บทที่ 163 อีกแล้วหรือนี่ 3 (2)
“ข้าพูดถูกสินะ?”
เร็กซ์หุบปากฉับทันทีเมื่อคาร์ลเอ่ยตัดบทเขาขึ้นมา เขารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างออกมาจากตัวคาร์ล
“ข้าวางแผนที่จะทำลายหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ..ข้าจะไม่ยอมให้จักรพรรดิองค์ต่อไปมีนามว่าเอดินเป็นอันขาด!”
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาเมื่อเขาได้รับรู้เรื่องราวของหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ คาร์ลจ้องไปที่เร็กซ์ซึ่งเป็นหนึ่งในหมากตัวสำคัญของแผนการที่เขาคิดไว้
‘เรย์ สเตกเกอร์’ จะเป็นผู้นำคนใหม่ของนักเล่นแร่แปรธาตุ
‘เร็กซ์’ จะเป็นแกนนำและศูนย์กลางจิตใจของประชาชนชาวจักรวรรดิ
พวกเขาจะเป็นวีรบุรุษผู้นำก่อกบฏที่จะช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้
“ไม่มีทางที่มันจะเกิดขึ้นได้”
เร็กซ์ส่ายหน้าน้อยๆ ในขณะที่คาร์ลหัวเราะและเริ่มพูด
“เจ้าไม่เห็นมังกรที่นั่งอยู่ตรงนั้นหรือ?”
เร็กซ์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่ทันสังเกตเห็นมังกรดำจนกระทั่งถึงตอนนี้ คาร์ลยังคงพูดต่อไป
“เชวฮันคนที่จะพาเจ้าไปยังสลัมก็เป็นปรมาจารย์ดาบ”
เร็กซ์หันไปมองเชวฮันอย่างช้าๆ ในขณะที่เชวฮันค่อยๆปล่อยออร่าของตนออกมา
“ยิ่งไปกว่านั้น..วีรบุรุษคนใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นในจักรวรรดิก็สามารถช่วยเจ้าได้”
“…วีรบุรุษคนใหม่?”
เร็กซ์หันกลับมามองคาร์ลทันที คาร์ลยกนิ้วของตนขึ้นมา
“ข้าเอง”
จากนั้นก็ชี้มาที่ตัวเอง
เร็กซ์รู้สึกงงกับสิ่งที่คาร์ลกำลังจะบอก
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้พูดอะไรผิด
จักรวรรดิจะไม่สามารถปิดข่าวเรื่องตำหนักแสงตะวันถล่มจากแรงระเบิดได้เพราะมีคนอยู่ในเหตุการณ์มากเกินไป ข่าวลือจะต้องแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพวกเขาต้องปิดข่าวเรื่องคนลอบสังหารหัวหน้าหอระฆังอีกด้วย จึงต้องสร้างประเด็นอื่นขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจจากประชาชน
ใครก็ตามที่อยู่ในเหตุการณ์จะทราบว่าคาร์ลคือคนที่ป้องกันไม่ให้ปีกของตำหนักถล่มลงมา คาร์ลวางแผนที่จะกระโดดรับเกมนี้อย่างมีความสุข
“พรุ่งนี้ข้าจะกลายเป็นวีรบุรุษ..ประชาชนชาวจักรวรรดิคงจะต้องชอบข้าไม่น้อย”
อูฮาเบ็นมองมาที่คาร์ลอย่างนึกสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนราอนก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วยกับคาร์ล
เร็กซ์กวาดสายตาไปมองทุกคนก่อนจะหยุดอยู่ที่คาร์ลอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคต่อไปคาร์ล
“นั่นเป็นเพราะข้าช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้”
คาร์ลไม่คิดที่จะปิดทองหลังพระในครั้งนี้ เขายินดีให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่วจักรวรรดิ
เขาเอ่ยขึ้นกับเร็กซ์
“เร็กซ์..ไม่มีใครตายจากเหตุการณ์นี้”
“…อ่า”
เร็กซ์พึมพำออกมาเบาๆ ใบหน้าเขาเริ่มย่นขึ้นแต่คาร์ลไม่สามารถบอกได้ว่าเร็กซ์กำลังโล่งใจหรือผิดหวังกันแน่
“เร็กซ์..เราไม่มีเวลาแล้ว”
จากนั้นคาร์ลก็หันไปส่งสัญญาณให้กับเชวฮันหลังจากเอ่ยเร่งเร็กซ์ออกมา เชวฮันพยักหน้ารับและอุ้มแมวที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา
เร็กซ์ยังคงลอบสังเกตคาร์ลอย่างเงียบๆ
“เร็กซ์..จงใช้โอกาสที่อยู่ตรงหน้าเจ้าให้เป็นประโยชน์”
โอกาส
คำนั้นทำให้เร็กซ์กำลังจะอ้าปากพูด อย่างไรก็ตามประโยคถัดไปของคาร์ลก็ทำให้เขาเม้มปากลงโดยไม่พูดอะไรออกมา
“สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จงปิดปากของเจ้าให้สนิทซะ”
คาร์ลใช้รังสีเหนืออำนาจกดดันเร็กซ์เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา จากนั้นก็หันไปมองเชวฮันเมื่อเห็นว่าเร็กซ์ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“ส่วนนี่..ของบิลอส”
คาร์ลยื่นของส่งให้เชวฮันเพื่อฝากไปให้บิลอส ก่อนที่เชวฮันจะหยิบไปเก็บในประเป๋าของตน
“แล้วกระผมจะรีบกลับมาขอรับ”
“ดีมาก..จงกลับมาก่อนฟ้าสางแล้วกัน”
เชวฮันไม่ได้ตอบอะไรเมื่อเขากระโดดลงจากหน้าต่างและค่อยๆหายลับไปอย่างรวดเร็ว คาร์ลยังคงจ้องไปที่ตำแหน่งนั้นอยู่พักใหญ่
แปะ!แปะ!แปะ!
ราอนสะกิดที่แขนเขาเบาๆ
“อะไร?”
คาร์ลไม่อยากคิดอะไรให้มากจึงเอ่ยถามราอนไปตรงๆ
“นอนลง”
คาร์ลจึงเอนกายนอนราบกับเตียงนอน
ราอนจึงรีบคุลมผ้าห่มไปจนถึงต้นคอของคาร์ลทันที อูฮาเบ็นถอนหายใจออกมาอย่างแหลือเชื่อ ในขณะที่ราอนตรวจสอบจนแน่ใจว่าผ้าห่มได้คลุมร่างของคาร์ลเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวท่านปู่อูฮาเบ็นจะดูแลเจ้าเอง..ข้าจะตามเชวฮันไป..มันคงจะดีกว่าหากข้าไปช่วยเขา”
ราอนเชิดหน้าอกขึ้นราวกับจะบอกว่า ‘ปล่อยทุกอย่างให้ข้าจัดการเอง’และนั่นทำให้คาร์ลรีบพูดทันที
“แค่อยู่ข้างๆข้าก็พอ”
เขารู้สึกว่าเรื่องต่างๆจะยุ่งเข้าไปใหญ่หากราอนไปช่วยเชวฮัน การร่วมมือกันของเชวฮันและบิลอสก็เพียงพอแล้ว บิลอสมีความสามารถเรื่องจัดการทุกอย่างแบบลับๆ
ราอนขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบิกตากว้างและถามคาร์ลออกไป
“…เจ้าต้องการให้คาร์ลอยู่ข้างๆเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่”
คาร์ลตอบกลับสั้นๆเพราะเขาขี้เกียจที่จะพูดให้มากกว่านี้ ริมฝีปากของราอนเริ่มกระตุก่อนจะเริ่มม้วนกลิ้งเป็นลูกบอลอยู่ข้างๆร่างของคาร์ล
คาร์ลหลับตาลงและค่อยๆหลับไปอย่างช้าๆ
เสียงรบกวนหลายๆอย่างยังคงดังออกมาจากข้างนอกแต่มันก็ไม่ใช่ธุระของเขาเช่นกัน
.
.
.
คาร์ลสะดุ้งจนสุดแรงเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
ราอนใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายของมันเอาไว้ ในขณะที่อูฮาเบ็น ฮิลส์แมนและเชวฮันยืนอยู่ข้างๆเตียงนอนของคาร์ลเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้เขา
“ทำไมนายน้อยคาร์ลของเราจึงตกใจถึงเพียงนั้นล่ะ?”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กประทับอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงนอนของคาร์ล
“องค์ชายเปรียบดังดวงดาราของอาณาจักรเรา..การได้เห็นพระองค์ตั้งแต่ลืมตาตื่นเช่นนี้มันทำให้หม่อมฉันรู้สึกดีใจยิ่งนัก”
“พอ!”
อัลบิร์กเอ่ยตัดบททำให้คาร์ลรีบหุบปากลงอย่างไวก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งและเอนพิงหลังกับเตียงนอน
เขาได้ยินเสียงของอัลเบิร์กดังเข้ามา
“ดูเหมือนเจ้าจะต้องขึ้นรับเหรียญ”
อัลเบิร์กมองเห็นคาร์ลสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดจบ อัลเบิร์กยังจำได้ดีว่าคาร์ลไม่ต้องการรับเหรียญกล้าหาญหรืออำนาจใดๆเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่อาณาจักรโรมัน นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องรีบมาหาคาร์ลโดยเร็ว
“แน่นอนว่ามันยังมีรางวัลอื่นๆที่เจ้าจะได้รับนอกเหนือไปจากเหรียญกล้าหาญ..ตอนนี้จักรวรรดิต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน—”
อัลเบิร์กหยุดพูดกะทันหันเมื่อเขามองไปที่คาร์ล
“นั่นเจ้ากำลังมีความสุขอยู่รึ?”
คาร์ลต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขก่อนจะเอ่ยขึ้น
“องค์ชาย..ทำไมเราไม่ทำให้พิธีรับเหรียญมันใหญ่กว่าเดิมล่ะพะย่ะค่ะ?”
“อะไรนะ?”
“หม่อมฉันเป็นขุนนาง”
คาร์ลยกนิ้วของตนขึ้นทีละนิ้วๆในขณะที่พูดต่อไป
“ขุนนางผู้อ่อนแอแต่มีความยุติธรรมอันแรงกล้า..เขาพร้อมจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและอ่อนแอกว่าตน..เขาไม่สนใจแม้กระทั่งคนผู้นั้นจะเป็นใครหรือคนจากอาณาจักรใด..เขายังมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอันแข็งแกร่งและงดงามอีกด้วย”
อัลเบิร์กมองเห็นประกายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกของคาร์ล
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“องค์ชาย..หม่อมฉันต้องการเป็นวีรุบุรุษของชาวจักรวรรดิพะย่ะค่ะ!”