ตอนที่ 227 ที่ปรึกษาปัญหาชีวิต
ชั้นบนสุดของจอยพาเลซคลับ ฉินอวี่นั่งอยู่ด้านหลังสุดของห้องโถงใหญ่พลางหันไปกล่าวทักทายหม่าเหลาเอ๋อว่า “นายคุ้นเคยกับที่แบบนี้ถ้างั้นก็ไปจัดการเถอะ”
“จัดการทําเรื่องให้นะฉันทําได้อยู่แล้ว แต่เรื่องเงินฉันไม่มีปัญญาออกให้ก่อนหรอกนะโว้ย!” หม่าเหล่าเอ๋อโวยวายเพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ได้สิ วันนี้หมดไปทั้งหมดเท่าไหร่ฉันก็พอรู้มาบ้างแล้วล่ะ” ฉินอวี่กวักโบกมือปัดแล้วบอกว่า “นายไปจัดการเถอะ”
“ได้เลย” หม่าเหลาเอ๋อยิ้มแป็นพลางเดินไปอยู่อีกฝั่งก่อนโทรหาผู้จัดการฝ่ายบริหารคนหนึ่ง
ผ่านไปไม่นานก็มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งที่อายุราวๆ สี่สิบกว่าปี จากนั้นเขาจึงยิ้มพร้อมพูดว่า “พ่อเลี้ยงทุกท่านสามารถเลือกกันเองได้เลย ถ้าไม่พอใจเราค่อยไปเรียกในห้องพักผ่อนอีกที ทางจอยพาเลซของเรามีสาวสวยทั้งหมดสามร้อยคน มีหลากหลายแนว ชอบแบบไหนก็มีหมดเลยล่ะครับ”
“พวกนายเลือกเถอะ” แมวเฒ่าเอาขาพาดไปบนโต๊ะน้ำชาแล้ว พูดเร่งทุกคนด้วยความรู้สึกเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วม
“นายไม่เลือกเหรอ” ฉินอวี่ถามด้วยความรู้สึกสงสัยมากๆว่า “โอกาสที่เจ๋งขนาดนี้นายพลาดได้ยังไง?”
“พี่อวี่ พวกพี่ทั้งสองคนเลือกมาเถอะครับ” ฟูเสี่ยวหาวพูดทักขึ้นอย่างรู้งาน
“ไม่ล่ะ ฉันอยากจะประหยัดเงินเพื่อตัวเองหน่อย” ฉินอวี่โบกมือปัด
“ฮ่าๆ เด็กนี่ก็กําลังรอคนถูกใจเหมือนฉันอยู่นะ” แมวเฒ่ายิ้มก่อนตอบกลับไปว่า “อย่าสนใจเราสองคนเลย พวกนายเลือกเถอะ”
“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ” จี้เหว่ยยืนขึ้นสํารวจสาวสวยทั้งสองแถวหน้าอย่างละเอียดไปแล้วจึงเริ่มเลือกคนที่ถูกใจ
หลายนาทีผ่านไป พอทุกคนเลือกสาวสวยของตัวเองกันได้แล้ว หม่าเหลาเอ๋อจึงเอ่ยปากพูดกับผู้จัดการฝ่ายบริหาร “นายไปเรียกญาญ่ามาให้หน่อย ฉันนัดกับเธอไว้แล้ว”
“ครับ ได้เลยครับ” ผู้จัดการพยักหน้า “ถ้างั้นผมขอเปิดเหล้าเบียร์เลยนะครับ”
“เบิดเลย” หม่าเหลาเอ๋อตอบกลับ
ฉินอวี่นั่งอยู่บนโซฟาพลางล้วงบุหรี่ไฟฟ้าออกมา จากนั้นจึงหันไปถามแมวเฒ่า “เดี๋ยวนะ ฉันสงสัยมากว่านายไปติดต่อกับญาญ่าได้ยังไง?”
“ก็สืบเอาน่ะสิ”
“พวกนายสองคนเคยเจอกันมาก่อนเหรอ?”
“ไม่เคย”
“ไม่เคยเจอแล้วก็คุยกันเลยเนี่ยนะ?!” ฉินอวี่ก็มองแมวเฒ่าด้วยสายตาเหลือเชื่อ “แล้วเธอดูสนใจนายบ้างไหม?”
“ฉันจะบอกให้นายฟัง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนายก็คือการที่นายยังหน้าด้านไม่พอ” แมวเฒ่าอธิบายแกมสั่งสอนด้วยอารมณ์คล้ายจะดูถูก “เรื่องตามจีบสาวนายต้องเป็นฝ่ายรุกเองสิ คนอื่นเขาก็ไม่ได้ขายตัวสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้เป็นแค่คนช่วยกินกับแกล้มหรือ นคอยร้องเพลงเป็นเพื่อนด้วย ถ้านายไม่รุกเองงั้นจะหวังจะให้คนอื่นเขามาเอ่ยปากขอนอนกับนายรึไง? นายดูฉันสิ หล่อขนาดนี้ก็ยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่หรือตํารวจหญิงคนไหนมาส่งของขวัญให้เลยสักคน ฉันจะบอกนายให้ สําหรับผู้ชายอย่างเราๆ น่ะแค่ออกตัวรุกก่อนก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ถ้าไม่ออกตัวโอกาสก็เป็นศูนย์แล้วล่ะ อย่าเอาแต่กลัวการเผชิญหน้า พื้นฐานเราก็เป็นคนชอบปะทะกันอยู่แล้ว ถ้าเขามีประจําเดือนเมื่อไหร่นายก็แครีบส่งผ้าอนามัยให้เธอ ถ้าเธอบอกว่าเธอชอบและสนใจอะไรนายต้องรีบไปทําความเข้าใจทันที แกล้งสร้างหัวข้อสนทนาที่สามารถคุยกันได้ แต่อย่าไปสารภาพง่ายๆ ล่ะ เพราะถ้านายสารภาพก่อนแล้วเกิดเธอปฏิเสธ นายขึ้นมาต่อให้นายจะทําดีกับเธอแค่ไหนเราก็ไม่ต่างอะไรไปจากหมาหงอยตัวหนึ่ง ตามประสบการณ์ที่ฉันเคยผ่านมาแล้วหมาหงอยไม่เคยได้แอ้มของอะไรดีๆ หรอก ความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อก็คือนายต้องทําดีกับเธอก่อน ดึงความสงสัยและความรู้สึกดีจากเธอขึ้นมา จากนั้นก็รักษาระยะห่างเอาไว้ แล้วถ้าเธอทักมาหานายก็อ้างว่าประชุมอยู่ พอเธอทักมาหานายตอนกลางคืนก็บอกไปว่าจะอาบน้ำ…ตอบบ่ายเบี่ยงไปแบบนั้น รักษาระยะห่างไปสักพักหนึ่ง เชื่อเถอะนายก็จะจับเธอได้อยู่หมัด”
“นายนี่มันเจ้าชู้ตัวพ่อจริงๆ” ฉินอวีด่าทอกลับไปอย่างรุนแรง
“ไม่ใช่อย่างนั้นน่า” แมวเฒ่าส่ายหน้า “เวลาฉันสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน สิ่งที่ต้องการเป็นสิ่งสุดท้ายไม่ใช่เพียงแค่การหลับนอนด้วยกันเท่านั้น ฉันกล้าสาบานเลยว่าฉันรักพวกเธอจากใจจริงทั้งนั้น อีกอย่างในระหว่างที่คบกันอยู่ฉันก็ทุ่มเททําหน้าที่ของฉันอย่างเต็มที่…พูดตามตรงว่าฉันเองก็ไม่ได้ทุ่มเทน้อยกว่าอีกฝ่ายเลย นายเข้าใจไหม?”
“เข้าใจก็บ้าแล้ว! พูดแบบนี้ไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าตัวเองรึไง?” ฉินอวี่หมดคําพูด
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่” แมวเฒ่าขยับนั่งไขว่ห้างก่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่แบบนั้นเว้ย ฉันแค่อยากถามนายว่านายชอบ เล่ยเล่ยไหม?”
ฉินอวี่พยักหน้ารัว “ชอบก็ส่วนชอบ แต่ตอนที่อยู่เฟิงเปย พี่ชายของเธอกับฉัน…”
“ฉันเห็นอีกข้อแล้วว่านายน่ะมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือพอเจอเรื่องอะไรเข้าก็ชอบมโนไปไกล” แมวเฒ่าพูดขัดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย “นายจะคบกับเธอ แล้วนายจะไปสนใจเรื่องพี่ชายเธอทําบ้าอะไรกัน ไอ้เพื่อนยาก… นายต้องจําไว้นะว่าชีวิตคนเรามันก็แค่ไม่กี่สิบปีสั้นๆ ถ้านายไม่ออกตามหาความสุขให้กับตัวเอง คนอื่นก็มีความสุขแทนนายไม่ได้หรอก นายกับเล่ยเล่ยยังไปไม่ถึงไหนก็นึกถึงปัจจัยเรื่องครอบครัวแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างรึไง ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือตอนที่นายมานั่งจับเจ่าอยู่ตรงนี้ วันหนึ่งถ้าหลินเหนียนเลยมาอยู่กับนายแล้วรู้สึกว่านายไม่เข้าท่าแล้วทิ้งนายไปจะทํายังไง นายเคยคิดตรงจุดนี้ไหม?”
“ก็มีเหตุผลนะ” ฉินอวี่พยักหน้า
“รีบนัดเธอมาที่นี่ด่วนเลย” แมวเฒ่าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ พอเธอมาเสียวมีก็จะมาด้วย แล้ววันนี้เราสองคนก็ไม่ต้องทําอะไรแล้ว มาปรึกษาเรื่องนี้กันโดยเฉพาะนายว่าดีไหม
“จัดไป!” พอฉินอวี่ถูกแมวเฒ่าสั่งสอนอย่างดุเดือดเขาจึงก้มหน้าแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมากดค้นหาเบอร์โทรของหลินเหนียนเลย จากนั้นก็กดโทรไปอย่างรวดเร็ว
แมวเฒ่าพยักหน้าด้วยความโล่งอกก่อนหันหน้ากลับไปมองสาวๆ ของติงถั่วเชินพร้อมโบกมือไปหนึ่งที่ “นี่! นี่คนสวย ถ้าหนูจะเล่นเกมก็เล่นได้นะ แต่ช่วยเก็บท่าทางหน่อยได้ไหม หมั่นโถวของหนูแทบจะทุ่มหน้าพี่อยู่แล้ว”
“นายน่ารําคาญจริงๆ เลย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” แมวเฒ่าหัวเราะมีความสุข สีหน้าดูเหมือนแทบจะหลงเข้าไปอยู่ในหมั่นโถวลูกกลมๆ ชิ้นใหญ่ทั้งสองนั่นเสียแล้ว
“แมวเฒ่า! แมวเฒ่า!” ฉินอวี่ใช้ข้อศอกแทงไปที่ซี่โครงของเขาแรงๆ หนึ่งที่
“อะไรของนายวะ?!” แมวเฒ่าหันมาถามอย่างรําคาญ
“แล้วฉันจะพูดยังไงดีล่ะ?” ฉินอวี่จับโทรศัพท์ไว้แน่นพลางทําหน้าเคร่งเครียด
“นายยังไม่ได้ส่งข้อความให้เธออีกเหรอ?” แมวเฒ่านิ่งไป
“ก็ไม่รู้ว่าต้องทํายังไงนี่นา ปกติแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย พอนัดเธอมาแบบมีจุดประสงค์แล้วในใจของฉันก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ฉินอวี่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่ นายว่าฉันควรพูดกับเธอยังไงดี?”
“นายก็บอกไปว่าเปิดห้องเรียบร้อยแล้ว แล้วถามว่าเธอจะมาไหม?” แมวเฒ่าด่ากลับด้วยความโมโห “ฉันไม่ใช่พ่อนายนะเว้ย! ยังต้องให้ฉันมายุ่งเรื่องสืบสกุลของนายอีก ตัดสินใจเอาเองสไอ้บ้าเอ๊ย!”
“งั้นนายจะไปไหนก็ไป ไป!” ฉินอวี่แค้นเสียงด่าก่อนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานกว่าจะส่งข้อความให้กับหลินเหนียนเลย
ในสถานีออนไลน์ หลินเหนียนเล่ยกําลังรู้สึกเบื่อๆ และในตอนที่กําลังเตรียมที่จะปลีกตัว จู่ๆ เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน
“ดื่มเหล้าไหม?”
หลินเหนียนเลยมองดูข้อความพลางยิ้มกรุ้มกริ่มและรีบถามกลับ “มีใครบ้างล่ะ?”
“ก็เพื่อนที่อยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ พวกแมวเฒ่าเขาน่ะ” ฉินอวี่รีบพิ่มตอบทันควัน
“ส่งโลเคชั่นมา เดี๋ยวฉันจะแวะไปเที่ยวสักหน่อย” และแล้วหลินเหนียนเลยก็ตอบตกลง
ผ่านไปสิบนาที หลินเหนียนเลยจึงดึงแขนของเสี่ยวมี่วิ่งหนีออกจากที่ทํางานไป
ในห้องโถงต้อนรับ จ่าวเปาลูกชายของจ่าวปู่ที่สวมชุดสีชมพูอันเป็นเอกลักษณ์สะดุดตาเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาหันหน้ามองไปรอบตัวหนึ่งที แล้วจึงพุ่งเข้าไปถามเด็กหนุ่มแผนกข่าวสารที่อยู่ ข้างๆ “นี่นายเห็นพวกหลินเหนียนเลยไหม?”
“พวกเธอเพิ่งกลับไปนะ”
“ไปไหนแล้วล่ะ? นายรู้ไหม?”
“ฉันไม่ได้สนิทกับเธอ นายไปถามพวกเสี่ยวเยี่ยนเถอะ เหอะๆ” เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะแห้ง
“ได้” จ่าวเปาพยักหน้าแล้วรีบเดินจากไป