บทที่ 182 นายน้อย ท่านนี่มัน….. 1 (2)
“นายน้อย!”
ฮิลส์แมนที่รออยู่หน้าประตูรีบเดินตามหลังคาร์ลไปทันที
“โอโห้!..วันนี้นายน้อยของเราดูดีมากเลยขอรับ!”
ฮิลส์แมนเอ่ยชมคาร์ลออกมา วันนี้คาร์ลแต่งตัวดูสมเกียรติกับการเป็นขุนนางยิ่งนัก แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูอลังการแต่ก็ดูหรูหราพอสมควร มันทำให้เขาดูเหมาะกับการเป็นขุนนางรุ่นเยาว์ที่ดูสง่างามเป็นอย่างมาก
“อย่างนั้นเหรอ? ดี!”
นั่นทำให้ฮิลส์แมนถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นรอยยิ้มใสซื่อของคาร์ล
‘รอยยิ้มใสซื่อ?’
มันดูไม่เหมาะกับคาร์ลเลยสักนิด
‘เท่าที่ข้าได้ยินมา..เขากำลังจะเล่นงานตระกูลเชรย์ซี่นี่นา?’
ฮิลส์แมนคิดว่ามันแปลกที่ได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อของคาร์ลเพราะเขาเองก็ได้ฟังแผนการอย่างคร่าวๆจากรอนมาแล้ว แน่นอนว่าฮิลส์แมนไม่รู้รายละเอียดของขบวนการค้ามนุษย์
“เขาอยู่ที่ไหน?”
แม้ว่าฮิลส์แมนจะยังคงสงสัยในตัวคาร์ลแต่ก็สามารถตอบคำถามกลับไปได้ทันที
“อยู่ในสวนหย่อมขอรับ..ข้ารับใช้บอกว่านายน้อยอันโตนิโอมักไปเดินเล่นที่นั่นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ”
“ดี!…ถ้าเราจะออกไปข้างนอกโดยผ่านประตูใหญ่..เราก็คงจะสามารถแวะไปที่นั่นระหว่างทางได้สินะ”
คาร์ลมุ่งหน้าไปที่สวนหย่อมทันที
ฮิลส์แมนเดินตามหลังคาร์ลไปแต่สายตากับจ้องไปที่รอนไม่วางตา รอนเพียงส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังคาร์ลไปเช่นกัน
ฮิลส์แมนคิดว่ามันแปลกไปใหญ่เมื่อไม่พบลูกแมวทั้งสองอยู่กับคาร์ลในตอนนี้แต่เขาก็ไม่คิดที่จะถามอะไรออกไปเช่นกัน
คาร์ลสามารถเจอตัว‘อันโตนิโอ กิลล์’ได้ทันทีที่เดินผ่านสวนหย่อมเข้ามา แน่นอนว่าคาร์ลแกล้งทำเป็นเรื่องบังเอิญ
“โอ้! นายน้อยคาร์ล ท่านหลับสบายดีหรือไม่?”
“…บังเอิญจริงๆที่ได้เจอนายน้อยอันโตนิโอที่นี่..ข้าหลับสบายดี..ต้องขอบคุณท่านจริงๆที่ให้ข้าได้พักในที่ดีๆเช่นนี้”
คาร์ลและอันโตนิโอจับมือทักทายกันอย่างมีความสุข
อันโตนิโอลอบสังเกตคาร์ลที่แต่งชุดขุนนางเต็มยศแม้จะไม่สิ่งใดให้ทำในสถานที่แห่งนี้ก็ตาม
‘คาร์ล เฮนิตัส’ คนสนิทขององค์ชายรัชทายาท นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ช่วยป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้ายในเมืองหลวงและยังทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์จนได้รับเหรียญกล้าหาญจากจักรวรรดิ
คนผู้นี้ส่งองครักษ์ประจำกายมาที่คฤหาสน์กิลล์ล่วงหน้าเพื่อขอให้ได้เข้าพักที่นี่สัก2-3คืน นอกจากนี้เขายังขออย่างอื่นเช่นกัน
‘เราสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่?’
พูดคุย?
คาร์ลซึ่งเป็นคนสนิทขององค์ชายรัชทายาทและอันโตนิโอผู้เป็นคนสนิทขององค์ชายพระองค์อื่นทั้งยังเป็นว่าที่ดยุกผู้ปกครองอาณาเขตซึ่งเป็นดินแดนสำคัญทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักร ทางเดินของพวกเขาทั้งคู่แตกต่างกันอย่างชัดเจนแต่กลับมีบางสิ่งที่ต้องพูดคุยงั้นหรือ?
มันต้องเป็นการสนทนาที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างแน่นอน
อันโตนิโอรู้สึกว่าคาร์ลเห็นแก่ตัวและโลภไม่ต่างจากขุนนางคนอื่นๆเห็นได้จากที่เขาร้องขอให้มีการพูดคุยกันในครั้งนี้
การพูดคุยจะเกิดขึ้นในคืนนี้และแน่นอนว่ามันเป็นความลับ
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนายน้อยคาร์ล..เรายินดีต้อนรับท่านเสมอ..ว่าแต่ท่านทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง?”
อันโตนิโอดึงบทสนทนาแบบกันเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นรอยยิ้มสดใสของคาร์ลที่มอบให้แก่ตน
“ข้ายังไม่ได้ทานหรอก”
“เอ๊ะ? แต่ท่านกำลังจะออกไปข้างนอกนี่นา..ไม่ทานอะไรสักหน่อยหรือ?”
“ไม่เป็นไรหรอกนายน้อยอันโตนิโอ..ข้าวางแผนจะออกไปทานอาหารข้างนอกอยู่แล้ว”
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปทันทีหลังจากประโยคต่อไปของคาร์ลดังขึ้น เขาพูดมันขึ้นมาแม้จะวางท่าเป็นขุนนางผู้สง่างามอยู่ก็ตาม
“ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มีบาร์ชื่อดังจึงวางแผนไปทานอาหารเช้าที่นั่น”
“..อะไรนะ?”
อันโตนิโอรู้สึกตกใจกับประโยคนี้ของคาร์ล
แน่นอนว่าคาร์ลยังคงพูดในสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเช่นกัน
“พอดีข้าเป็นคนชอบดื่มนิดหน่อยและแอลกอฮอล์ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนเช้า..หลังจากนั้นข้าก็จะดื่มเบียร์ต่อ..ดื่มให้เหมือนกับกำลังทานซุปในตอนเช้าเลยล่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
อันโตนิโอนึกถึงฉายาเดิมของคาร์ลก่อนที่จะถูกเรียกว่านายน้อยแสงสีเงิน
ขยะไร้ค่า
อันโตนิโอยังคงมองไปที่คาร์ลตาค้างเมื่อได้ยินว่าเขาจะทำตัวเป็นขยะไร้ค่าในวันนี้
“ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงพักฟื้นเลยไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก..ก็เลยวางแผนที่จะไปดื่มตลอดทั้งวัน..ท่านว่าความคิดของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? มันสุดยอดไปเลยใช่มั้ย?”
คาร์ลกำลังบอกว่าตัวเองอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังจากใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณในจักรวรรดิ
เขาใช้เหตุผลนี้ในการขอเข้าพักในอาณาเขตกิลล์เพราะต้องการเดินทางไปพักฟื้นร่างกายในดินแดนอันอบอุ่นทางใต้จึงเลือกใช้อาณาเขตกิลล์เป็นที่พักระหว่างทาง
แต่คนที่กำลังพักฟื้นร่างกายกำลังคิดที่จะดื่มอย่างนั้นหรือ?
หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่อันโตนิโอจึงเอ่ยขึ้น
“..แล้วหลังจากนั้นท่านจะสามารถคุยกับข้าได้รึ?”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนายน้อยอันโตนิโอ..การพูดคุยหลังจากเหล้าเข้าปากยิ่งทำให้การสนทนายิ่งออกรสมากขึ้น..ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน”
คาร์ลยังคงวางท่าให้ดูน่าเคารพและเหมาะสมกับการเป็นขุนนางที่ดีแม้จะพูดสิ่งที่ดูไร้สาระเพียงใดก็ตาม ฮิลส์แมนเริ่มหน้าซีดในขณะที่รอนก็รีบเดินตามหลังคาร์ลไปทันที
“…ข้าไม่เข้าใจเขาเลย”
สายตาที่อันโตนิโอใช้มองคาร์ลเดินจากไปเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันปรากฏร่องรอยความผิดหวังเต็มดวงตาของเขา อันโตนิโอเป็นคนที่ตัดสินคนอื่นจากการกระทำที่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะการเป็นขุนนางนั้นจะต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ดูเหมือนคาร์ลจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานของขุนนางที่เขาตั้งเอาไว้
“มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือขอรับ?”
ฮิลส์แมนเอ่ยถามด้วยความกังวลแต่คาร์ลก็ไม่สนใจเขาเช่นกัน คาร์ลมุ่งหน้าไปยังชั้นสามทันทีที่เดินทางมาถึงบาร์ เขาเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ติดหน้าต่างก่อนจะมองแม่น้ำที่กำลังไหลอย่างช้าๆ
คาร์ลถอนสายตากลับมาเมื่อมีพนักงานร้านออกมารับเมนู
“ท่านต้องการสั่งเลยหรือไม่ขอรับ?”
พนักงานเอ่ยถามอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นสายตาของคาร์ล รูปลักษณ์อันสูงส่งและท่าทางอันสง่างามของบุคคลตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่า อย่างน้อยบุคคลผู้นี้ก็น่าจะดำรงตำแหน่งเคานต์เป็นอย่างต่ำ นั่นคือสิ่งที่เขาพยามระมัดระวังอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ขุนนางหนุ่มผู้นี้
คาร์ลไม่คิดที่จะดูเมนูแม้แต่น้อยเมื่อเริ่มพูดขึ้น
“เอาทั้งหมดที่ร้านเจ้ามี”
มันเป็นประโยคที่ดูหนักแน่นยิ่งนัก
“เอ่อ…ท่านว่าอย่างไรนะขอรับ?”
คาร์ลทวนสิ่งที่ตนพูดอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาสับสนของพนักงาน
“เอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่เจ้ามีมาอย่างล่ะหนึ่งขวด อ้อ! เอากับแกล้มที่แพงที่สุดในร้านของเจ้ามาด้วย”
ฮิลส์แมนกระพริบตาปริบๆให้กับสิ่งที่คาร์ลสั่งไปเพราะมันดูฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ คาร์ลจึงเอ่ยถามฮิลส์แมนออกไปตรงๆเมื่อเห็นว่าพนักงานเดินออกไปพร้อมกับสีหน้าตกใจแล้ว
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ฮิลส์แมนยิ้มให้คาร์ลอย่างสดใสซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของคาร์ล
“นายน้อยท่านยังไม่เปลี่ยนไปเลย! ใช่แล้ว! เชวฮันไม่ได้อยู่ที่นี่นี่นา! เอาล่ะเรามาซัดกันให้เต็มที่เลยขอรับ!ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆ”
คาร์ลส่ายศีรษะเบาๆอย่างเหนื่อยใจในขณะที่ฮิลส์แมนเริ่มเปิดขวดเหล้าพร้อมกับฮัมเพลงออกมาเบาๆ คาร์ลไม่คิดที่จะสนใจเขาอีกต่อไปและหันไปมองนอกหน้าต่างแทน
เขามองเห็นแม่น้ำที่ไหลผ่านอาณาเขตกิลล์
แม่น้ำสายนี้แยกสลัมออกจากส่วนที่เหลือของอาณาเขตและสามารถมองเห็นได้ชัดจากบาร์แห่งนี้ แน่นอนว่าคาร์ลสามารถมองเห็นสะพานได้เช่นกัน
หากจะไปที่สลัมต้องเดินข้ามสะพานนี้ไป
บ้านเก่าๆหลายสิบหลังก็ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานเช่นกัน
นั่นคือสถานที่ที่ใช้คุมขังผู้ถูกลักพาตัว
~..เราจะทำลายบ้านพวกนั้น! ไม่สิ?! เราจะกำจัดพวกชั่วให้หมด!~
คาร์ลฟังความเห็นอันชั่วร้ายของราอนก่อนจะหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มแทนแก้วที่ฮิลส์แมนรินไว้ให้
“น..นายน้อย!?”
ฮิลส์แมนเริ่มเป็นกังวล
แกร๊ก!
อย่างไรก็ตามฮิลส์แมนพลันได้สติกลับคืนเมื่อเห็นขวดเปล่าถูกกระแทกลงบนโต๊ะ เขาเห็นใบหน้าของคาร์ลเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน ในขณะที่คาร์ลก็หันไปหยิบเหล้าขวดใหม่ขึ้นมาดื่มทันที
แม้ว่าคาร์ลจะไม่ได้เมาแต่หน้าก็เริ่มแดงก่ำ เขาผลักเหล้าอีกขวดไปให้ฮิลส์แมนที่กำลังจ้องมาที่เขาอยู่ ฮิลส์แมนถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจำได้ว่าในอดีตคาร์ลใช้ขวดเหล้าในลักษณะใดก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบเหล้ามาดื่มตามความต้องการของคาร์ลทันที
คาร์ลปักหลักดื่มเหล้าตลอดทั้งวันโดยไม่คิดพูดจาอะไรกับใคร ในที่สุดเขาก็เริ่มเอ่ยขึ้นเมื่อพระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง
“ฮิลส์แมน”
“ขอรับนายน้อย!”
ในฐานะองครักษ์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ของตนอยู่เขาหยุดตัวเองไมให้ดื่มตั้งแต่หมดแก้วที่สามแล้ว เขาชื่นชมความสามารถในการดื่มของคาร์ล ประสบการณ์จากการทำตัวเป็นขยะไร้ค่าของคาร์ลในอดีตไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยทีเดียว เมื่อคาร์ลสามารถดื่มเหล้าได้ตลอดทั้งวันโดยไม่มีอาการเมาให้เห็นเลยสักนิด
คาร์ลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“รอน”
“ขอรับ”
รอนที่นั่งเงียบๆลุกขึ้นยืนพลางขานกลับทันควัน
คาร์ลหันไปมองชายทั้งสองที่กำลังรอฟังคำสั่งจากเขาอยู่ เขายกขวดเปล่าขึ้นมาถือไว้ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน เขามองเห็นฟรีเซียที่กำลังส่งสัญญาณให้เขาตรงปลายสะพานภายใต้ท้องฟ้าที่ทอสีส้มคล้ายกับกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง
สมาคมการค้ามาจากจักรวรรดิตามที่คาร์ลคาดเอาไว้
ครืดดดด!!!
คาร์ลลุกขึ้นยืนและเอ่ยขึ้น
“วันนี้ข้าจะใช้โล่”
“..อะไรนะขอรับ? ทำไมถึงกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
‘นายน้อยเมาหรือเปล่านะ?’
ฮิลส์แมนคิดว่าคาร์ลกำลังเมาแต่คาร์ลเพียงแค่ยิ้มและเอ่ยต่อทันที
“ข้าต้องการทำลายพวกมัน”
เขากำลังพูดถึงบ้านสิบหลังที่ตั้งเรียงรายกันอยู่