บทที่ 163 อีกแล้วหรือนี่ 3 (1)
คาร์ลสบตาเข้ากับองค์ชายเอดินและเริ่มพูด
“หม่อมฉันไม่เป็นไรพะย่ะค่ะองค์ชาย”
คาร์ลดูเป็นปกติดีเมื่อเขาหยัดกายขึ้นเต็มความสูงแต่ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นสามารถมองเห็นมือที่สั่นเทาซึ่งถือผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดอยู่
นอกจากนี้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของคาร์ลก็ดูอ่อนแรง
นี่เขาไม่เป็นอะไรจริงๆอย่างนั้นหรือ?
คาร์ลเริ่มพูดอีกครั้ง
“แล้วคนอื่นๆเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ?”
“อ่า….”
หนึ่งในขุนนางระดับสูงที่ติดตามองค์ชายเอดินมาด้วยถึงกับอ้าปากค้าง
เอดินสังเกตคาร์ลอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่ยินดียินร้ายใดๆแต่ทันใดนั้นสีหน้าของเอดินก็พลันเปลี่ยนเป็นความขอบคุณและห่วงใยเมื่อเขาสบตาเข้ากับคาร์ลอีกครั้ง
“อืม..ทุกคนปลอดภัยแล้วล่ะ..ขอบคุณเจ้ายิ่งนัก..มีคนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยซึ่งดูจากอาการแล้วก็ไม่ได้สาหัสอะไร”
“อ่า..พะย่ะค่ะ”
คาร์ลขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำว่า ‘บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย’ สายตาของเขามองไปที่องค์ชายเอดินก่อนจะหันไปทางเหล่านักเวทย์และนักเล่นแร่แปรธาตุ เขาเริ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากเฝ้ามองพวกเขาช่วยกันต้านไม่ให้ปีกของตำหนักถล่มลงมา
“มันจะไม่เป็นไรใช่มั้ยพะย่ะค่ะ?”
‘ตำหนักฝั่งนี้จะไม่พังไปกว่านี้ใช่มั้ย?’
เอดินตอบสนองคาร์ลอย่างกระตือรือร้นที่ยังคงแสดงความกังวลออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
“แน่นอน..ว่ามันจะไม่เป็นอะไร!”
นั่นทำให้คาร์ลก้มศีรษะของตนลงอย่างสุภาพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เขาปัดผมที่ดุยุ่งไปทางด้านหลังและนิ้วมือของเขาก็เริ่มสั่นระริก
องค์ชายเอดินรีบคว้ามือของคาร์ลไปกุมไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะสำรวจมันอย่างละเอียด องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กจึงพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับดึงมือคาร์ลไปจับดูแทน
“มือของเจ้าสั่นยิ่งนัก..มันดูแย่กว่าครั้งที่แล้วเสียอีก”
“หม่อมฉันไม่เป็นอะไรจริงๆพะย่ะค่ะ”
คาร์ลส่ายศีรษะน้อยๆพร้อมกับส่งยิ้มจางๆให้กับอัลเบิร์ก นั่นทำให้อัลเบิร์กรีบขมวดคิ้วมุ่นทันที
“อย่างนั้นรึ?!..แต่ครั้งล่าสุดที่เจ้าทำสิ่งนี้..เจ้าใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลากว่า 2 เดือน! และเหตุที่เจ้าต้องกระอักออกมาเป็นเลือดก็เพราะอวัยวะภายในของเจ้าบอบช้ำอย่างรุนแรง!”
‘..เอ่อ..อวัยวะภายในบอบช้ำอย่างรุนแรง?..มันจะไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ?’
คาร์ลกำลังเถียงกับตนเองว่าเขาควรจะทำอย่างไรดีกับการเลือกใช้ศัพท์ของอัลเบิร์ก? แต่ทันใดนั้นดัลตาโร่ก็ยื่นมือมาจับแขนของคาร์ลไว้ เขาเอ่ยกระซิบเบาๆต่อหน้าองค์ชายเอดิน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการกระซิบแต่มันก็ดังพอให้คนอื่นๆได้ยิน
“นายน้อยคาร์ล..ท่านไม่จำเป็นต้องฝืนตนเองหรอกนะขอรับ..ข้าน้อยคิดว่าท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
แววตาของดัลตาโร่ฉายแววกังวลระคนความภาคภูมิใจเมื่อจ้องมาที่คาร์ล แน่นอนว่าคาร์ลรู้สึกอึดอัดหลังจากได้เห็นสายตาเช่นนี้แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะเล่นตามน้ำไปเช่นกัน
“..แต่…”
องค์ชายเอดินที่ลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆมาครู่หนึ่งเอ่ยตัดบทขึ้นเมื่อเห็นว่าคาร์ลพยายามจะพูดบางอย่างออกมา
“มันจะไม่เป็นอะไร..เราจะจัดการทุกอย่างที่นี่อย่างดีที่สุดเพื่อให้เจ้าสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่”
น้ำเสียงที่ใช้ราวกับคำประกาศิตอันเด็ดขาด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิและเกิดขึ้นในพระราชวัง ของเขา เอดินเอ่ยย้ำกับคาร์ลว่าจักรวรรดิจะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เองและคาร์ลก็ควรหยุดคิดเรื่องอื่นและให้คิดถึงแต่ตัวเองก็พอ
คาร์ลอ้าและหุบปากของตนสลับไปมาแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร อัลเบิร์กก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ข้าเองก็รวมอยู่ในกลุ่มที่ท่านพูดถึงใช่หรือไม่?”
อัลเบิร์กกำลังจะสื่อกับเอดินว่านักการทูตของอาณาจักรโรมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการสิ่งต่างๆเช่นกัน เอดินหันไปมองอัลเบิร์กอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแต้มยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“แน่นอน”
อัลเบิร์กพยายามรั้งตัวเองไม่ให้แสดงกิริยาไม่ดีออกมาแต่ในใจเขานั้นเย้ยหยันเอดินเต็มที่
เอดินยังคงมองมาที่คาร์ลและอัลเบิร์กด้วยสายตาแห่งความกังวลแต่ก็ไม่คิดที่จะเอ่ยขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเช่นกัน
‘เขาอาจจะพูดแค่ว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์นี้ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง’
องค์ชายเอดินผู้เป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิไม่มีทางที่จะก้มศีรษะและเอ่ยขอโทษต่ออาณาจักรโรมัน
นั่นคือสิ่งที่อาณาจักรโมโครุซึ่งถือเป็นอาณาจักรเดียวในทวีปตะวันตกที่ถูกยกย่องให้เป็นจักรวรรดิผู้เป็นมหาอำนาจของทวีปจะเลือกปฏิบัติต่ออาณาจักรโรมันที่รู้จักกันทั่วไปว่ามีฐานอำนาจที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวม
องค์ชายอัลเบิร์กยอมรับความจริงในข้อนี้ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของวีรบุรุษในวันนี้
“เจ้ากลับไปพักเถอะ..ข้าจะเรียกหมอหลวงของเราไปดูอาการเจ้าเอง”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”
คาร์ลรู้สึกขอบคุณอัลเบิร์กที่เป็นคนออกหน้าไม่ให้หมอหลวงของจักรวรรดิมายุ่งเกี่ยวกับเขา ก่อนจะปล่อยให้อัศวินของอัลเบิร์กประคองร่างของเขาออกจากตำหนักแสงตะวันไป
หลายๆคนต่างหันไปมองคาร์ลที่ค่อยๆเดินออกไปอย่างช้าๆในขณะที่ร่างของเขาถูกประคองโดยอัศวินผู้หนึ่งก่อนที่จะหันกลับไปทำงานที่ตนได้รับมอบหมายต่อทันที
มันเป็นค่ำคืนที่แสนวุ่นวาย
และมันยังเป็นสิ่งเดียวกับที่คาร์ลประสบในตอนนี้เช่นกัน
มีกลุ่มคนเข้ามาล้อมรอบคาร์ลทันทีที่ดาร์กเอลฟ์ผู้เป็นหมอประจำตัวของอัลเบิร์กเดินออกจากห้องไป
“..มีอะไรรึ?”
คาร์ลมองไปที่อูฮาเบ็นซึ่งกำลังจ้องเขาด้วยท่าทางแปลกๆ อูฮาเบ็นสำรวจร่างกายของคาร์ลอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเดาะลิ้นของตนช้าๆ
“โธ่..โธ่..โธ่..ช่างเป็นมนุษย์ที่โชคร้ายเสียจริง”
คาร์ลถึงกลับพูดไม่ออกก่อนจะเบือนหน้าหนี เขาเจอเข้ากับร่างของราอนที่นั่งอยู่ปลายเตียง มันจ้องเขม็งมาที่เขาราวกับเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ในห้อง
‘ทำไมหมอนี่ถึงแสดงท่าทางแบบนั้นล่ะ?’
ในขณะที่เชวฮันก็กระชับดาบประจำกายของตนแน่นขึ้นราวกับคิดจะทำอะไรบางอย่าง
ครึก!ครึก!ครึก!
เสียงชักดาบออกจากฝักก่อนจะยัดมันกลับเข้าที่เดิมดังซ้ำไปซ้ำมาจนคาร์ลอดขนหัวลุกไม่ได้
เขารีบปัดความรู้สึกนั้นออกและถามขึ้น
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
ฮิลส์แมนและอัศวินจากเผ่าแมว
คาร์ลกำลังถามถึงที่อยู่ของพวกเขา
เชวฮันเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของคาร์ล จากนั้นก็เปิดประตูออก
เอี๊ยดดดดด!!
คาร์ลมองเห็นร่างของฮิลส์แมนที่ซ่อนอยู่ด้านในเมื่อประตูถูกเปิดออก
“เจ้าไปทำอะไรมาบ้างเนี่ย?..ทำไมสภาพจึงเป็นเช่นนั้น”
คาร์ลเลิกคิ้วสูงเมื่อมองไปที่ร่างของฮิลส์แมนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้และเศษดินจนเปื้อนไปทั่วร่าง แมวและขวดยาเปล่าสองขวดอยู่ในอ้อมแขนของฮิลส์แมนเช่นกัน
“พาเขาออกมาที่นี่ที”
คาร์ลสะบัดนิ้วส่งสัญญาณให้ฮิลส์แมนและอัศวินแมวให้ออกมาหา สายตาของอัศวินแมวจ้องไปที่คาร์ลตาไม่กระพริบ
คาร์ลเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อร่างของอัศวินแมวปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เร็กซ์”
ร่างของเร็กซ์สะท้านขึ้นก่อนที่ฮิลส์แมนจะวางร่างของเขาบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียงนอนของคาร์ล เสียงของคาร์ลแว่วเข้ามาในหูของมันทันที
“ตำหนักไม่ได้ถล่มลงมา”
เร็กซ์เผลอแยกเขี้ยวของตนออกเล็กน้อยก่อนจะรีบเก็บมันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เพื่อนของเจ้าถูกไฟเผาทั่วร่างแต่ก็ยังรอดชีวิตมาได้..และตอนนี้เขาถูกคุมตัวเอาไว้”
เร็กซ์เริ่มขมวดคิ้วมุ่น คาร์ลไม่สนใจท่าทางของเขาเมื่อพิงศีรษะเข้ากับพนักเตียงและเริ่มพูดต่อ
เขามีเวลาไม่มากนัก
“เจ้ารู้จักนักเล่นแร่แปรธาตุขี้เหล้าหรือไม่?”
ร่างของอัศวินแมวชะงักทันที แน่นอนว่าเร็กซ์รู้จักนักเล่นแร่แปรธาตุผู้นั้น เขาเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นคนดีและระเบิดพวกนั้นเร็กซ์ก็ซื้อมาจากเขาเช่นกัน
‘เขาทำงานให้กับขุนนางผู้นี้งั้นรึ?’
คาร์ลจ้องไปยังเร็กซ์ซึ่งกำลังมองมาที่เขาคล้ายกับมีคำถามในใจ
“เร็กซ์..นักเล่นแร่แปรธาตุผู้นั้นคือคนที่แจกอาหารให้กับเด็กๆในละแวกบ้านของเจ้าที่อยู่ในสลัมใช่หรือไม่?…เชวฮันจะเป็นคนพาเจ้าไปหาเขา..อ้อ!ครอบครัวและคนอื่นๆที่อยู่ในองค์กรของเจ้ากำลังซ่อนตัวอยู่สินะ?”
คาร์ลค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องหาทางซ่อนตัวก่อนจะเริ่มลงมือวางระเบิด
“ถึงพวกเจ้าจะมั่นใจว่าซ่อนตัวกันดีแล้วก็ตามแต่ด้วยอำนาจขององค์ชายเอดิน..เขาจะสามารถหาตัวพวกเขาพบภายในหนึ่งวัน..ดังนั้นรีบพาพวกเขาหลบซ่อนอย่างเหมาะสมด้วยความช่วยเหลือของเชวฮันซะ”
เร็กซ์เริ่มลังเล เขาไม่สามารถตอบสนองต่อคาร์ลได้ทันที เขาได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“เป็นอะไร?..หรือเจ้าคิดว่าตัวเองไม่ควรหนีรอดไปคนเดียวในขณะที่เพื่อนๆของเจ้าส่วนหนึ่งกำลังจะถูกทรมานและถูกฆ่าตายงั้นรึ?”
“..นั่นมัน—-”