บทที่ 165 อีกแล้วหรือนี่ 5 (2)
เรย์ สเตกเกอร์ หันไปมองรอบๆจัตุรัสกลางเมืองที่เริ่มครึกครื้นขึ้นจากนั้นเขาก็หันไปมองคาร์ลด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
เรย์รู้มาว่าคาร์ลเป็นนักบวชผู้มีเส้นผมสีขาวและเขาก็พอจะรู้เรื่องของเร็กซ์มาบ้าง ในขณะที่เร็กซ์เองก็มองไปยังคาร์ลเช่นกัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคิดอันซับซ้อนเมื่อลอบมองคาร์ลอยู่เช่นนี้
พวกเขาทั้งคู่ได้ยินเสียงของบิลอสดังขึ้น
“ตอนอยู่อาณาจักรโรมันนายน้อยคาร์ลก็ทำแบบนี้เช่นกัน..เขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”
“อาณาจักรโรมันงั้นหรือ?”
บิลอสพยักหน้ารับกับคำถามของเรย์และพูดดังขึ้นอย่างจงใจ
“เขาช่วยป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองของอาณาจักรโรมัน..มิหนำซ้ำเขายังไม่ต้องการรับเกียรติยศหรือของรางวัลใดๆอีกด้วย..สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่ความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นเอาไว้..เขามักจะกังวลกับผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเสมอ”
ประชาชนที่ยืนอยู่รอบๆนั้นต่างพากันได้ยินสิ่งที่บิลอสพูดขึ้น สายตาที่พวกเขาพากันมองไปที่คาร์ลก็เริ่มเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับลูกน้องของบิลอสที่ปะปนไปกับฝูงชนทั่วทั้งจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ พวกเขาก็กำลังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคาร์ลเช่นกัน
ขุนนางหนุ่มที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้ายในจัตุรัสกลางเมืองของอาณาจักรโรมัน อีกทั้งยังเข้าร่วมการสืบสวนหาสาเหตุการเกิดระเบิดในวิหารแห่งพระเจ้าแสงตะวันอีกด้วย
เรื่องราวเหล่านี้ต่างแพร่กระจายไปทั่วจัตุรัสกลางเมือง
เรย์ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่งหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของบิลอส
“….ช่างเป็นคนที่น่าทึ่งยิ่งนัก”
เชวฮันที่ยืนนิ่งมาตลอดก็เอ่ยสำทับขึ้น
“ท่านคาร์ลเป็นเช่นนี้เสมอ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจ เรย์และเร็กซ์ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากมองไปที่คาร์ลด้วยสีหน้าแปลกๆเมื่อได้ยินคำอันหนักแน่นจากเชวฮัน
คาร์ลเดินลงจากแท่นพิธีหลังจากที่องค์จักรพรรดิพูดจบ
เขามองเห็นองค์ชายเอดินที่ยืนอยู่ด้านล่างแท่นพิธี ท่าทางของเอดินดูเหมือนจะไม่มีความสุขแต่ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษารอยยิ้มให้ประดับอยู่บนใบหน้าให้ได้ นั่นคงเป็นเพราะการกระทำที่ไม่คาดคิดของคาร์ลนั่นเอง เอดินสาวเท้าเข้ามาใกล้คาร์ลและมีแนวโน้มที่จะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับเขาแต่ทันใดนั้นเขาก็ชะงักฝีเท้าลง
มันเป็นเพราะองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะ?..ว่าจะทำแบบนั้น!”
“ขออภัยพะย่ะค่ะองค์ชาย..จู่ๆความคิดนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของหม่อมฉัน”
น้ำเสียงห้วนๆของอัลเบิร์กทำให้คาร์ลก้มศีรษะให้กับอัลเบิร์กและเอดินทันที
นั่นทำให้เอดินส่งยิ้มน้อยๆและตบไปที่ไหล่ของคาร์ล
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยสักนิด..ข้าขอบใจเจ้ายิ่งนักที่นึกถึงราษฎรของเรา”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะที่ทรงเข้าใจหม่อมฉัน”
เอดินจ้องไปที่คาร์ลซึ่งกำลังผ่อนหายใจยาวด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่อัลเบิร์กเริ่มพูดขึ้น
“เจ้าทำเหมือนตอนที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในอาณาจักรของเราไม่มีผิด..เจ้านี่!.มักนึกถึงคนอื่นก่อนตนเองเสมอ”
ท่าทางของเอดินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าคาร์ลทำสิ่งที่เหมือนกันกับครั้งก่อน
คาร์ลยิ้มรับกับสิ่งที่อัลเบิร์กกล่าวก่อนจะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้แจ้งให้องค์จักรพรรดิและองค์ชายเอดินทราบเรื่องนี้แต่สำหรับอัลเบิร์กนั้นเขาต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างแน่นอน
ดัลตาโร่ตบไปที่ไหล่ของคาร์ลเบาๆหลังจากที่เขากลับไปรวมตัวกับคณะทูตคนอื่นๆ
“ท่านทำได้ดีมาก..เยี่ยมยิ่งนัก!”
ดัลตาโร่มองคาร์ลด้วยสายตาภาคภูมิใจและเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยม
“พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่เราจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้”
เหล่าคณะทูตจะเดินทางกลับอาณาจักรโรมันในวันพรุ่งนี่ พวกเขาจะเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางผ่านอาณาเขตกิลล์ด้วยอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร
พวกเขาต้องเร่งเดินทางกลับโดยไวเพราะพักอยู่จักรวรรดินานกว่าแผนที่วางเอาไว้
คาร์ลตอบกลับด้วยรอยยิ้มและแตะเบาๆไปที่กล่องของขวัญในมือของเขา
เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของเขาทันที
~ ข้าสัมผัสถึงออร่าที่รุนแรงและอันตรายจากกล่องใบนี้! เราต้องไปถามท่านปู่มังกรทองแล้วล่ะ..อ๊ะ!ถามแมรี่ดีกว่า! ~
แม้แต่พลังศิลาก็เข้าร่วมด้วย
– เจ้าคิดที่จะเสียสละตนเองใช่หรือไม่ –
‘ฉันรู้แล้ว’
คาร์ลรู้ดีว่ารางวัลที่เอดินให้แก่เขานั้นไม่ใช่ของที่ดีนัก เขาจ้องเขม็งเข้าไปในกล่องของขวัญเพื่อเห็นดาบเรืองแสงที่ใช้สำหรับป้องกันตัวพร้อมกับอัญมณีที่ใช้ประดับด้ามจับดาบ
‘…ไม่ชอบเลย’
คาร์ลคิดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเอดินได้มอบสิ่งที่ไร้ประโยชน์ให้กับเขาหลังจากที่อ้างว่าตนจะมอบสมบัติให้กับเขา
ตกดึกคืนนั้นคาร์ลเริ่มแบ่งปันแผนการกับสมาชิกในกลุ่มหลังจากเดินทางมาที่บ้านพักของบิลอส
“ข้าจะทำลายหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุอย่างแน่นอน!”
บิลอสสะดุ้ง
“…ทำลาย?”
“ใช่แล้ว…บิลอส!ไม่ใช่ว่าเจ้าจะสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลหรอกหรือ?หากเจ้าสามารถหาวัสดุต่างๆมาให้พวกเขาสร้างหอระฆังขึ้นมาใหม่”
“ถ้าเช่นนั้น..กระผมจะสนับสนุนแผนการของท่านอย่างเต็มที่!”
บิลอสยอมรับการตัดสินใจของคาร์ลอย่างรวดเร็วหลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับในอนาคต
เรย์ สเตกเกอร์และเร็กซ์มองไปที่คาร์ลด้วยความกังวล แม้แต่เชวฮันที่ยืนอยู่ข้างๆคาร์ลก็มองเขาด้วยความลังเลเช่นกัน
เรย์เริ่มพูด
“..เอ่อ..ข้าน้อยไม่ทราบจริงๆว่าท่านเป็นขุนนาง”
“แล้วมีปัญหาอะไรรึ?”
เรย์ส่ายหัวอย่างรวดเร็วเมื่อถูกคาร์ลถามกลับ เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นคาร์ลเต็มใจที่จะต่อต้านกองกำลังอันแข็งแกร่งของนักเล่นแร่แปรธาตุและจักรวรรดิเพื่อที่จะกระชากหน้ากากอันโสมมของพวกเขาให้กับประชาชนชาวจักรวรรดิได้เห็น ทั้งๆที่เขาสามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้และใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบสุขต่อไปได้
“ข้าจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้..ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเรื่องบางอย่างกับเจ้าก่อนที่จะเดินทางกลับ”
เรย์จดจ่อกับสิ่งที่คาร์ลจะพูดในขณะที่เร็กซ์ซึ่งยังอยู่ในร่างแมวยังคงลอบสังเกตคาร์ลอย่างเงียบๆ
คาร์ลรีบจัดการธุระของตนทันที
มันจะเป็นเรื่องยากหากต้องเคลื่อนย้ายเร็กซ์และคนอื่นๆในองค์กรของเขาในตอนนี้เพราะจักรวรรดิกำลังตามล่าพวกเขาอย่างเมามัน ในขณะที่เรย์ก็ยังต้องการเวลาที่จะรวบรวมนักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ได้สังกัดในหอระฆังให้ได้มากที่สุดเช่นกัน พวกเขายังต้องรอเวลาที่เหมาะสม
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลวางแผนไว้ว่าจะทำตัวเงียบๆให้เหมือนกับหนูที่ตายซากไปแล้ว เขาจะรอจนกว่าจักรวรรดิสามารถป้องกันการโจมตีของกองทัพพันธมิตรทางตอนเหนือได้
นั่นไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดหรืออย่างไร?หากพวกเขาจะเลือกลงมือในตอนนั้น
คาร์ลต้องการให้ศัตรูของพวกเขามารวมตัวกันให้ได้มากที่สุด
“นักบวชและหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ยังมีชีวิตอยู่”
“อ่า”
เรย์อ้าปากค้าง เขาเข้าใจความหมายที่คาร์ลกำลังจะสื่อทันที
พวกเขายังมีชีวิตอยู่
นอกจากนี้ข้ายังรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด?
นั่นคือความหมายที่คาร์ลจะสื่อให้พวกเขารู้
เรย์และเร็กซ์ได้ยินจากเชวฮันแล้วว่าการที่คริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันถูกโจมตีด้วยระเบิดพลังเวทย์เป็นเพราะพวกเขาพยายามจะเปิดโปงความลับของหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ เชวฮันยังบอกอีกว่าจักรวรรดิพยายามฆ่านักบวชและหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์หลังจากโจมตีด้วยระเบิดพลังเวทย์แล้ว
คาร์ลสังเกตว่าทุกสายตาจ้องมาที่เขาเป็นจุดเดียวจึงตัดสินใจพูดต่อไป
“ข้าจะกลับมาภายในหนึ่งปี”
จากนั้นเขาก็ออกคำสั่ง
“จงอดทนรอจนกว่าจะถึงตอนนั้น”
คาร์ลจะนำสิ่งที่พวกเขาต้องการมามอบให้หากพวกเขาทำสำเร็จ
“ข้าจะทำให้พวกเจ้าสมหวังอย่างที่ต้องการ..หากสามารถอดทนรอจนกว่าจะถึงวันนั้นได้”
ทำให้พวกเจ้าสมหวังอย่างที่ต้องการ
ประโยคนั้นทำให้สีหน้าของเรย์และเร็กซ์เปลี่ยนไป
นักเล่นแร่แปรธาตุขี้เมาจากสลัมและอัศวินแมวที่พยายามลอบสังหารหัวหน้าหอระฆังเริ่มคิดทุกอย่างอยู่ในหัว
ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากก็ตาม
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของพวกเขาทั้งคู่คือความตายหรือไม่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไปตลอดกาล
“ข้าน้อยจะอดทนรอจนถึงวันนั้น”
เรย์ไม่มีปัญหาที่จะตอบรับ เขาเห็นรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าของคาร์ลเมื่อมองมาที่เขา
“เป็นเรื่องดีเช่นกันที่จะไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากตัวเจ้าอีกต่อไป”
เรย์ยิ้มตอบเช่นกัน
เรย์จัดการโกนหนวดเครา หวีผมและแต่งตัวอย่างดีที่สุด ถึงแม้จะอยู่ในชุดเก่าๆแต่เขาก็ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์มากกว่าจะเป็นขี้เมาในตอนนี้
“ข้าน้อยก็จะอดทนเช่นกัน”
เร็กซ์ก็ตอบรับอีกเสียงหนึ่ง จากนั้นเขาก็หันไปสบตากับคาร์ล สิ่งที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขาคือการหลบหนีไปตลอดหรือไม่ก็ตาย หากต้องเป็นเช่นนั้นเขาก็จะยอมอดทนเพื่อให้ตนเองมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง
คาร์ลลุกขึ้นจากที่นั่ง
ร่างของเร็กซ์เกร็งขึ้นเมื่อเห็นว่าคาร์ลกำลังมุ่งมาที่เขาแต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม
“เร็กซ์”
เร็กซ์เริ่มกังวลเมื่อได้ยินเสียงเรียบเย็นของคาร์ลเอ่ยเรียก ในขณะนั้นคาร์ลก็เริ่มหยิบสิ่งของจำนวนหลายชิ้นออกจากกระเป๋าเวทย์และวางมันลงตรงหน้าเร็กซ์
ปึก!ปึก!ปึก!
สิ่งของหนักๆเหล่านี้เริ่มวางซ้อนกันเรื่อยๆตรงหน้าเร็กซ์
“อ่านหนังสือพวกนี้ให้หมด”
ดวงตาของเร็กซ์เบิกกว้าง
สิ่งที่คาร์ลหยิบออกมาคือหนังสือ ด้านหน้าของเขามีกองหนังสือวางซ้อนกันเป็นตั้งๆ เขาสามารถมองเห็นชื่อหนังสือที่อยู่ตรงหน้าเขาได้บางเล่ม
‘…การเป็นผู้นำ?…ศาสตร์การเมืองและการปกครอง?…วิทยาการทางทหาร?’
“ทำไมข้าน้อยต้องอ่านพวกมันด้วย?”
อัศวินแมวเริ่มสับสนและเอ่ยถามคาร์ลขึ้น อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ตอบคำถามของเขาแต่เลือกออกคำสั่งแทน
“ถ้าข้าบอกให้เจ้าอ่านเจ้าก็ต้องอ่านแค่นั้นเอง!..มันจะดียิ่งกว่านี้หากเจ้าอ่านพวกมันอย่างละเอียด”
เร็กซ์พยักหน้าช้าๆหลังจากจ้องไปในตาของคาร์ล
คาร์ลยกยิ้มอย่างพอใจ
ใครกันล่ะจะเป็นผู้เติมเต็มพื้นที่ว่างขององค์ชายเอดิน?
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความคิดของคาร์ลแต่เขาก็ลูบขนสีแดงสดของอัศวินแมวอย่างพึงพอใจ ร่างของเร็กซ์สั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงเก็บอาการและอยู่นิ่งๆตามเดิม
ราอนเริ่มตะโกนเข้ามาในหัวของเขา
~มนุษย์!ทำไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ?ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?~
‘เสร็จงั้นรึ?..นี่มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก’
วันที่คาร์ลกลับมาที่อีกครั้งพร้อมกับนักบวชและหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งยังมีเครื่องมือพระเจ้าอยู่ในครอบครอง วันนั้นจะเป็นวันที่เริ่มต้นของทุกๆอย่าง
.
.
.
“มนุษย์!..ตอนนี้ข้าอายุ 6 ขวบแล้ว! ข้าโตขึ้นด้วย!”
“อืม”
ราอนใช้อุ้งมือชี้มาที่ร่างของคาร์ล
“มนุษย์!..เจ้าเองก็อายุ 20 ปีแล้ว!”
“อืม”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับเบาๆก่อนจะหันไปพูดกับคนบังคับรถม้า
“เชวฮัน..ใกล้ถึงแล้วสินะ?”
“ขอรับ…เราเกือบจะถึงหมู่บ้านแฮร์ริสแล้ว”
ตอนนี้เป็นช่วงปีใหม่ คาร์ลที่ใช้เวลาไปกับการพักผ่อนในคฤหาสน์เฮนิตัสนับตั้งแต่กลับมาจากจักรวรรดิก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางอีกครั้งเป็นครั้งแรก
มันจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานผ่านหมู่บ้านของเผ่าเสือ หมู่บ้านของเผ่าวาฬและอาณาจักรพารันที่ทอดยาวขึ้นไปทางทิศเหนือนั่นเอง