉันด้วยเถอะ..ฉันยังไม่อยากตาย” หลิวชุนอ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว “ฉันยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อร่วมมือกับนายเลยนะ!”
“เออ…เข้าใจแล้ว ฉันยังไม่ขังนายไว้คนเดียวหรอก” จู้เหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ฉันจะตามเฝ้านายไปก่อน”
“ขะ ขอบใจ”
….
ณ เฟิงเป่ย
ผู้กํากับหลี่นั่งอยู่ในบ้านที่ปรึกษา เขาพูดขึ้น “ผมเพิ่งได้รับข้อมูลมา ดูเหมือนว่าพยานหลักฐานจะแน่นหนาพอตัว ส่วนยาปลอมถูกส่งไปยังห้องแล็บนิติเวชเพื่อตรวจสอบแล้ว รวมไปถึงผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหลายก็ถูกจับหมด ต่อให้หยวนเค่อจะพยายามโน้มน้าวผมตอนนี้ก็คงไม่เป็นผล ไม่มีทางพลิกคดีได้อีกแล้ว”
ที่ปรึกษาของผู้กํากับหลี่นั่งยองๆ หน้าต้นกล้าดอกไม้ก่อนถาม “เมื่อไหร่นายจะไปคุยกับประธานสิงถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น?”
“ตอนนี้ผมตั้งใจจะรอไปก่อน ยังไม่อยากรีบร้อน” ผู้กํากับหลี่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นขณะตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ให้ไอ้อ้วนนั้น ดื่มด่ำกับความเศร้าที่เสียลูกชายไปก่อน”