ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 167.2

ตอนที่ 167.2

บทที่ 167 อาจเป็นได้ 2 (2)

คาร์ลอ้าปากค้างด้วยความตกใจอีกครั้งก่อนที่ราอนจะตะโกนออกมา

“ท่านปู่มังกรทอง! ท่านไม่เห็นหรือว่ามนุษย์ของเราตกใจเพียงใด? ท่านอาจฆ่ามนุษย์ผู้อ่อนแอของเราได้หากจู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาแบบนี้!”

‘..ฆ่าเลยเหรอ?’

คาร์ลจึงหยุดราอนไม่ให้พ่นสิ่งที่น่ากลัวออกมาอีกและส่งยิ้มน้อยๆให้กับอูฮาเบ็นแทน

อูฮาเบ็นเดินทางกลับไปยังถ้ำของตนเองทันทีที่กลับมาจากจักรวรรดิและเพิ่งมาถึงคฤหาสน์ใต้ดินเมื่อครู่ใหญ่นี้เอง จากนั้นเขาก็ตรงดิ่งมาหาคาร์ลที่ห้องพักชั้นห้าทันที

“ให้ตายเถอะ!..ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆว่าเจ้าหนูนี่เป็นมังกร”

อูฮาเบ็นส่ายศีรษะและมองราอนด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะหันกลับมามองคาร์ลอีกครั้ง

“อ๊ะ..นี่ที่เจ้าต้องการ”

อูฮาเบ็นยื่นขวดที่บรรจุของเหลวสีม่วงไปให้คาร์ล ดวงตาของราอนเริ่มเปล่งประกายเมื่อมองไปที่ขวดใบนี้

“นี่คือมังกรคลั่งงั้นรึ?”

การ์ชานสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อ‘มังกรคลั่ง’แต่คาร์ลไม่สนใจท่าทีของเขาเมื่อเริ่มตอบคำถามของราอน

“ไม่ใช่..นี่คือสิ่งที่เราได้จากจักรวรรดิต่างหากล่ะ..มังกรคลั่งกับสิ่งนี้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”

ของเหลวสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาในตอนนี้คือสิ่งที่ขโมยมาจากปราสาทเมเปิ้ล

“แล้วทำไมเจ้าถึงอยากได้มันล่ะ?”

คาร์ลเก็บขวดไว้ในกระเป๋าเวทย์ของตนเมื่อเอ่ยตอบคำถามของราอนอีกครั้ง

“เพื่อสร้างปัญหาให้กับจักรวรรดิและพันธมิตรทางตอนเหนือ”

การ์ชานสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียบๆของคาร์ล เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังฟังแผนการอันยิ่งใหญ่อยู่ จากนั้นเสียงของราอนก็ลอดเข้ามาในหูของเขา

“อ๋อ!..ข้าเข้าใจแล้ว!”

มันเป็นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์และสดใสเป็นอย่างมาก

ความกังวลเริ่มจู่โจมเข้าสู่ร่างของการ์ชาน

‘…เรามาอยู่ภายใต้กลุ่มคนที่แข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่า?’

แต่ถึงอย่างไรมันก็สายเกินไปเสียแล้ว

คาร์ลหันไปถามการ์ชานที่อยู่ๆก็เงียบเสียงไปเฉยๆ

“เสือปีนหน้าผาเก่งหรือไม่?”

“..อะไรนะ?.หน้าผา?”

“ใช่..มันเป็นหน้าผาที่อันตรายยิ่งนัก”

การ์ชานตอบกลับไปด้วยความซื่อสัตย์แม้ว่าจะยังงงๆอยู่ก็ตาม

“เหล่านักรบของเราสามารถทำได้”

คาร์ลเริ่มยิ้มหยัน

“อย่างนั้นรึ?”

การ์ชานรวบรวมสมาธิของตนไปยังไม้เท้าในมือ เขากำลังรอให้ธรรมชาติบอกแก่เขาว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีอย่างไร? แต่สุดท้ายธรรมชาติก็ไม่แสดงอะไรออกมานั่นคือเหตุผลที่เขามุ่งความสนใจไปที่คาร์ลอีกครั้ง

“หากอากาศดีขึ้นแล้ว..ข้าจะให้พวกเขามุ่งหน้าไปที่หุบเขาแห่งความตาย”

“ได้–..อะไรนะ?! เมื่อสักครู่ท่านพูดว่าหุบเขาแห่งความตายงั้นหรือ?”

‘หุบเขาแห่งความตาย’เป็นหนึ่งในห้าของพื้นที่ต้องห้าม หุบเขาแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพื้นที่ที่มีภูมิประทศที่เลวร้ายที่สุด มันเป็นที่ที่สัตว์ประหลาด มนุษย์และสัตว์ต่างๆยากจะดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ได้แม้แต่พืชก็ไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน นอกจากนี้สภาพอากาศของมันกลับเลวร้ายเพราะมันอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล

การ์ชานยังคงตกใจเมื่อได้ยินว่าคาร์ลจะให้พวกเขามุ่งหน้าไปยังหุบเขาแห่งความตาย ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยเสียงเหี้ยมขึ้น

“มังกรคลั่งจะร่วงลงสู่หุบเขาแห่งความตาย”

“ฮึ!”

การ์ชานได้ยินเสียงเย้ยหยันของมังกรวัยชราดังขึ้น

“เจ้าหนูผู้โชคร้ายช่างบ้าดีเดือดโดยแท้”

อูฮาเบ็นดูเหมือนจะภูมิใจในตัวคาร์ลไม่น้อยเมื่อเริ่มพูดต่อ

“ดี!..เจ้าต้องกล้าหาญและมั่นใจเข้าไว้! เจ้ามนุษย์ผู้โชคร้าย”

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

คาร์ลตอบรับคำชมด้วยความอายเล็กน้อยในขณะที่การ์ชานก็ฟังพวกเขาคุยกันเงียบๆ

“อ้อ!..ท่านการ์ชานเดี๋ยวข้าขอตัวก่อนแล้วกัน.พอดีข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านอูฮาเบ็นนะ”

“อ่า..ได้ขอรับ”

การ์ชานพยักหน้ารับด้วยสีหน้าว่างเปล่าราวกับสติยังไม่กลับคืน เขามองตามหลังของคาร์ลและอูฮาเบ็นที่มุ่งหน้าไปยังห้องทดลองของโรสลิน จังหวะนั้นเองที่ราอนเข้าหาเขา

การ์ชานรู้สึกว่ามันแปลกเพราะมังกรดำไม่เคยเข้าหาเขามาก่อน ทันใดนั้นราอนก็พูดกับเขาขึ้นมา

“สู้สู้นะ!”

“..อะไร?”

การ์ชานถามกลับแต่ได้รับเพียงรอยยิ้มของราอนเท่านั้น มันรีบผละออกจากเขาและรีบตามหลังคาร์ลไปอย่างรวดเร็ว

การ์ชานเฝ้าดูพวกเขาทั้งสามเดินออกไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปสมทบกับนักบวชทั้งสองและพากันอออกจากห้องของคาร์ลไปในที่สุด

.

.

.

“ท่านอยากให้ข้าขี่หลังท่านไปอย่างนั้นหรือ?”

ที่นี่คือชายฝั่งทะเลอาณาเขตอัลบาและตอนนี้เป็นเวลาดึกสงัด คาร์ลกำลังยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาพอมองเห็นแสงสว่างลางๆ

“ใช่แล้ว..เราจะพาท่านไปยังหมู่บ้านของเรา”

วาฬหลังค่อมขนาดใหญ่ที่มีรอยแผลเป็นรูปตัว ‘X’ เอ่ยขึ้นกับคาร์ล วิเทียร์ยังคงพูดกับคาร์ลต่อไปเมื่อเห็นว่าเขายังคงลังเล

“ทั้งนายน้อยคาร์ล..ท่านราอนหรือแม้แต่สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มของท่านได้รับสิทธิ์ที่จะขึ้นขี่หลังของข้าได้”

“ถูกต้อง!..พวกท่านสามารถขี่หลังของข้าได้เช่นกัน!”

พาสตันสนับสนุนคำพูดของพี่สาวของตนว่ากลุ่มของคาร์ลสามารถขี่หลังของพวกเขาได้

“อืม”

คาร์ลลังเลก่อนจะเริ่มพูดออกไป

“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย”

“ท่านว่าอย่างไรนะ?”

คาร์ลกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นเมื่อพาสตันถามออกมาด้วยความสงสัย

“ลมในมหาสมุทรช่างหนาวเหน็บยิ่งนัก”

คาร์ลคิดว่ามันหนาวเกินไปหากจะขี่บนหลังของวิเทียร์ พาสตันจึงอุทานออกมาเบาๆว่าตนเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลต้องการจะสื่อ คาร์ลชี้ไปยังโรสลินและราอนเมื่อพูดขึ้นกับวิเทียร์

“โปรดบอกพิกัดของหมู่บ้านท่านให้เราทราบที..ท่านโรสลินและราอนจะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารพาเราไปที่นั่น”

วิเทียร์เริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“..เอ่อ..นายน้อยคาร์ล”

“หืม?..มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

คาร์ลเริ่มกังวลเล็กน้อย ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมกราคม คาร์ลได้นัดพบสองพี่น้องจากเผ่าวาฬในเกาะเล็กๆที่ทางอาณาเขตอัลบายกให้อาณาเขตเฮนิตัสเป็นเจ้าของ แน่นอนว่าสภาพอากาศในตอนนี้เย็นจัดจนแทบไม่อยากโผล่ตัวออกมาจากผ้าห่มแต่มันก็ถึงเวลาแล้วเช่นกันที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านวาฬเพื่อพูดคุยเรื่องเส้นทางเดินทะเล

วิเทียร์ส่งยิ้มให้คาร์ลอย่างเชื่องช้า

“มันเป็นธารน้ำแข็ง”

‘หืม?’

“หมู่บ้านของเราตั้งอยู่บนธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และมันมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา..ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุพิกัดที่แน่ชัดของหมู่บ้านเราให้กับท่านได้”

‘เฮ้อ..ถ้าเป็นเช่นนี้—’

คาร์ลหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูด

“ราอน..ถ้าใช้เวทย์ลอยตัวมันก็จะหนาวเหมือนกันใช่มั้ย?”

“มันหนาวมากเลยมนุษย์!..เจ้าอาจเป็นหวัดได้นะ!”

“…ถ้าเช่นนั้นก็ใช้เวทย์ทำความร้อนแล้วกัน”

เขาไม่ได้คาดหวังว่าหมู่บ้านวาฬจะตั้งอยู่บนธารน้ำแข็งที่กำลังเคลื่อนที่ตลอดเวลาเช่นนี้ เขาคิดเพียงแค่หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใดสักแห่งบนพื้นดินของทวีปตะวันตกเมื่อพวกเขาสามารถจับตาดูการเคลื่อนไหวของพันธมิตรทางตอนเหนือได้อย่างใกล้ชิด

คาร์ลมองดูเชวฮันผูกเชือกอาคมกับวาฬทั้งสองตัวอย่างเงียบๆในขณะที่โรสลินก็อุ้มออนและฮงไว้ในอ้อมแขน

ในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นไปบนเรือ

เขาคิดว่ามันจะหนาวเกินไปหากเขาเลือกที่จะขี่หลังของวิเทียร์

“มนุษย์!..ข้าจะไปขี่หลังของเจ้าวาฬตัวเล็กนั่น!..มันคงเป็นความรู้สึกที่ดียิ่งนัก!”

คาร์ลปล่อยให้ราอนทำตามที่ตัวเองต้องการก่อนจะมุดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มหนา

ไม่กี่วันต่อมา

“..ว้าวววว”

คาร์ลอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อก้าวลงจากเรือ ราอนเองก็อยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาที่ห่อร่างของมันเอาไว้

“ฮัดเช้ย!..ฟืดดดดด!!”

ราอนจามออกมาพร้อมกับสูดน้ำมูกเข้าไป

คาร์ลอ้าปากค้างอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ

“โอ้โห!..แม้แต่มังกรก็เป็นหวัดได้สินะ?”

“….ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอะไรแต่ก็อย่าชะล่าใจไปล่ะเพราะเจ้าอาจเป็นหวัดได้ทุกเมื่อ”

คาร์ลมองใบหน้าแหยๆของราอนและเริ่มเดินลงจากเรือโดยที่ราอนยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเขาเช่นเดิม

“สวย”

คาร์ลมองเห็นบ้านที่ทำจากน้ำแข็งตั้งเรียงรายกันไปทั่วบริเวณ บ้านน้ำแข็งที่ถูกแสงอาทิตย์ส่องกระทบดูราวกับแสงเพชรไม่มีผิด

“ที่นี่คือหมู่บ้านของเรา”

เสียงอันตื่นเต้นของวิเทียร์ดังเข้ามาให้คาร์ลได้ยิน ก่อนที่เขาจะกวาดสายตาเพื่อสังเกตหมู่บ้านแห่งนี้ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเป็นกังวล

ปั้งงงง!!!!

บ้านน้ำแข็งหลังหนึ่งถูกทำลายลงพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ คาร์ลที่เต็มไปด้วยความกังวลได้ยินเสียงของราอนดังขึ้นจากอ้อมแขนของเขา

“หืม?..นั่นใช่มนุษย์หรือเปล่า?”

มีร่างๆหนึ่งลอยออกมาจากบ้านหลังนั้น

“แต่ข้าคิดว่าคนๆนั้นน่าจะเป็นวาฬมากกว่านะ?”

คาร์ลหันไปมองวิเทียร์

“คงมีเพียงแค่บ้านหลังนั้นที่ดูเหมือนจะต้องสร้างขึ้นมาใหม่”

คาร์ลฟังเสียงเรียบๆของเธอก่อนจะเริ่มคิดในใจ

‘…ที่นี่แปลกเกินไปแล้ว’

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท