บทที่ 154 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 1 (1)
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ..ช่างเป็นคำตอบที่น่าทึ่งยิ่งนัก..เอาล่ะ..ข้าหวังว่าเราจะมีโอกาสพูดคุยกันมากกว่านี้..เสียดายจริงๆที่ตอนนี้ข้ายุ่งมาก”
องค์ชายเอดินหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินผ่านหน้าคาร์ลไปด้วยสีหน้าผิดหวัง คาร์ลโค้งคำนับอย่างนอบน้อมก่อนที่เอดินจะพูดเพิ่มเข้ามา
“ข้าหวังว่าเราจะได้คุยกันตอนงานเลี้ยงฉลองนะ..นายน้อยคาร์ล”
‘ไม่อย่างแน่นอน’
คาร์ลไม่มีความปรารถนาที่จะพูดคุยกับองค์ชายผู้นี้
‘ฉันจะแอบอยู่แถวหลังคาแบบเงียบๆต่างหาก’
คาร์ลคิดหลายอย่างในหัวก่อนมองตามหลังเอดินที่ค่อยๆลับหายไป
จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อต้อนรับคณะทูตและงานเลี้ยงฉลองสิ้นปีพร้อมกันทีเดียวหลังจากที่พวกเขาดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น
คาร์ลวางแผนที่ขึ้นไปอยู่บนหลังคาหรือไม่ก็ระเบียงแถวๆนั้นแบบเงียบๆระหว่างการเฉลิมฉลอง ตอนนั้นเองที่เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
~ มนุษย์!..เจ้ามนุษย์ขยะที่ชื่อองค์ชายแห่งจักรวรรดิดูเหมือนจะแข็งแกร่งพอๆกับรองหัวหน้าองครักษ์ผู้ขี้ขลาดของเราเลย!~
‘อืมมม’
คาร์ลเริ่มยิ้ม
‘องค์ชายเอดิน’ชายผู้นี้มักหัวเราะราวกับคนบ้าและใช้การเล่นแร่แปรธาตุเพื่อก่อปัญหาทุกประเภท คนผู้นี้มีฝีมือเทียบเท่ากับองครักษ์หรืออัศวิน
อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่คนทั่วไปคิด
‘แล้วเขาจะอยู่ในระดับเดียวกับอัศวินระดับสูงสุดหรือเปล่านะ?’
ฮิลส์แมนได้ฝึกปรือฝีมือจนมาถึงขั้นนักต่อสู้ระดับสูงสุด อย่างไรก็ตามการที่เอดินอยู่ระดับเดียวกับฮิลส์แมนก็ย่อมหมายความว่าเขามีฝีมือมากพอควร
‘น่าสนุกจริงๆ’
ในนิยายนั้นคาร์ลได้อ่านเรื่องราวขององค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิมาพอสมควรแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้รู้รายละเอียดลึกๆเท่ากับที่เขารู้จักเชวฮันหรืออัลเบิร์ก
องค์ชายเอดินไม่ใช่ตัวละครหลักในนิยายเรื่องนี้
คาร์ลค่อนข้างทึ่งกับเอดินที่ดูมีอะไรหลายอย่างซ่อนอยู่ในตัวตนของเขา
‘การที่ฉันอยากรู้ก็ไม่ได้หมายความว่า..ฉันคิดจะเข้าไปใกล้หมอนั่น’
คาร์ลวางแผนที่จะทำบางอย่างเงียบๆและหลบออกไปโดยไวที่สุด
ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
~ มนุษย์!..มนุษย์!..มีคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนคนในครอบครัวเราเลย!~
หัวใจของคาร์ลหล่นไปกองที่ตาตุ่ม
‘….อะไรนะ?..ครอบครัว?’
คาร์ลรู้สึกกังวล
‘จะเป็นมังกรอีกตัวหรือเปล่า?…เป็นไปได้มั้ยนะ?’
คาร์ลซ่อนความกังวลของตนเอาไว้เมื่อหันไปมองรอบๆและทักทายขุนนางจากจักรวรรดิที่เดินผ่านหน้าเขาไปอย่างเร่งรีบ จังหวะที่เขาหันไปเจอองครักษ์ของเขาก็รีบเอ่ยขึ้นทันที
“ฮาเบ็น”
“มีอะไรหรือนายน้อยคาร์ล?”
“มีคนที่นี่..เอ่อ..มีคนที่คล้ายๆกับเจ้าอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
เมื่อพูดจบเขาก็สบตาเข้ากับอูฮาเบ็นทันที สายตาที่อูฮาเบ็นส่งมาให้เขาราวกับจะบอกว่า ‘มนุษย์ผู้เคราะห์ร้าย..เจ้าพูดอะไรออกมา?’ มันเป็นลักษณะการจ้องที่เหมือนจะถามแบบนั้นจริงๆ
~ มนุษย์!..เขาใช่แมวหรือเปล่านะ?..นั่นไงๆ!คนผมสีแดงอยู่ทางทิศ9นาฬิกาของตัวเจ้า!~
คาร์ลหันศีรษะไปตามทิศที่ราอนบอกทันที เขามองเห็นอัศวินผมสีแดงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น อูฮาเบ็นก็หันตามสายตาของคาร์ลไปมองอัศวินผู้นั้นเช่นกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อพูดขึ้น
“เจ้าเด็กน้อยบอกเจ้างั้นหรือ?”
คนในครอบครัวที่ราอนพูดถึงคือคนที่มาจากเผ่าเดียวกับออนและฮง
มังกรวัยชราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อ่า..ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งมากที่เดียว”
มังกรทองขยับไปด้านหน้าเยื้องๆไปทางขวาอีกครึ่งก้าวเพื่อไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังคาร์ล เขาตรวจสอบจนมั่นใจว่าจะไม่มีใครเข้ามาใกล้พอที่จะได้ยินเมื่อเขาเริ่มกระซิบบางอย่างให้คาร์ลฟัง
“เผ่าแมวไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาปะปนกับมนุษย์มากนัก..อีกทั้งพวกเขายังเชี่ยวชาญการลอบสังหารอีกด้วย”
ชนเผ่าแมวเป็นที่รู้จักกันดีในทวีปตะวันออก อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างต่างจากเผ่าแมวในทวีตะวันตกอยู่บ้าง พวกเขามักจะใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆเพื่อหลีกเลี่ยงจากมนุษย์และเผ่าอื่นๆ นอกจากนี้พวกเขายังมีความสามารถในการลอบสังหาร การสอดแนมและเก็บรวบรวมข้อมูล
อูฮาเบ็นยังคงกระซิบต่อไปด้วยความใคร่รู้
“เจ้าคิดว่าเขากำลังจะฆ่าใครหรือเปล่า?”
‘…นั่นคือสิ่งที่ฉันควรรู้งั้นหรือ?’
คาร์ลรู้สึกว่าหูตัวเองดับไปชั่วครู่เมื่อได้ยินสิ่งที่อูฮาเบ็นพูด เขาได้มารู้เรื่องไร้ประโยชน์อีกครั้ง
‘ลืมไปซะ’
คาร์ลตัดสินใจที่จะลืมมัน อย่างไรก็ตามความรู้สึกแปลกๆก็ยังติดตามเข้าไป
“นี่คือห้องพักของนายน้อยคาร์ลขอรับ!”
ข้ารับใช้ของจักรวรรดิชี้ไปยังห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับตำหนักที่อัลเบิร์กเข้าพัก ข้ารับใช้รีบแนะนำตัวและคนรอบตัวเขาให้คาร์ลฟังคร่าวๆ
“หากท่านขาดเหลือสิ่งใดสามารถแจ้งกระผมได้เลย..ส่วนบุคคลเหล่านี้คืออัศวินที่ได้รับมอบหมายให้อารักขาตึกแห่งนี้ขอรับ..”
อัศวินทั้ง 5 โค้งคำนับให้กับคาร์ลและเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ
แมวผมสีแดงก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่คาร์ลจะรู้ว่าชายผู้นี้มาจากเผ่าแมวหากราอนไม่บอกให้เขาทราบ
‘ฮ่า..นี่มัน…เฮ้ออออ’
คาร์ลพยายามเลี่ยงแมวตนนี้
“ทางเราไม่ได้จัดอัศวินไว้อารักขาหน้าประตูห้องพักของท่านเพราะท่านนำองครักษ์ส่วนตัวมาเองแต่ถ้า…เอ่อ..ถ้านายน้อยคาร์ลต้องการอัศวินของเราเพิ่มเติม..เราก็สามารถจัดการให้ท่านได้ทันที”
“ไม่เป็นไร..ข้าไม่ต้องการพวกเขา”
คาร์ลปฏิเสธข้อเสนอของข้ารับใช้ทันที
“ถ้าเช่นนั้น..โปรดเรียกกระผมได้ทุกเมื่อหากท่านต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม”
“ตกลง”
คาร์ลยืนมองข้ารับใช้และกลุ่มอัศวินของจักรวรรดิที่ค่อยๆเดินจากไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักของตน เสียงของราอนลอดเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
~ มนุษย์!..มีคนซ่อนตัวอยู่บนเพดานเหนือเตียงของเจ้า!..เขากำลังสอดแนมเจ้าอยู่!ว้าว!!การสอดแนมของเขาอยู่ระดับเดียวกับนักปั้นรูปกระต่ายผู้นั้นเลย! ฝีมือของเขาเยี่ยมยิ่งนัก!~
‘คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้’
คาร์ลรู้สึกเฉยๆ
แม้ว่าจะยังมีอีกหลายห้องที่อยู่ในตำหนักเดียวกับอัลเบิร์ก แต่จักรวรรดิกลับให้คาร์ลเข้าพักในตำหนักที่อยู่ติดๆกับตำหนักของอัลเบิร์กแทน มันต่างจากคณะทูตคนอื่นๆที่ทุกคนต่างได้เข้าพักในตำหนักเดียวกับอัลเบิร์ก
‘เอดินต้องสงสัยในตัวฉัน’
หากองค์ชายเอดินคิดที่จะสงสัยและเลือกสอดแนมใครสักคนในคณะทูต แน่นอนว่าคนผู้นั้นต้องเป็นคาร์ล
‘เพราะฉันเป็นคนดับไฟป่า’
คาร์ลคือคนที่ดับไฟป่าเหล่านั้นเพียงลำพัง
ทั้งๆที่ตอนแรกคนที่สามารถดับไฟได้คือหมอผีที่เดินทางมาจากทวีปตะวันออก
‘แต่มันก็แปลกเช่นกัน’
แน่นอนว่าเขารู้ว่าอาร์มและจักรวรรดิกำลังร่วมมือกันแต่คาร์ลนึกสงสัยว่าหมอผีที่มาจากทวีปตะวันออกตามเนื้อหาในนิยายนั้นสามารถดับไฟได้อย่างไรทั้งๆที่น้ำธรรมดาทั่วๆไปไม่สามารถดับมันได้?
จะเป็นไปได้มั้ยหากหมอผีคนนั้นเป็นสมาชิกของอาร์ม?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งนั้นทำให้เกิดผลพลอยได้?
แน่นอนว่าหินมนตราระดับสูงสุดทั้งหมดที่หมอผีผู้นั้นพบจะตกเป็นของจักรวรรดิและอาร์มในที่สุด
‘อ่า..น่ากลัวจริงๆ’
ฟังดูแล้วเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก อย่างไรก็ตามสมมติฐานนี้ก็เป็นไปได้สูง หากหมอผีสามารถดับไฟป่าได้สำเร็จ เขาจะได้การยอมรับจากอาณาจักรผืนป่าทันที
‘มันเป็นหนึ่งในวิธีที่จักรวรรดินิยมใช้’
การส่งสายลับไปสอดแนมเป็นสิ่งที่จักรวรรดิทำอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหมอผีคือสายลับที่ทางจักรวรรดิส่งไปสอดแนมจริงๆในไม่ช้าอาณาจักรแห่งผืนป่าจะตกเป็นของจักรวรรดิเช่นกัน
“เฮ้อออออ”
คาร์ลถอนหายใจก่อนจะหันไปพูดกับเชวฮันและอูฮาเบ็น
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
“ตอนนี้หรือขอรับ?”
คาร์ลตอบคำถามของเชวฮันที่เริ่มสับสน
“ข้าต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินน่ะ..อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าบิลอสพักอยู่ในจักรวรรดิด้วย..ข้าว่าจะไปหาเพื่อนของข้าสักหน่อย”
คาร์ลตอบด้วยเสียงอันดังเพื่อให้สายลับที่กำลังสอดแนนมอยู่ได้ยิน เขาสวมเสื้อคลุมและโยนหน้ากากไปให้กับทั้งสองคน
“สวมเสื้อคลุมและหน้ากากเอาไว้..ข้าไม่อยากให้คนอื่นแตกตื่นเมื่อเห็นพวกเรา”
คาร์ลมุ่งหน้าออกจากวังพร้อมกับเชวฮันและอูฮาเบ็น
แม้ว่ามันจะน่ารำคาญใจไปบ้างแต่พวกเขาก็สามารถผ่านประตูออกไปได้อย่างง่ายเนื่องจากองค์ชายอัลเบิร์กเป็นคนอนุญาตให้พวกเขาไปได้
‘ถึงแม้จะมีคนสะกดรอยตามฉันไปก็ตาม’
คาร์ลฟังสิ่งที่ราอนเอ่ยรายงานเป็นระยะๆเมื่อกำลังมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งสมาคมการค้าฟลินน์ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
.
.
.
ย่านใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิมีขนาดไม่ใหญ่นักโดยมีจัตุรัสกลางเมืองตั้งอยู่ใกล้ๆ อาคารที่กลุ่มของคาร์ลมุ่งมาเยือนเป็นสำนักงานของสมาคมการค้าฟลินน์ คาร์ลแสร้งทำเป็นดีใจเมื่อได้พบกับบิลอส
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ใช่แล้วนายน้อยคาร์ล..กระผมดีใจยิ่งนักที่ได้พบท่านที่นี่”
“อ่า..ข้าก็ดีใจที่ได้พบกับสหายเก่าเช่นกัน”
บิลอสหันไปคุยกับพนักงานร้าน
“วันนี้ข้าไม่รับแขกเพิ่มนะ”
จากนั้นเขาก็หันกลับมาคุยกับคาร์ลต่อ
“เดี๋ยวกระผมพานายน้อยไปที่ห้องทำงานแล้วกันขอรับ”
คาร์ล เชวฮันและอูฮาเบ็นเดินตามบิลอสไปยังห้องที่อยู่ตรงหัวมุมชั้นสองของอาคารแห่งนี้ คาร์ลเอ่ยติดตลกทันทีเมื่อเห็นสภาพห้อง
“นี่คงไม่ใช่ห้องของเจ้าหรอกใช่มั้ย?”
มันเป็นห้องขนาดปกติที่พบเห็นได้ทั่วๆไป บิลอสอมยิ้มและผลักชั้นหนังสือที่ติดกับผนังห้องไปด้านข้างก่อนที่จะเห็นบันไดทอดยาวลงไป
คาร์ลทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในห้องใต้ดินขนาดเล็กและเริ่มพูด
“ห้องของเจ้าดูเล็กกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
“แต่มันเป็นห้องที่ดีนะขอรับเพราะมันทั้งเงียบและสงบ”
บิลอสเอ่ยติดตลกเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุระที่มาพบกันในวันนี้ทันที
“กระผมพบแล้วขอรับ”
เขาพบนักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหอระฆังแล้ว คาร์ลยกถ้วยน้ำชาที่บิลอสส่งให้ขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยถาม
“เขาเป็นคนแบบไหน?”
“เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงในโลกมืดขอรับ”
มาเฟีย?