บทที่ 157 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 4 (2)
ราอนยืนยันว่ามันเป็นภาษาของอาณาจักรโรมันจริงๆ ท่าทางของคาร์ลเปลี่ยนไปทันที เขารีบเปิดหนังสือออกอ่านอย่างไม่ลังเล
เขาเปิดไปที่หน้าแรก
<สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ต่างเป็นสิ่งสวยงามเมื่อพวกเขาจบชีวิตลง>
เขาพลิกไปหน้าต่อไป
<เจ้าอยากตายใช่หรือไม่?>
<ตามข้ามา!>
<มาเรียนรู้วิธีที่จะทำให้ตายโดยง่ายที่สุดกันเถอะ!>
ราอนที่ชะเง้อคออ่านรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้เริ่มสับสัน มันยังคงตั้งใจอ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ต่อไปแต่มันก็ยังคงสับสนและแปลกใจเช่นเดิม จากนั้นมันก็ได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้น
“ราอน”
“ว่าอย่างไร..มนุษย์!”
“ท่านเคจ..เคยเป็นส่วนหนึ่งของวิหารพระเจ้าแห่งความตายใช่มั้ย?”
เคจ นักบวชผู้บ้าคลั่ง
ราอนหันไปมองคาร์ลด้วยความแปลกใจ
“…ใช่?”
“มันนานมากแล้วใช่มั้ย? ที่พวกเขาไม่มีหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ในคริสตจักรของพวกเขา”
“…ใช่?”
แววตาของราอนเหมือนจะถามคาร์ลว่า ทำไมจู่ๆก็ถามสิ่งเหล่านี้ออกมาแต่คาร์ลก็ยังคงเงียบเมื่อตั้งใจพลิกหนังสือกลับไปที่หน้าปกอีกครั้ง เขามองเห็นชื่อผู้เขียนที่ระบุไว้ตรงมุมหนังสือ
<ผู้แต่ง: ผู้ประทานพรแห่งความตาย>
‘อ่า…นี่มัน?’
คาร์ลรู้สึกมึนงง
‘ฉันคิดว่า…มันเป็นเครื่องมือของพระเจ้าแห่งความตาย’
มันไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่พบเครื่องมือพระเจ้าในที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเขายังคงรู้สึกสับสน
‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?’
ทำไมเครื่องมือของพระเจ้าแห่งความตายจึงมาอยู่ที่นี่ มันเป็นสิ่งที่อยู่ในคุกกับหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์คนสุดท้ายของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
คาร์ลไม่สามารถรวบรวมปริศนาต่างๆเข้าด้วยกันได้
คาร์ลเก็บหนังสือสีขาวกลับเข้าไปในหีบ จากนั้นเขาก็ดึงตัวหีบออกจากโพรงกระเบื้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นสกปรกทันที
“…แล้วนี่มันคืออะไร?”
ใต้หีบมีหนังสือที่ถูกหุ้มด้วยแผ่นโลหะไว้อีกเล่ม คาร์ลจึงเอื้อมมือไปหยิบแผ่นโลหะออกมาทันที ปั่ก!!
หนังสือเล่มนี้หล่นออกจากแผ่นโลหะที่หุ้มมันเอาไว้และตกลงบนพื้นอย่างแรง
หนังสือเล่มเก่าๆเปิดกว้างออกเมื่อมันกระแทกกับพื้น
มีเพียงไม่กี่ประโยคที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากผ่านพ้นมานานหลายปี
“มนุษย์!..นี่มันภาษาจักรวรรดินี่นา!”
ประโยคที่ปรากฏให้เห็นเป็นภาษาจักรวรรดิ
คาร์ลที่ได้เรียนรู้พื้นฐานของภาษาจักรวรรดิเพื่อใช้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้สามารถอ่านออกเพียง2-3คำ
<ไอ้ขยะ!>
มันเป็นคำสบถ
คาร์ลจำคำเหล่านี้ได้เพราะเรียนรู้มาพอสมควร
<ข้าอยากให้พวกเจ้าตายไปให้หมด!>
ประโยคต่อมาก็ยังเป็นคำด่า คำส่วนใหญ่ยังคงอ่านออกได้ง่ายเพราะเป็นคำสบถ
“มนุษย์..ดูเหมือนมันจะเขียนในสิ่งที่ไม่ดีเลยนะ”
คาร์ลเปิดหน้าแรกออกอ่านอย่างระมัดระวัง
เขาสามารถมองเห็นภาษาของจักรวรรดิในหน้าแรกของหนังสือแต่ดูแล้วมันเหมือนสมุดไดอารี่มากกว่า
“ราอน..อ่านให้ข้าฟังที”
“ตกลง!..ราอนผู้ยิ่งใหญ่สามารถอ่านได้ทุกภาษาทั่วทุกทวีป!”
ราอนเริ่มอ่านข้อความที่ปรากฏในสมุดไดอารี่อย่างรวดเร็ว
“เจ้าบ้า! เจ้างั่งสันตะปาปา! เจ้ามันสมควรตายไปจากโลกนี้ซะ! เจ้ามันสมควรตายอย่างน่าสังเวช! เจ้ากล้าขังข้าไว้ในนี้ได้อย่างไร? เจ้ามันเป็นแค่ขยะที่ไม่เคยได้รับพรจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เลยสักครั้ง”
คาร์ลมองหน้าราอนก่อนที่มันจะหันมามองคาร์ลด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่คือสิ่งที่มันเขียนบอกไว้”
“อืม”
คาร์ลตั้งใจฟังสิ่งที่ราอนแปลต่อไป
“เจ้าขังคนที่มีค่าที่สุดในคุกเล็กๆแบบนี้! ไอ้บ้า! ความทุกข์ทรมานหนึ่งแสนวันก็ไม่พียงพอสำหรับคนอย่างเจ้า! ข้าจะไม่ยกโทษให้กับเจ้า! ไอ้ชั่ว! ข้ามันเป็นเพียงคนโง่เขลาที่เชื่อใจเจ้า! ไอ้เลว!”
‘ใช่..ใครจะไม่โกรธบ้างถ้าถูกจับขังในคุก’
คาร์ลเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดี ไดอารี่เล่มนี้ต้องเป็นของหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ราอนพลิกกระดาษไปอีกหน้าและเริ่มแปลต่อ
“เจ้าขังข้าไว้และใช้เครื่องมือพระเจ้าแห่งความตายเพื่อสยบพลังของข้าไว้งั้นรึ! ดูซะ!..ข้าจะซ่อนมันไว้ในห้องนี้เพื่อให้ใครสักคนหามันเจอในอนาคต! หืม?”
“หืม?”
คาร์ลที่ฟังคำสบถด่าสารพัดของหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์โดยราอนเองก็ใส่อารมณ์ในการอ่านอย่างสมจริงสมจังหันมามองหน้ากันช้าๆ จากนั้นราอนก็ชี้ไปที่หนังสือเล่มสีขาวที่อยู่ในหีบ
“มนุษย์..นั่นมัน—”
“อืม..แค่อ่านต่อไป”
“ตกลง!”
ราอนส่งยิ้มให้กับคาร์ลและเริ่มอ่านต่อหลังจากนั้นมันก็ชะงักไปด้วยความแปลกใจ
“เจ้าโง่!..เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเครื่องมือพระเจ้าแสงตะวันอยู่ที่ใด? เจ้ากล้าทำกับเชื้อพระวงศ์ที่จะขึ้นครองบัลลังก์เช่นนี้ได้อย่างไร?…มนุษย์! นี่มันแปลกมากเลย!?”
“..อ่านต่อไปก่อน”
“ได้!”
ราอนก้มดูเนื้อหาในไดอารี่ที่เป็นภาษาจักรวรรดิอีกครั้ง
<สำหรับข้า!คนที่จะถูกคนอื่นเรียกขานว่าราชินีในอนาคตกลับต้องลงเอยเช่นนี้? ใครจะไปคิดว่าองค์ชายรองและพระสันตะปาปาจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้?>
<ทำไมข้าจึงบอกพระบิดาให้นำพระเจ้าแห่งแสงตะวันเข้าสู่อาณาจักรเราก็เพราะข้าเป็นหญิงผู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ?>
<ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก!เจ้าสันตะปาปา! เจ้าขยะน่ารังเกียจ!เจ้าไม่สมควรขึ้นเป็นพระสันตะปาปา!ทุกๆคนต่างถูกหน้ากากอันชั่วร้ายที่เจ้าสวมไว้หลอกลวง! มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!>
ราอนอ่านสิ่งนี้ให้คาร์ลฟังหลังจากนั้นก็เริ่มอ่านต่อ
“เจ้าขโมยเครื่องมือพระเจ้าแห่งความตายมาก็เพราะเกรงกลัวคริสตจักรของพระเจ้าแห่งความตายใช่หรือไม่? นั่นจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าแห่งแสงตะวันได้อย่างไร? เจ้า! เจ้ามันสมควรตายอย่างน่าสมเพชที่สุด! ”
ปริศนาต่างๆถูกรวมเข้ามาและทำให้คาร์ลเข้าใจได้อย่างช้าๆ
หญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์คือองค์หญิงรัชทายาท
‘องค์ชายรองที่เธอกล่าวถึงน่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลกับตัวเธอมากที่สุด’
องค์ชายรองและพระสันตะปาปาร่วมมือกันจับตัวหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์มาขังไว้ที่นี่ พวกเขายังวางเครื่องมือของพระเจ้าแห่งความตายที่เป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าแห่งแสงตะวันไว้ที่นี่อีกด้วย
‘นั่นเป็นสาเหตุที่พระสันตะปาปาชอบมาเดินเล่นแถวนี้บ่อยๆ’
พระสันตะปาปาไม่ได้มาเดินเล่นที่นี่เพราะตรากล่าวโทษจากแสงตะวัน มันเป็นเพราะมีระเบิดลูกใหญ่ถูกซุกซ่อนไว้ในหอคอยแห่งนี้ มันเป็นสิ่งที่เขาจะต้องปกปิดไว้เป็นความลับ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรู้เรื่องนี้ได้
‘ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะเข้าเค้าที่สุดแล้ว’
คริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันถือเป็นหนึ่งในศาสนาที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีป คริสตจักรพระเจ้าแห่งความตายยังไม่ถือว่าอิทธิพลมากนัก อย่างไรก็ตามความตายย่อมแข็งแกร่งกว่าพระอาทิตย์ มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีหากพวกเขาจะต้องระวังพระเจ้าแห่งความตาย
ในขณะนั้นการแปลของราอนก็ไหลเข้ามาในหูของคาร์ล
“เจ้าโง่!..เจ้าเผาตำหนักของข้าและจับข้ามาขังไว้! เจ้ากล่าวหาว่าข้าเป็นบ้าและเป็นคนนอกรีตเมื่อหัวเราะให้กับสิ่งที่เจ้าทำงั้นรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!!เจ้าคิดว่าข้าหัวเราะทำไมกันล่ะ?”
อึ่ก!
ราอนกลืนน้ำลายอึกใหญ่และอ่านต่อไป
“เจ้าโง่! เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรากล่าวโทษจากแสงตะวันอยู่ในนั้น! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
‘อะไรนะ?’
“เครื่องมือพระเจ้า..ที่ตัวเจ้ากำลังตามหาอยู่ในตำหนักที่ถูกเผาเป็นจุณไงล่ะ!”
คาร์ลมองไปยังราอนที่อ่านประโยคเมื่อสักครู่ให้เขาฟังก่อนพึมพำออกมาเบาๆ
“อ่า..น่าสนุกดีนี่”
‘มันฟังดูสนุกจริงๆ’
คาร์ลหันไปสบตากับราอนที่ละสายตาออกมาจากไดอารี่ คาร์ลเริ่มยิ้มช้าๆก่อนที่ราอนจะเอ่ยถาม
“มนุษย์!..เราจะปล้นวังกันด้วยหรือเปล่า?”