Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 234 การบุกตรวจในจอยพาเลซ
ตอนที่ 234 การบุกตรวจในจอยพาเลซ
เนื่องจากในเขตเก้ามีผู้คนอยู่อาศัยปะปนกันหลายเชื้อชาติจึงมีวันหยุดราชการเพิ่มขึ้นตามวัฒนธรรมนั้นๆ เช่น วันตรุษจีน วันผู้ใหญ่ วันอําเภอและวันขึ้นปีใหม่เป็นต้น ในบรรดาเทศกาลเหล่านี้ ปีใหม่ถือเป็นเป็นวันนักขัตฤกษ์ที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุด ชาวจีนส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้มีวันหยุดรวดเดียวห้าวันเพื่อกลับมาพบกับครอบครัวของพวกเขา
แม้ว่าวันตรุษจีนจะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่บางหน่วยงานยังคงต้องการคนมาทํางานด้วยการจ้างเงินเดือนพิเศษ ซึ่งมีคนมาทํางานไม่มากนัก
ฉินอวี่เรียกทีมหนึ่งและทีมสองมารวมตัวกันโดยแยกเป็นสี่กลุ่มกลุ่มละเกือบยี่สิบคน ก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นทุกคนจึงรีบกลับมาจากงานเลี้ยงปีใหม่ที่บ้านเพื่อมาตามคําสั่งฉินอวี่
หลังจากทุกคนมาถึงถนนเถ้าธุลีครบแล้วฉินอวี่ก็ก้าวไปข้างหน้า “ฉันต้องรบกวนพวกนายจริงๆที่มีปัญหาในช่วงปีใหม่ วันนี้ฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้และฉันจะจ่ายเงินเดือนให้คุณในเดือนหน้าอีกด้วย”
“ทุกคนในทีมไม่ติดเรื่องนั้นครับหัวหน้าฉัน”
“เราคุยกันแล้ว ทุกคนมาที่นี่ด้วยความสมัครใจ”
“ทุกคนอุตส่าห์สละเวลาส่วนตัวกับครอบครัวมา ยังไงฉันก็ควรให้” ฉินอวี่กล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันพูดแค่นี้แหละ เดี๋ยวทุกคนตามฉันเข้าไปยังจอยพาเลซในสามร้อยเมตรข้างหน้า”
หลังจากนั้นทุกคนก็ติดตราตํารวจไว้ที่หน้าอกอย่างพร้อมเพรียงทันที ก่อนก้าวตามฉินอวี่และแมวเฒ่าไป
ไม่กี่นาทีต่อมาในห้องโถงของจอยพาเลซ บริกรหนุ่มสาวสองสามคนมารวมตัวกันข้างบาร์
เสียงฝีเท้าวิ่งกรูเข้าไปในห้องโถงนําโดยฉินอวี่
“พี่… นี่มันอะไรกันครับ?” บริกรที่หน้าประตูถามอย่างงุนงง
ฉินอวี่พลักหนุ่มคนนั้นออกก่อนตะโกน “นี่เจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐพื้นทมิฬ! เปิดไฟทุกดวง และขอให้พวกลูกค้ายืนชิดด้านขวา ส่วนพนักงานยืนชิดด้านซ้ายด้วย”
ผู้จัดการบริกรรีบวิ่งไปหาฉินอวี่อย่างเร่งรีบ “คุณตํารวจ…มันเกิดอะไรขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้?”
“ไม่มีอะไร นี่เป็นการตรวจสอบตามปกติ!” ฉินอวี่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ทีมหนึ่งแยกไปตรวจชั้นสอง ส่วนทีมสองตรวจสอบพวกพนักงานกับลูกค้าตรวจดูใบอนุญาตผ่านแดนและของเถื่อนทั้งหมดด้วย!”
“ครับผม!”
“ครับ!”
เจ้าหน้าที่เริ่มตรวจสอบและแยกย้ายกันทันที
“นั่งลง! ทุกคนแสดงใบอนุญาตผ่านแดนด้วย!”
“หันหน้าไปพิงกับกําแพง ผมจะค้นตัว”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ตํารวจก็ตะโกนขึ้นในห้องโถงชั้นหนึ่ง เพื่อแยกพนักงานและลูกค้าออกจากกันสถานการณ์จึงค่อนข้างวุ่นวาย
หลังบาร์ สาวเสิร์ฟคนหนึ่งเห็นว่าสถานการณ์ควบคุมไม่ได้ จึงก้มหน้าและเดินหลบไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยทันที
จากนั้นสองถึงสามนาที่ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินลงมา เขาจําฉินอวี่ได้จึงขมวดคิ้ว “ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
ฉินอวี่ยืนพิงกําแพงในห้องนั่งเล่นและไม่ตอบอะไร
“มาทําแบบนี้ในช่วงเทศกาลสําคัญ ระวังจะถูกมองไม่ดีเอานะ” ชายร่างใหญ่ตอบด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา
“ฮ่าฮ่า!” ฉินอวี่หัวเราะเยาะก่อนหันหลังเดินออกไป “เอาเป็นว่าฉันจะตรวจสอบอย่างระวังละกัน”
ชายร่างใหญ่เอื้อมมือไปคว้าแขนฉินอวี่ก่อนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันว่านายไปคุยกับฉันข้างบนดีกว่า”
“โอเคเดียวเราไป แต่ปล่อยเขาก่อนเถอะ!” แมวเฒ่าพูดกับชายร่างใหญ่
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง อีกฝ่ายก็ค่อยๆปล่อยมือ “ฉันก็บอกแล้วไงว่าเจ้านายฉันไม่ได้เปิดแบบผิดกฎหมาย!”
“ผัวะ!”
แมวเฒ่าก็เอื้อมือขึ้นตบปากอีกฝ่ายก่อนถาม “ก็บอกว่ารู้แล้วไง! ทําไมต้องให้พูดซ้ําด้วย?”
ชายร่างใหญ่ซึ้งนึ่งขณะมองหน้าแมวเฒ่าด้วยความประหลาดใจ
“นายไม่รู้หรอกฝ่ายนั้นมันเริ่มยังไง พวกฉันก็บอกแล้วว่าเป็นตํารวจ แต่พวกยามของนายยังกระทืบเราอย่างกับไม่ใช่ตํารวจจากรัฐพื้นทมิฬ!” แมวเฒ่าพูดขณะชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ถูกที่ยังไม่พอยังจะมาเรียกเงินอีกตั้งห้าหมื่นเลยเหรอ?! ขอโทษนะ..พวกนายไม่จะจัดการยังไงแล้วใช่ไหม?!”
ชายร่างใหญ่มองแมวเฒ่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันพูด “เออ…ได้ งั้นก็ลงไปข้างล่างกัน!”
หลังจากนั้นชายร่างใหญ่ก็โบกมือและตะโกน “อย่าขัดขืน ปล่อยให้พวกเขาตรวจสอบ”
หน้าประตูห้องทํางานบนชั้นสี่ อาเฟิงเคาะประตูพลางตะโกน “ผมเข้าไปนะ?”
“เข้ามาสิ!” ซ้อหลินตะโกนเสียงดัง
อาเฟิงผลักประตูเข้าไปในห้องก่อนเดินไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว “พวกฉินอวี่กับแมวเฒ่าพาตํารวจกว่ายี่สิบคนมาตรวจสอบร้านเรา”
“อืม” ซ้อหลินเช็ดปากด้วยทิชชูก่อนก้มลงไปหยิบลิปสติกจากลิ้นชักด้านข้าง “แล้วคนด้านล่างว่าไงกันบ้างล่ะ?”
“เสี่ยวหรู่เดินเข้าไปพูดขัดขวางเขาก็โดนไอ้แมวเฒ่าตบปากเข้าให้” อาเฟิงขมวดคิ้วตอบ
“ฮ่าฮ่า!” ซ้อหลินลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างก่อนพูด “ให้ตรวจสอบไปก่อน เดี๋ยวฉันจะโทรไปเคลียร์ให้”
“โอเค” อาเฟิงพยักหน้า
ชั้นล่าง
แมวเฒ่ายืนอยู่ที่บาร์ขณะถามฉินอวี่ “นายว่าเราจะได้จ่ายค่าเสียหายเวรนั่นคนละเท่าไหร่กัน?”
“คิดว่าไงล่ะ?” ฉินอวี่ถามกลับ
“พวกนั้นต้องการเงินฝั่งละห้าหมื่น นายก็เห็นว่าเราถูกซ้อมขนาดนั้น และยังเรียกตํารวจมาทํางานล่วงเวลาอีกเยอะแยะ” แมวเฒ่ากระซิบ “คงไม่น้อยแน่ๆ”
“นายก็รู้นี่ แล้วยังมาพูดถึงมันอีกนะ!”
“โอเค งั้นฉันจะลองไปคุยกับพวกนั้นละกัน” ตอนนี้เขากําลังคิดว่ายังไงร้านนี้ก็เปิดในย่านพื้นทมิฬและยังเป็นสถานบันเทิงแบบผสมผสานอีกด้วย ยังไงก็ต้องพึ่งตํารวจอย่างพวกตนอย่างแน่นอน
ทั้งฉินอวี่แล้วแมวเฒ่าไม่ใช่คนซื่อ ในยุคแบบนี้พวกเขาต้องทํางานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพราะยังไงก็ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ หรือมาเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ใดๆ ดังนั้นจึงเหลือเพียงเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น
ฉินอวี่ทอดสายตาไปยังห้องโถงก่อนจะกระซิบกับแมวเฒ่า “ถ้านายได้ห้าหมื่นจริง นายจะควรจะให้เสี่ยวไท่สักหนึ่งหมื่นนะ”
“ฉันรู้แล้ว” แมวเฒ่าพยักหน้า
“กร็ง!”
ขณะทั้งสองกําลังคิดว่าจะแบ่งเงินอย่างไร เสียงโทรศัพท์ในกระเป่าฉินอวี่ก็ดังขึ้น
“มีอะไรรึเปล่า ลุงหลี่?”
“พวกแกไปทําบ้าอะไรในวันสิ้นปีแบบนี้เนี่ย?!” เฒ่าหลี่ตะโกนใส่