ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 161.1

ตอนที่ 161.1

บทที่ 161 อีกแล้วหรือนี่? 1 (1)

คาร์ลได้ยินเสียงผู้คนแว่วมาแต่ไกล เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเสียงกรีดร้องหรือเสียงตะโกนด่าทอ เสียงที่ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดดังผสมปนกันจนมั่วไปหมด

คาร์ลสบตาเข้ากับแมวและเริ่มพูด

“ฮิลส์แมน”

ร่างของแมวตรงหน้าเริ่มสั่นเทิ้ม

“ขอรับ!”

ฮิลส์แมนสาวเท้าเข้าไปใกล้แมวอีกครั้งพลางยื่นมือออกไปด้านหน้า แมวตัวน้อยพยายามเลี้ยวหลบมือของฮิลส์แมนอย่างรวดเร็วและเริ่มออกวิ่ง อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บด้านข้างลำตัวและอุ้งเท้าของมันทำให้มันวิ่งไปไม่ได้ไกล แน่นอนว่าฮิลส์แมนไม่ยอมพลาดจังหวะนี้

“จับได้แล้วขอรับ!”

ฮิลส์แมนไม่สามารถจับร่างแมวน้อยที่บาดเจ็บได้อย่างเต็มมือ เขาพยายามระวังให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบบาดแผลของมันก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปหาคาร์ลอย่างเร่งรีบ

“ฟ่อววว!!!”

แมวเริ่มแยกเขี้ยวและขู่เสียงดัง มันกางเล็บของมันออกและเตรียมพร้อมจะกรีดผ่านเกราะหนังของฮิลส์แมนได้ตลอดเวลา

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจดังเข้ามาในหูของแมวน้อยก่อนที่มันจะสัมผัสได้ถึงของเหลวเย็นๆไหลผ่านร่างกายของมันไป

มันคือยา

คาร์ลเทยาลงบนตัวแมวเพื่อทุเลาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นของมันและเริ่มเอ่ยขึ้น

“ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่ออัศวินที่ได้รับบาดเจ็บได้หรอกนะ”

ร่างของแมวสั่นขึ้นอีกครั้ง ร่างของฮิลส์แมนก็สั่นสะท้านเช่นกัน คาร์ลถอนหายใจให้กับสายตาฮิสล์แมนที่เอ่ยถามเป็นนัยๆว่าคาร์ลพูดอะไร? ทำไมเขาไม่รู้เรื่อง?

คาร์ลจ้องเขม็งไปที่ร่างของแมวน้อยที่อยู่ตรงหน้า

อัศวินผู้นี้มาจากสลัม

กลุ่มคนที่ถูกคัดเลือกให้เข้ามาเป็นอัศวินจากจำนวนประชาชนทั่วไปย่อมผ่านการคัดเลือกในอัตราส่วนที่เข้มงวดและโหดพอสมควร การได้รับเลือกถือเป็นสิ่งที่ยากอยู่แล้วและยิ่งเป็นคนที่มาจากสลัมย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นต้องมีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงรวมไปถึงโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

คาร์ลยังจำสิ่งที่ฮิลส์แมนบอกเขาได้เป็นอย่างดี

‘เมื่อ15ปีก่อนพี่น้องของเขาบางส่วนถูกส่งตัวเข้ามาในหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ..พ่อแม่ของเขาดูเหมือนจะเป็นมนุษย์นะขอรับ’

เมื่อ15ปีก่อนพี่น้องเหล่านั้นถูกส่งไปยังจุดใดของหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ?

พวกเขาถูกส่งตัวเข้ามาเพื่อเป็นหนึ่งในหนูทดลองหรือเปล่านะ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆก็นับเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่อัศวินแมวผู้นี้พยายามจะลอบสังหารหัวหน้าหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ

คาร์ลและอัศวินแมวต่างจ้องกันและกันราวกับจะรู้ให้ลึกถึงความคิดของอีกฝ่าย อัศวินแมวละสายตาไปมองขวดยาที่ว่างเปล่าและบาดแผลที่ฤทธิ์ยาเริ่มทำปฏิกิริยาต่อมันก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว

“…ท่านวางแผนจะทำอะไรกับข้า?”

“แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้าล่ะ?”

อัศวินแมวเงียบเสียงลงเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลเอ่ยตอบ

‘เจ้าคิดที่จะทำลายหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุด้วยหรือไม่?’

เขาชะงักเมื่อได้ยินคำถามนี้จากปากคาร์ลก่อนที่ความเจ็บปวดจะพุ่งทะลุร่างเขาขึ้นมาจนลืมทุกอย่างไปครู่หนึ่ง

แต่เมื่อบาดแผลของเขาได้รับการเยียวยา ความเจ็บปวดก็ค่อยๆหายไปเขาจึงกลับมาเริ่มคิดถึงมันอีกครั้ง

เขาเติบโตขึ้นในสลัมและพยายามตักตวงทักษะการเรียนรู้ต่างๆให้ได้มากที่สุดเมื่อได้เข้ามาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ปัญญาที่เขาได้รับจากการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงกำลังร้องเตือนให้เขาไปกับคนผู้นี้ เขาได้ยินเสียงเรียบเย็นของ‘คาร์ล เฮนิตัส’ขุนนางจากอาณาจักรโรมันพูดขึ้น

“อาณาจักรโรมันเดินทางมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุเมื่อ 15 ปีก่อน”

15 ปีก่อน

ประโยคนี้ทำให้อัศวินแมวรู้สึกผ่อนคลายลง เขาพยายามซึมซับอากัปกิริยาอันสงบของคาร์ลอย่างตั้งใจ

“เราต้องการเปิดเผยความชั่วร้ายของพวกเขาต่อโลกใบนี้..เราต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าจักรวรรดิและหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุทำสิ่งใดต่อคนในสลัมไปบ้างเมื่อ 15 ปีก่อน”

“…ข้าได้ยินว่าท่านเดินทางมาที่นี่..เพื่อสืบหาเบาะแสเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดในอาณาจักรโรมัน”

“แล้วทำไมข้าจึงช่วยรักษาเจ้า?..และทำไมข้าจึงพยายามช่วยชีวิตเจ้าด้วยล่ะ?”

ร่างของอัศวินสะท้านไปครู่หนึ่ง

“…ช่วยงั้นหรือ?”

“ใช่”

คาร์ลค่อยๆเดินออกจากมุมมืดในสวนไปยังจุดที่มีแสงสว่างเพียงพอ จากนั้นจึงหันไปสั่งฮิลส์แมน

“ฮิลส์แมน..ข้าจะจัดการทุกอย่างที่นี่เอง..เจ้าจงมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักของเราให้เร็วที่สุดและอย่าให้ใครจับได้เป็นอันขาด”

นักสู้ระดับสูงสุด แน่นอนว่าฝีมือของฮิลส์แมนมาถึงระดับนี้แล้ว

“ขอรับนายน้อย..กระผมเข้าใจแล้ว”

ฮิลส์แมนรับคำอย่างขึงขังและดูน่าเชื่อถือ ทำให้คาร์ลหันหลังกลับไปมองทางเข้าตำหนักแสงตะวันที่ยังคงมีผู้คนวิ่งออกมากันอย่างจ้าละหวั่น

อย่างไรก็ตามเขาได้ยินเสียงของอัศวินแมวพูดขึ้นก่อนที่จะได้ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างที่ใจคิด

“ข้าไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป”

‘อะไรนะ?’

คาร์ลพยายามจะหันหลังกลับแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นร่างผู้หญิงคนหนึ่งถูกลากออกมาจากประตูทางเข้าในตอนนั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆ”

ผู้หญิงสวมชุดนางกำนัลส่งเสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อถูกอัศวินกลุ่มหนึ่งลากตัวออกมาจากตำหนักแสงตะวัน หนึ่งในอัศวินที่ลากผู้หญิงคนนี้ออกมารีบวิ่งไปยังจุดที่องค์ชายเอดินประทับอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด

คาร์ลคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก

‘ทำไมจึงมีนางกำนัลที่นี่?’

ข้ารับใช้คนหนึ่งก็ถูกลากตัวออกมาเช่นกัน

นางกำนัลและข้ารับใช้?

งานเลี้ยงเฉลิมฉลองในครั้งนี้ทั้งนางกำนัลและข้ารับใช้ต่างต้องทำหน้าที่อย่างหนักเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับเหล่าขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์ ซึ่งพวกเขาจะต้องจัดเตรียมสำรับและสิ่งต่างๆอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ทำให้เหล่านางกำนัลและข้ารับใช้ไปขลุกตัวอยู่ที่ห้องครัวและด้านหลังของตำหนักกันส่วนใหญ่ มีเพียงห้องจัดเลี้ยงเท่านั้นที่จะไม่มีเหล่านางกำนัลและข้ารับใช้อยู่เลยเพราะเป็นสถานที่ที่ใช้รับรองขุนนางและเหล่าเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

‘แล้วทำไมพวกเขามาอยู่ที่นี่?’

คาร์ลหันกลับไปมองอัศวินแมวทันที

เขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ ดูเหมือนเรื่องทั้งหมดจะไมได้จบลงเพียงเท่านี้

“นายน้อยขอรับ?”

ฮิลส์แมนร้องเรียกคาร์ลด้วยความสับสนเมื่อหันไปมองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าตำหนักแสงตะวันแต่คาร์ลกลับไม่ตอบรับใดๆแก่ฮิลส์แมน คาร์ลเอื้อมมือไปเชยคางแมวน้อยในอ้อมแขนของฮิลส์แมนที่กำลังมุดหน้าลงและไม่คิดจะเงยหน้ามาสบตากับคาร์ลขึ้น

“เจ้าพยายามจะทำอะไร?”

อัศวินแมวไม่สามารถสู้สายตาของคาร์ลได้เมื่อเริ่มเอ่ยขึ้น

“ข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรโรมันเดินทางมายังจักรวรรดิด้วยเหตุผลเช่นนั้น”

“….แล้วพวกเจ้าทำสำเร็จหรือไม่?”

อัศวินแมวจึงหันไปสบตากับคาร์ลเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆของเขาดังขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

อัศวินแมวได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนตนดังแว่วมาจากระยะไกลๆ

มันสายไปแล้ว

อัศวินแมวเริ่มเอ่ยอีกครั้ง

“ข้าเป็นแมวที่ถูกทอดทิ้งตั้งแต่อายุยังน้อย…ข้าถูกพ่อแม่มนุษย์รับเข้ามาเลี้ยงดูพร้อมกับพี่น้องมนุษย์ของข้า…เมื่อ15ปีที่แล้วในบรรดาพี่น้องของเราทั้งหมดมีข้าและพี่ๆอีก2คนที่ถูกรับเลือกจากหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ”

อัศวินแมวยังจำได้ดีถึงสิ่งที่แม่ของตนบอกเอาไว้

‘หากเจ้าไปอยู่ที่นั่นเจ้าจะได้กินแต่อาหารร่อยๆ..ความเป็นอยู่ของเจ้าก็จะดีขึ้นแต่เจ้าต้องระวังตัวให้ดีเพื่อไม่ให้ร่างแมวของเจ้าปรากฏออกมา..ถ้ามันยากสำหรับเจ้านัก..เจ้าก็ต้องพึ่งพาพี่สาวและพี่ชายของเจ้าเข้าไว้’

อัศวินแมวเป็นน้องเล็กสุดในบรรดาสามคนที่ถูกคัดเลือกให้ไปยังหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ ในตอนนั้นเขาสามารถหลบหนีออกจากที่นั่นได้เพราะเขาเป็นแมว ไม่ใช่แค่นั่นสิ?!เขาเป็นแมวที่ตัวเล็กมากๆต่างหาก เขาต้องวิ่งผ่านท่อระบายน้ำเสียออกมาเพื่อที่จะหนีออกจากหอระฆังนั้นให้ได้

พี่ๆของเขาก็ช่วยเหลืออีกแรง

‘น้องน้อย..เจ้าต้องกลายร่างเป็นแมวและต้องหลบหนีออกไปให้ได้’

‘ใช่แล้ว..ทำตามที่พี่สาวเจ้าบอก..อย่างน้อยหนึ่งในพวกเราก็ต้องหนีไปให้ได้..เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป’

เขาไม่เคยลืมในสิ่งที่พี่ๆของเขาเสียสละให้แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีอายุมากกว่าเขาเพียงหนึ่งและสองปีเท่านั้น

เขารีบหนีออกไปจากหอระฆังและกลับไปหาพ่อแม่ของตนทันที พวกเขาจึงซ่อนตัวเขาไว้ในห้องใต้ดินอยู่ระยะหนึ่ง ลูกแมวน้อยที่เป็นน้องเล็กสุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมดต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี จากนั้นเขาก็เริ่มมีชีวิตในฐานะลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องหกคน พวกเขาต่างบอกคนอื่นๆว่าเขามีอายุเพียง5ขวบเท่านั้นทั้งๆที่อายุจริงๆของเขาคือ7ขวบ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะเขาโชคดีและอาศัยอยู่ในสลัมที่มีการบริหารจัดการไม่ดีนัก

“ข้า..ไม่สิ!..พวกเราทั้งหมดต่างหากล่ะ!..พวกเราไม่มีทางลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องและเพื่อนๆของเราได้”

แม้ว่าเด็กๆจากหอระฆังบางส่วนจะบอกว่าเด็กๆจากสลัมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่บรรดาพี่น้องและเพื่อนของเด็กๆจากสลัมที่ถูกรับเลือกเข้าไปก็ยังคงเอ่ยถามอยู่บ่อยครั้งว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง? หลังจากที่ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆจากพี่น้องและเพื่อนๆเลยสักครั้งพวกเขายังคงเอ่ยถามอยู่บ่อยครั้งแม้ว่าจะกลายเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วก็ตาม

อัศวินแมวคือผู้ที่เปิดเผยความจริงทั้งหมดให้พวกเขาทราบและรวบรวมพวกเขาทั้งหมดเข้าด้วยกัน

“ข้าเริ่มย้ายจากสถานที่ที่สกปรกที่สุดในจักรวรรดิ..เพื่อทำการแก้แค้น”

อัศวินแมวเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เมื่อ5ปีก่อนเราได้สร้างองค์กรลับของเราขึ้นมา…จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปตามเมืองต่างๆของจักรวรรดิเพื่อซื้อระเบิดพลังเวทย์จากทั้งนักเล่นแร่แปรธาตุตัวจริงและนักเล่นแร่แปรธาตุตัวปลอมในโลกมืด”

คาร์ลนึกถึง‘เรย์ สเตกเกอร์’ขึ้นมาทันที

‘นักเล่นแร่แปรธาตุตัวปลอมแถมยังขี้เหล้าผู้นี้..ได้สร้างพิษและระเบิดลูกเล็กขึ้นมาเพื่อให้องค์กรในโลกมืดใช้ต่อสู้กันเอง’

คาร์ลสามารถบอกได้ทันทีว่าพิษและระเบิดของ‘เรย์ สเตกเกอร์’นั้นจะเกิดขึ้นที่ใดบ้าง

แน่นอนว่าพวกมันจะเกิดขึ้นทั่วทุกที่ในจักรวรรดิ

‘อ่า…มันทำให้ฉันรู้สึกแย่’

ในที่สุดคาร์ลก็สามารถรวบรวมจิ๊กซอว์ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันได้ ใช่! มันคงเป็นเรื่องยากที่อัศวินแมวผู้นี้จะสามารถลอบสังหารหัวหน้าหอระฆังด้วยตัวคนเดียวได้

อัศวินแมวยังคงพูดต่อไป

“ข้าได้เข้ามาเป็นอัศวินเมื่อ3ปีก่อน..ข้ามีความสามารถและแข็งแกร่งที่สุด”

อัศวินแมวผู้เป็นหัวหน้าองค์กรและกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดรับหน้าที่ในการลงมือสังหาร

“คนอื่นๆแฝงกายเข้ามาในฐานะข้ารับใช้และนางกำนัลในพระราชวังแห่งนี้”

ตำแหน่งสูงสุดที่กลุ่มคนจากสลัมจะสามารถทำงานได้คือข้ารับใช้และนางกำนัลเท่านั้น อัศวินแมวนึกถึงสมาชิกในองค์กรของตนที่ใช้ชีวิตอย่างแสนลำบากเมื่อต้องแฝงกายเข้ามาในพระราชวังเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

คาร์ลละมือออกจากร่างของอัศวินแมวและกวาดสายตาไปมองรอบๆ

เขาเอ่ยถามอัศวินแมวอย่างนึกสงสัย

“ระเบิดพวกนั้นถูกพวกเจ้ารวบรวมมาจากทุกมุมเมืองของจักรวรรดิเพื่อมาใช้วางระเบิดในวันนี้…และยังมีคนอื่นๆในองค์กรของเจ้าที่ยังไม่ถูกจับอีกสินะ?”

มีความเป็นไปได้สูงที่นางกำนัลผู้นั้นจะหัวเราะขึ้นมาในตอนนี้ มันคือการดึงความสนใจเพื่อทำให้เหล่าอัศวินไขว้เขวและให้สมาชิกคนอื่นๆที่เหลือเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น

คาร์ลตั้งคำถามกับอัศวินแมวอีกครั้ง

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท