บทที่ 159 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 6 (1)
-เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องมันใช่หรือไม่?-
คาร์ลหยุดชะงักหน้าประตูห้องสมุดและไม่สามารถก้าวขาเข้าไปด้านในได้
‘…มันใช่ว่ามันเป็นสถานที่อันตรายหรอกนะ?’
ห้องสมุดแห่งนี้ไม่ควรเป็นสถานที่อันตราย ‘ เบ็น’ หนึ่งในทีมสอบสวนของอาณาจักรโรมันก็ไม่ได้พบสิ่งผิดปกติอะไรเมื่อเขาเดินทางมาตรวจสอบที่นี่เมื่อวานนี้
‘เบ็น’ เข้าร่วมทีมกับคาร์ลในวันแรก เขาเป็นดาร์กเอล์ฟที่มีพรสวรรค์ในการสืบสวนและได้แจ้งต่อคาร์ลแล้วว่าภายในห้องสมุดรวมถึงเส้นทางลับทั้งหมดปลอดภัยดี
“นายน้อยคาร์ล?”
“อ๊ะ..อ่า..เข้าไปข้างในกันเถอะ”
คาร์ลปัดความคิดฟุ้งซ่านของตนออกเมื่อดาร์กเอลฟ์เอ่ยเรียกตนก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องสมุด
เอี๊ยดดดด!!!
เชวฮันก้าวเข้ามาปิดท้ายและปิดประตูห้องสมุดลง
“ท่านคาร์ล..กระผมจะรออยู่ตรงนี้นะขอรับ”
“ตกลง”
เชวฮันจะคอยเฝ้าระวังอยู่ตรงจุดนี้ในกรณีที่เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น
ดาร์กเอลฟ์ผู้เป็นนักเวทย์ระดับสูงจ้องไปที่เชวฮันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนสายตาไปมองตามหลังคาร์ลที่กำลังเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องสมุดอย่างไม่เร่งรีบ จากนั้นเขาก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆทันที
‘นายน้อยคาร์ลเป็นคนยังไงหรือขอรับ?’
ก่อนจะเดินทางมายังจักรวรรดิ ดาร์กเอลกฟ์ได้เอ่ยถามทาช่าผู้เป็นหัวหน้าของตนเกี่ยวกับคาร์ล เฮนิตัส
ทาช่าเริ่มพูดด้วยท่าทางแปลกๆ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกำลังหัวเราะขำหรือหรือกำลังเอ่ยชมกันแน่
‘พิเศษ…เขาเป็นคนพิเศษยิ่งนัก’
มันยากที่ทาช่าจะเอ่ยยกยอใครเช่นนี้
แล้วความพิเศษของนายน้อยผู้นี้คืออะไรกันแน่?
ดาร์กเอลฟ์ระงับความอยากรู้ของตนเอาไว้และเดินตามหลังคาร์ลต่อไปเรื่อยๆ เขายังจำสิ่งที่องค์ชายรัชทายาทรับสั่งกับเขาได้เป็นอย่างดี
‘คาร์ลบอกตำแหน่งทางเข้าให้เรารู้แล้ว..แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้วิธีเข้าไปในนั้นได้..เจ้าเพียงฟังในสิ่งที่เขาพูดเท่านั้นและไม่จำเป็นต้องถามสิ่งใด’
ห้ามมีคำถาม
มันเป็นครั้งแรกที่องค์ชายรัชทายาทตรัสอะไรแบบนี้ออกมา
ดาร์กเอลฟ์ดึงความสงสัยของตนกลับมาอีกครั้งและหยุดอยู่ตรงมุมห้องซึ่งเป็นมุมของตำราโบราณ
คาร์ลมองไปรอบๆ บริเวณที่ถูกจัดเป็นมุมตำราโบราณมีเพียงชั้นหนังสือเปล่าๆเท่านั้น เขานึกถึงสิ่งที่นักบวชแจ็คเล่าให้ฟัง
‘พระสันตะปาปาเป็นผู้กำหนดว่าใครจะเป็นคนดูแลการใช้ห้องสมุดในแต่ละวัน..คนที่ถูกคัดเลือกจะต้องเป็นคนที่สามารถควบคุมไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปยุ่งบริเวณชั้นวางตำราโบราณได้…สิ่งแรกที่ท่านต้องทำคือไปยังมุมตำราโบราณและหาชั้นหนังสือที่ติดอยู่กับผนัง’
คาร์ลสาวเท้าไปยังชั้นวางหนังสือที่ถูกดูแลเป็นพิเศษจากพระสันตะปาปา
‘จะมีประโยคที่ถูกสลักไว้บนชั้นหนังสือทุกชั้นในห้องสมุดของวิหาร’
คาร์ลมองเห็นประโยคดังกล่าว
<ความมืดมิดจะเลือนหายไปในตอนเช้าและทุกชีวิตจะลืมตาตื่น>
นี่คือสิ่งที่ผู้ศรัทธาในพระเจ้าแห่งแสงตะวันจะสวดอวยพรในทุกๆเช้า
‘มีประโยคหนึ่งที่เขียนไม่ถูกต้อง…มันใช้คำที่ต่างออกไปเล็กน้อย’
คาร์ลก้าวช้าๆเมื่อสายตากวาดมองชั้นวางหนังสือที่ติดกับผนังห้อง ในขณะที่ดาร์กเอลฟฺเห็นว่าคาร์ลเพียงเดินเล่นสบายๆในจุดที่พวกเขาเข้ามาตรวจสอบแล้วเมื่อวานนี้
ตึง!ตึง!ตึง!ตึง!
เสียงฝีเท้าของคาร์ลดังก้องไปทั่วบริเวณจนกระทั่ง……
ตึ่ก! ทันใดนั้นเขาก็หยุดการเคลื่อนไหว
คาร์ลเอื้อมมือออกไปด้านหน้าทันที
<ความมืดมิดจะเลือนหายไปในตอนเช้าและทุกชีวิตจะตื่นขึ้นจากความฝัน>
เขาจำข้อมูลตามที่แจ็คบอกไว้ได้
คำไม่กี่คำที่ต่างออกไปบนชั้นวางหนังสือที่อยู่ในมุมพิเศษ
‘ท่านต้องกดคำเหล่านั้น’
นิ้วเรียวยาวของคาร์ลกดลงไปบนคำเหล่านั้น
ตื่น ขึ้น จาก ความ ฝัน
คาร์ลขยับมือออก
คลิ๊ก!!
เขาได้ยินเสียงเครื่องกลบางอย่างกำลังทำงาน
‘หลังจากนั้นประตูก็จะปรากฏออกมาให้เห็น…’
ฟรู่!!!!!
เสียงคล้ายกับใบไม้ต้องลมดังขึ้นเมื่อชั้นวางหนังสือค่อยๆเลื่อนออกจากกัน จากนั้นประตูที่มีรูปดวงอาทิตย์สีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวิหารพระเจ้าแสงตะวันก็ปรากฏขึ้น
~ มนุษย์!..ถ้าเจ้าเปิดประตูบานนี้เสร็จแล้วเดี๋ยวข้าเข้าไปสำรวจด้านในก่อน~
เสียงราอนดังเข้ามาเมื่อคาร์ลกำลังกดลงไปตรงกลางของดวงอาทิตย์ที่มีตราสีทองสามดวงประทับอยู่
เอี๊ยดดดดดดดดดดด!!!!!!!!
เสียงกรีดแหลมดังขึ้นเมื่อประตูเริ่มเปิดออกช้าๆ
โถงทางเดินยาวสีขาวสะอาดตาพร้อมกับลูกไฟเรืองแสงสว่างขึ้นทันที
~ มนุษย์อ่อนแอ!..ข้าจะเข้าไปแล้ว…ตามข้ามาอย่างระวังด้วยล่ะ?~
คาร์ลก้าวไปยังโถงสีขาวทันที เขาหันกลับมามองดาร์กเอลฟ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ตามข้ามา”
“เอ่อ..ให้ข้าน้อยเข้าไปตรวจดูข้างในก่อนดีหรือไม่?”
ดาร์กเอลฟ์จ้องไปที่ใบหน้าของคาร์ล เฮนิตัสที่เริ่มยิ้มมุมปากช้าๆและหยุดฝีเท้าหน้าบริเวณทางเข้าทางลับที่เพิ่งปรากฏขึ้น
“แค่ตามข้ามาก็พอ”
‘ศักยภาพของมังกรย่อมเหนือกว่านักเวทย์อยู่แล้ว’
คาร์ลไม่ได้พูดสิ่งนี้ออกมาเมื่อหันหลังกลับและออกเดินต่อทันที
ดาร์กเอลฟ์มองตามแผ่นหลังของคาร์ลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบตามเข้าไปอย่ารวดเร็ว ในขณะที่ธาตุประจำตัวของดาร์กเอลฟ์ก็เริ่มเอียงคอมองด้วยความสับสน ดาร์กเอลฟ์เคยได้ยินมาว่าคาร์ลมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เป็นโล่เงินเท่านั้น ในเมื่อนายน้อยผู้นี้มีพลังเพียงเท่านั้นทำไมถึงเดินนำหน้าล่ะ? อย่างน้อยเขาก็เป็นนักเวทย์ระดับสูงควรให้เขาเดินนำมากกว่า
‘พิเศษ…เขาเป็นคนพิเศษยิ่งนัก’
‘เจ้าเพียงฟังในสิ่งที่เขาพูดเท่านั้นและไม่จำเป็นต้องถามสิ่งใด’
ดาร์กเอลฟ์นึกถึงสิ่งที่ทาช่าและองค์ชายอัลเบิร์กย้ำเตือนเขาไว้และรีบสาวเท้าไปยังโถงทางเดินสีขาวเงียบๆโดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดออกไป เขาเดินตามหลังนายน้อยที่กำลังเดินอย่างไร้กังวลและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสุดทางเดิน
จากนั้นเขาก็สะดุ้งตกใจอย่างแรง
คาร์ลก็ไม่ต่างจากดาร์กเอลฟ์ เขาตกใจมากจนพูดอะไรไม่ออก
ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของเขา
~ มนุษย์!..นี่คืออะไร?~
‘นั่นสิ?’
มันคือเลือด!
คราบเลือดแห้งกรังเต็มพื้นสีขาว โต๊ะ ตู้ โซฟาที่อยู่ให้ห้องทรงกลมถูกทำลายจนย่อยยับชิ้นส่วนของเก้าอี้ก็กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
นอกจากนี้ยังมีรอยสีดำปรากฏให้เห็นไปทั่ว มันดูคล้ายกับซึมเข้าไปในพื้นหินอ่อนและผนังห้อง
คาร์ลหันไปมองหน้าดาร์กเอลฟ์และเริ่มพูดออกมาพร้อมกัน
“..พลังเวทย์ที่ตายไปแล้ว”
“มันเป็นร่องรอยของพลังเวทย์ที่ตายไปแล้ว”
~ มนุษย์!..พวกเขาต้องใช้ระเบิดพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วแน่ๆเลย!~
เสียงของราอนสะท้อนเข้ามาในหัวของเขาก่อนที่เขาจะหันไปมองดาร์กเอลฟ์และถามขึ้น
“ตามที่เราได้รับรายงานมา..ผู้นำระดับสูงของวิหารแห่งนี้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากใช่หรือไม่?”
“ขอรับ..จากรายงานที่เราได้รับบอกว่าผู้นำเหล่านั้นเสียชีวิตจากเหตุการณ์ก่อการร้าย..แต่ดูเหมือนบางคนก็ถูกสังหารเมื่อแอบมาซ่อนตัวอยู่ในนี้”
“…และจักรวรรดิเป็นคนใช้ระเบิดพลังเวทย์เพวกนั้นใช่มั้ย?”
ดาร์กเอลฟ์หน้าเครียดขึ้นและตอบคำถามของคาร์ล
“ข้าน้อยเอง..ก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น”
ดาร์กเอลฟ์หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งเมื่อตอบคำถามนั้นออกไปแต่เมื่อพูดจบประโยค เขาก็เห็นรอยยิ้มแปลกๆของคาร์ลทันที
คาร์ลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
‘ตอนนี้โชคเข้าข้างฉันใช่มั้ย?’
“หลักฐานทุกๆอย่าง…กำลังกลิ้งออกไปตามเถาไม้เลื้อย”
คาร์ลตัดสินใจที่จะเปิดเผยห้องลับแห่งนี้
เขาจำได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของข่าวลือที่เขามอบหมายให้เชวฮันส่งต่อให้นักเล่นแร่แปรธาตุตัวปลอมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“จักรวรรดิสูญเสียบุคคลที่สามารถนำคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเจ้ามาสู่ประชาชน..พลังแห่งความชั่วร้ายจะดึงค่ำคืนอันมืดมิดให้ปรากฏอยู่ชั่วนิรันดร์”
คาร์ลมองไปรอบๆห้องที่แสดงให้เห็นเศษซากของพลังชั่วร้ายนั่น เขาหันไปถาม‘โครา’ดาร์กเอลฟ์ที่ติดตามเขามาในวันนี้
“โครา..จักรวรรดิจะรับดูแลวิหารแห่งนี้ต่อไปงั้นหรือ?”
“ขอรับ..ไม่ว่ามันจะเสื่อมศรัทธาลงเพียงใดพวกเขาก็จะรักษามันไว้ดังเดิมเพราะที่นี่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์”
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของคาร์ล
‘ฉันจะทำลายห้องสมุดแห่งนี้เช่นกันเมื่อฉันทำลายหอระฆังเรียบร้อยแล้ว’
เขาต้องการให้หลักฐานที่แสนชั่วร้ายเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก
“โครา..เจ้าจงเดินสำรวจรอบๆห้องนี้แล้วอย่าไปแตะต้องอะไรล่ะ”
“ขอรับ”
คาร์ลออกคำสั่งแก่โคราก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องทรงกลมนี้ โต๊ะตัวนี้แตกต่างจากสิ่งของที่อยู่ในห้องมันยังคงสภาพเป็นปกติ ไม่เหมือนเก้าอี้ไม้ที่ถูกหักทำลายไปทั่วห้องทั้งยังชโลมไปด้วยคราบสีดำและร่องรอยของมีคมฟันจนพรุน
คาร์ลโน้มตัวลงเพื่อพิจารณาโต๊ะหินอ่อนตัวนี้
มีร่องรอยการแกะสลักบนขาโต๊ะที่รองรับน้ำหนักเอาไว้
‘นายน้อยคาร์ล..เราจะมองเห็นตรารูปพระอาทิตย์ทั้งหมด24ดวง’
มีรูปดวงอาทิตย์อยู่บนขาโต๊ะคล้ายกับที่เห็นอยู่บนประตู
‘จะมีตัวเลขสลักอยู่บนตราพระอาทิตย์..ท่านต้องแตะไปที่ตรานั้นโดยการไล่ระดับไปตั้งแต่ตราที่1ถึง24’
‘จากนั้นข้อความจะปรากฏขึ้น’
คาร์ลแตะไปที่ตราพระอาทิตย์และเริ่มไล่ลำดับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสัมผัสเข้ากับตราพระอาทิตย์ดวงที่24ซึ่งเป็นลำดับสุดท้าย ทันใดนั้น!
มีข้อความบางอย่างปรากฏขึ้นบนตราพระอาทิตย์ดวงที่24
<พระอาทิตย์จะไม่หายไปแม้ยามกลางคืนจะคืบมาเยือนและความมืดมิดจะไม่หายไปไหนแม้ยามรุ่งสางย่างมาถึง>
คาร์ลได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
คลิ๊ก!
เสียงยังคงดังต่อไป
คลิ๊ก!
คลิ๊ก!
คลิ๊ก!
ในที่สุดเสียงก็หายไปเมื่อมันดังเป็นครั้งที่24 คาร์ลเริ่มยิ้มซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โคราเดินมาหาเขา
“นายน้อยคาร์ล..มีอะไรหรือขอรับ?”
คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองโคราก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน พื้นรอบๆโต๊ะเริ่มขยับช้าๆ คาร์ลจึงเริ่มส่งสัญญาณไปหาโคราทันที
“ขยับมาตรงนี้”
สิ้นเสียงคาร์ลก็กระโดดขึ้นไปเหยียบบนโต๊ะหินอ่อนทันที
ฟรุ่บ!ฟรุ่บ!
โครากระโดดขึ้นไปบนโต๊ะทันทีที่คาร์ลพูดจบ มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ว่องไวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดาร์กเอลฟ์โดยเฉพาะ
ครืนนนนนนนน!!!!!!!!
พื้นห้องเริ่มสั่นสะเทือนในขณะที่คาร์ลก็จ้องไปที่พื้นตาไม่กระพริบ
‘โต๊ะลับจะพาท่านไปยังที่ซ่อนสมบัติที่แท้จริง..เมื่อท่านผ่านเส้นทางนี้ไปได้มันจะปรากฏให้ท่านได้เห็นอย่างแน่นอน’
บู้ม!!!