Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 244 เหล่าเด็กในรถบรรทุก
ตอนที่ 244 เหล่าเด็กในรถบรรทุก
ตอนเที่ยงของอีกวัน
หยวนเคอรีบกลับจากเวียงหนานไปที่รัฐพื้นทมิฬเพื่อเชิญเปยเตอหยงมารับประทานอาหารกลางวัน
ในระหว่างทานอาหาร หยวนต่อก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องธุรกิจยาเลย เพราะเขารู้ดีว่าเฒ่าเปยต้องการอะไร แน่นอน ถึงได้ติดต่อเขามาเจอในวันนี้
เปยเตอหยงยืดตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะรู้สึกว่าได้เวลายิงคําถามแล้วเขาจึงเริ่มถามหยวนเค่อทันที “เสียวเค่อ ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันเรื่องยา ฉันไปคุยกับพวกลูกน้องแล้วล่ะ พวกนั้นบอกว่าน่าสนุกดี”
“เยี่ยมเลยพี่” “ หยวนเค่อตอบกลับคําพูดนั้นทันที “ผมบอกแล้ว ถ้าพี่ยอมร่วมมือกับผมเราก็จะไม่มีคู่แข่งในรัฐพื้นทมิฬแน่นอน”
“ความสัมพันธ์ก็คือความสัมพันธ์ และธุรกิจก็อีกส่วนหนึ่ง” เปยเตอหยงเช็ดปากพลางถามหยวนเค่อด้วยรอยยิ้ม “นายจะคํานวณยังไงเหรอ?”
ในความคิดหยวนเค่อตอนนี้คือตราบใดที่เปยเตอหยงร่วมมือกับเขาก็สามารถจํากัดพื้นที่ของฉินอวีได้มากทีเดียว อีกอย่างคือถ้าเปยเตอหยงจะต้องต่อสู้กับหม่าเหลาเอ๋อให้โดยเขาไม่ต้องลงแรงมาก และสามารถพัฒนาเขตรัฐพื้นทมิฬได้อย่างสบาย
ด้วยวิธีนี้หยวนเค่อไม่เพียงแต่สามารถจํากัดการขยายพื้นที่หม่าเหลาเอ๋อได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังทําให้เขาทุ่มแรงทั้งหมดไปลงทุนกับเจียงหนานอย่างสบายใจ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดด้วยซ้ําว่าเปยเตอหยงจะเป็นคนแบบไหน เพราะขนาดเขายังสามารถละทิ้งหวูเวินเซื่งในช่วงเวลาวิกฤติได้
ถึงยังไงหยวนเค่อก็จําเป็นต้องจ่ายล่วงหน้าและเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้คุ้มค่าแล้ว แต่มาวันนี้เปยเตอหยงเริ่มติดต่อเขามา ความคิดของเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าที่เปยเตอหยงกลับมาหาเขา ในวันนี้ต้องเป็นเพราะว่าการเจรจาของเขากับหม่าเหลาเอ๋อไม่น่าพอใจนัก
หยวนเค่อมองไปที่เปยเตอหยงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเป็นเวลานานก่อนพูด ” พี่เปยเราไม่เคยทํางานร่วมกันมาก่อน ฉันไม่รู้ว่าจะทําได้ไกลแค่ไหนและฉันยังต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ดังนั้นฉันคงให้พี่หกสิบเปอร์เซ็นต์ไปก่อน
เมื่อเปยเตอหยงได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขารีบมาหาหยวนเค่อเกินไป
“พี่ไม่ต้องจ่ายค่าสินค้าและค่าขนส่ง พี่แค่ขายเท่านั้น” หยวนเค่อพูดเสียงแผ่วเบา “ทุกๆเดือนฉันจะหานักบัญชีมาเพื่อจ่ายเงินปันผลตามจํานวนสินค้าที่ขายได้เอง”
เปยเตอหยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเค่อ บอกตามตรงนะว่าฉันไม่เคยค้ายาแบบนี้มาก่อน ฉันเลยไม่รู้ขั้นตอนมันมากเท่าไหร่ ฉันคิดว่าฉันจะเอาสินค้าจากนายมาก่อนแล้วจะพยายามขายมันดูก่อน ฉันจะเรียกเก็บเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์และอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะให้นาย จากนั้นเราก็มาประเมินกันดูว่าฉันเหมาะกับธุรกิจนี้ไหม”
“ฮ่าฮ่า!” หยวนเค่อยิ้ม “พี่เปย พี่นี่ฉลาดจริงๆ”
“อืม…ไม่แน่ใจจริงๆ เลยอยากลองทําดู” เปยเตอหยงตอบด้วยรอยยิ้ม
“โอเค งั้นก็ได้” หยวนเค่อยกแก้วขึ้น: “สองวันก่อนผมได้จัดหาใครบางคนมาส่งสินค้าให้คุณแล้ว”
“เยี่ยม มาเถอะ ชนแก้ว” เปยเตอหยงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มื้อค่ําก็จบลง
หยวนเค่อเดินเมาขึ้นรถพลางออกคําสั่ง “กลับไปเจียงหนาน”
“เปยเตอหยงจะเอาสินค้าไปแบบไหนเหรอ?” เสี่ยวจิ๋วไม่ได้ขึ้นไปด้วยจึงถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอก” หยวนเค่อตอบทันที “เขาแค่อยากยืมมือฉันขึ้นราคากับเจ้าหม่าเหลาเอ๋อเท่านั้น และฉันก็บอกเขาไปแล้วละว่าฉันยินดีจะขึ้นราคาให้อีกแน่นอน ไม่ว่ายังไงเราต้องได้ทําธุรกิจร่วมกันแน่ๆ”
“ หมายความว่ายังไง?” เซียวจิ๋วประหลาดใจจึงหันกลับมาถามทันที “นายจะแบ่งกําไรให้เป็นแปดสิบเปอร์เซ็นต์เหรอ? ทําแบบนั้นไม่เท่ากับทําร้ายตัวเองรึไง…แน่ใจแล้วใช่ไหม?”
“เปล่า ฉันคิดว่ามันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” หยวนเค่อยิ้ม “ก่อนอื่นที่เปยเตอหยงมาวันนี้แสดงว่าต้องไปตกลงราคากับหม่าเหลาเอ๋อมาแล้วแน่ๆ และอีกอย่างคือฉันเห็นว่าอิทธิพลเฒ่าเปยมีประโยชน์กับเรามาก..แล้วทําไมหม่าเหลาเอ๋อถึงเสนอราคาได้ต่ําล่ะ?”
เสี่ยวจิ๋วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายหมายถึง พวกนั้นไม่อยากร่วมมือกับลาวเป่ยเหรอ?”
“ทั้งฉินอวี่และเฒ่าหลีก็ต่างเป็นคนในสํานักงานตํารวจ” หยวนเค่อพูดอย่างเฉียบขาด “ชื่อเสียงของเฒ่าเปยก็แย่เกินไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสําหรับพวกเขาที่จะเล่นด้วยเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว” เสี่ยวจิ๋วพยักหน้า
“เดี๋ยวเฒ่าเปยจะต้องปรับตัวให้เข้ากับฝั่งตรงข้ามไม่ช้าก็เร็ว” หยวนเค่อพูดด้วยรอยยิ้ม
สองวันต่อมา นอกเขตซ่งเจียง
ทีมป้องกันร่วมกับหน่วยทหารรักษาการณ์ได้ส่งยานพาหนะสามคันมาถึงทางแยกแล้ว
รถบรรทุกตู้สินค้าที่ติดอยู่บนถนนประมาณหกหรือเจ็ดชั่วโมงท่ามกลางหิมะ ยางส่วนใหญ่ถูกแช่แข็ง กระจกหน้ารถและหลังคาถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นชั้น
ทหารสองคนงัดประตูห้องโดยสารด้วยชะแลง จากนั้นก็มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาในทันที
“มีบางอย่างเน่าอยู่ในนั้น” ทหารปิดจมูกแล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าหน้าซีดเผือด
จ่าทหารเหลือบมองรถบรรทุก ก่อนโบกมือขึ้นทันทีและตะโกนว่า “เปิดกล่องสินค้าเลย”
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที
ทหารสี่นายงัดประตูและเปิดออก กลิ่นเหม็นที่พวยพุ่งออกมาก็ทําให้ทหารผงะหนีออกไปหลายเมตร
จ่าสิบเอกยืนอยู่บนหิมะขณะมองเข้าไปในรถอย่างประหลาดใจ
เด็กผู้ชายเจ็ดถึงแปดคนอายุราวสิบสี่ปีนอนเรียงรายกันอยู่ในกรง และทุกกรงถูกล็อกด้วยโซ่เหล็กหนา
ศพทั้งหมดแข็งตัว พร้อมส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วท้องถนนพวกเขาทําหน้าบูดบึงและหวาดกลัว ศพทั้งหมดเป็นเด็กมีรูปร่างผอมบาง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น
“รถของพวกค้ามนุษย์อีกแล้วเหรอเนี่ย?!” จ่าสิบเอกถอนหายใจ
เด็กที่เกิดมายังไม่ทันใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากลับเสียชีวิตเพราะถูกทิ้งให้ตายในรถอย่างอนาถ
ในเขตเมือง
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จ่าวเปาได้ติดต่อกับลิซ่าให้มาพบกันอยู่ตลอด
ตอนบ่ายขณะอยู่เฉยๆ เขาจึงนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นที่เขาพบในเชิงเปย และตอนนี้ได้ข่าวว่าเพื่อนคนนั้นอยู่ที่นี่เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อนัดพบปะกัน