บทที่ 189 เป้าหมายเล็กๆ 4 (2)
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องไปพบองค์ชายเอดินแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มผมขาวตอบกลับอย่างวางท่าและเริ่มมีอาการหงุดหงิดให้เห็น จู่ๆเขาก็มีออร่าบางอย่างที่ยากจะเข้าไปใกล้ได้ พราวินต้องการตวาดกลับแต่สายตาที่เด็กหนุ่มผู้นี้จ้องมาที่เขาเริ่มทำให้เขาหายใจลำบาก
คาร์ลเรียกใช้รังสีเหนืออำนาจเมื่อเริ่มเจราจากับพราวินและลูกน้องของเขาอีกครั้ง
“ พราวิน ซิงเท็น”
พราวินทำได้แค่จ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มที่กำลังหมุนมานะแห่งอัคคีเล่นราวกับมันเป็นของราคาถูก นั่นก็เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
“ระหว่างจักรวรรดิและวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน..ฝ่ายใดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า?”
มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครคาดคิดแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถตอบมันได้
มันต้องเป็นวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันอย่างไม่ต้องสงสัย สถานที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานและถูกก่อตั้งมานานกว่าจักรวรรดิหลายปี แน่นอนว่าคำถามนี้ง่ายยิ่งนัก
สีหน้าของพราวินเริ่มเปลี่ยนไป ในขณะที่ชายหนุ่มผมขาวพูดต่อด้วยความมั่นใจ
“มันย่อมมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พวกเขาดำรงอยู่มาได้อย่างยาวนาน”
คริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันดำรงอยู่มาอย่างยาวนานและนานกว่าจักรวรรดิหลายปี หากให้ระบุให้ชัดขึ้นต้องบอกว่าคริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันได้วางรากฐานก่อนที่จักรวรรดิจะก่อตั้งขึ้นในทวีปตะวันตก พราวินนึกถึงคริสตจักรและอาณาจักรต่างๆที่ล่มสลายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
เมื่อไม่นานมานี้พราวินได้ถอดวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันออกจากพันธมิตร จึงเป็นสาเหตุที่เขาเลือกเข้าข้างจักรวรรดิและวางแผนที่จะดึงเอามานะแห่งอัคคีกลับคืนมาเพื่อยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เขามีต่อวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
อย่างไรก็ตามเขาเริ่มลังเลเมื่อเห็นท่าทางของบุคคลที่อยู่ตรงหน้า
เด็กหนุ่มคนนี้ดูมั่นใจมาก
‘ดูเหมือนเขากำลังจะสื่อว่าวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันยังไม่ได้ล่มสลาย? เขากำลังพูดราวกับว่าวิหารแห่งนี้จะสามารถอยู่ได้ยาวนานกว่าจักรวรรดิ’
หลากหลายอารมณ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพราวินนอกเหนือไปจากความโกรธและความกังวล มันเป็นสีหน้าของพ่อค้าที่ต้องการรู้เกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“พราวิน ซิงเท็น..ใครๆต่างก็รู้ว่าความสามารถทางการเมืองของท่านยอดเยี่ยมเพียงใด”
นั่นคือเรื่องจริง พราวินเห็นด้วยกับสิ่งที่เด็กหนุ่มผู้นี้พูด เขามีความสามารถทางด้านการเมืองจริงๆ
“ถ้าท่านมีความสามารถดังกล่าวจริงท่านควรรู้ว่าข่าวร้ายจากจักรวรรดิคือสิ่งใด?”
สีหน้าของพราวินเปลี่ยนไปอีกครั้งตามอารมณ์ที่ไม่คงที่ของเขา
คาร์ลลอบถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางของพราวินในตอนนี้ พราวินอาจกำลังคิดถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดตำหนักแสงตะวันและการพยายามลอบสังหารหัวหน้าหอระฆัง
แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่พราวินคิดจริงๆ
จักรวรรดิได้ปกปิดรายละเอียดของทั้งสองเหตุการณ์เอาไว้แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าคนร้ายคือข้ารับใช้และอัศวินยังคงแพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า
‘หรือว่า?’
คนร้ายมีความเกี่ยวข้องกับวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน?
เป็นไปได้หรือไม่ที่วิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันได้ส่งสายลับเข้าไปแทรกซึมในพระราชวัง?
ความคิดดังกล่าวผุดเข้ามาในหัวเขาอย่างรวดเร็วแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีคำถามอื่น
‘เหตุใดพวกเขาถึงพุ่งเป้าไปที่หัวหน้าหอระฆัง? หรือว่าพวกเขารู้เรื่องการค้าทาส? แล้วพวกเขารู้สิ่งที่ข้าทำหรือไม่?’
ดวงตาของพราวินเริ่มสั่นเล็กน้อย
~มนุษย์! ตาของเขาสั่นไม่หยุดเลย!~
คาร์ลแต้มรอยยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดเมื่อได้รับสัญญาณจากราอน
“ท่านพราวิน..ลองคิดดูดีๆสิ”
พราวินเริ่มทำตามที่เขาบอก
‘คนผู้นี้จะเป็นใครได้บ้าง?’
คนที่เขาเคยเรียกว่า ‘ไอ้บ้า’หรือ ‘ไอ้งั่ง’ได้กลายเป็นสิ่งเรียกใหม่ในใจของเขา แน่นอนว่าพราวินไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในใจของเขาเลยลักนิด เสียงพูดแกมหัวเราะดังเข้ามาในหูของเขาในตอนนั้น
“ท่านคิดว่าข้าเป็นใคร?”
ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากสีขาวกำลังบอกให้พราวินพิจารณาให้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใครกันแน่? อย่างไรก็ตามพราวินไม่สามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้ ‘ผมขาว’มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรพารันแต่อาณาจักรพารันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันเช่นกัน
โชคดีที่เขารู้บางอย่างจากประโยคถัดไปของชายผู้นี้
“ลองคิดดู..ว่าทำไมข้าถึงมาหาท่าน?”
‘ทำไมเขาถึงมาหาข้างั้นรึ?’
ดูจากบุคลิกของชายผู้นี้ไม่เหมือนคนที่จะใช้สร้อยเพียงเส้นเดียวมาขมขู่ตัวเขาได้ ชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่คิดและทำการใหญ่เสียมากกว่า
“ลองคิดดูว่าจำนวนเงินที่ข้าเรียกร้องจากท่าน..เป็นเพียงแค่ราคาสร้อยเส้นนี้จริงๆหรือ? พิจารณาดูดีๆสิ”
30,000 ล้านคอนด์!
ในหัวของพราวินกระจ่างขึ้นทันที เขาตระหนักได้ว่าเงิน 30,000 ล้านคอนด์นั้นใช้เพื่อสิ่งใด?
มันเป็นเงินที่เขาต้องใช้เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันอีกครั้ง
มันอาจจะเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับจักรวรรดิหรือวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน หรือไม่ก็กับทั้งสองฝ่าย
‘ไม่สิ!..แม้แต่ชะตาของสมาคมการค้าซิงเท็นก็ขึ้นอยู่กับเงินก้อนนี้เช่นกัน’
ถ้าชายผู้นี้และคนที่ทำงานให้เขากระจายข้อมูลเกี่ยวกับการค้าทาสไปยังอาณาจักรอื่นล่ะ? แล้วถ้าเขาเกิดแพร่ข่าวนี้ให้กับคนในอาณาจักรคาโรทราบเดี๋ยวนี้ล่ะ? มีคนจำนวนมากที่ถูกจับไปขายในจักรวรรดิแล้วเขาจะรับมือกับเรื่องนี้ไหวได้อย่างไร?
ความเสี่ยงและผลตอบแทน
ดูเหมือนว่าทุกๆอย่างจะถาโถมเข้ามาพร้อมกันราวกับคลื่นที่ซัดกระหน่ำใส่เขา ทันใดนั้นเสียงเรียบเย็นก็ดังขึ้น
“ท่านจะคิดหนักให้มันได้อะไรขึ้นมาแค่ทำตามวิธีการของท่านก็พอแล้ว”
พราวินเงยหน้ามองชายหนุ่มผู้นี้ทันที
แน่นอนว่าคาร์ลกำลังแบ่งปันความจริงให้พราวินได้ตระหนักอีกครั้ง
“มีแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นล่ะที่จะสามารถอยู่รอดได้”
ใจที่อัดอั้นของพราวินหายวับไปทันที
ปึ่ก!
พราวินก้มมองกระเป๋าเวทย์บนโต๊ะ ในขณะที่ร่างของชายตรงหน้าเริ่มเลือนหายไปช้าๆ
พรึ่บ!
ผ้าม่านถูกเปิดออกอีกครั้งและเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย
พราวินยังคงนั่งนิ่งบนโซฟาและครุ่นคิดบางอย่างอีกครู่ใหญ่ หลังจากใคร่ครวญเป็นเวลานานเขาก็คว้ากระเป๋าเวทย์บนโต๊ะมาถือไว้
“นี่คือสินค้าชิ้นที่ห้าของเรา!”
คลิ๊ก!
พราวินเดินออกจากห้องระเบียงอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงของผู้ดำเนินการประมูลเลยสักนิด
ในขณะนั้นบิลอสที่อยู่ในห้อง ร-4 ก็เริ่มพูดขึ้นแม้ว่าตัวเขาจะมองไม่เห็นคนอื่นนอกจากรอนเพียงคนเดียว
แปะ!
เขารีบรายงานอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่ามีคนแตะมาที่ไหล่ของเขา
“ท่านหัวหน้านักบวชอยู่ที่ห้อง ร-1 ขอรับ!”
คาร์ลเริ่มยิ้ม
เขาวางแผนที่จะจัดการเหยื่ออีกรายในวันสุดท้ายของการประมูล เขาจะดำเนินการจัดประมูลแบบส่วนตัวกับเหยื่อรายนี้
‘ราตรีหรรษา’
เขายังไม่ได้ตั้งราคาเริ่มต้นให้กับมัน
‘ฉันจะเรียกเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะมอบให้ฉันได้’
เหยื่อรายนี้คงจะสร้างกำไรให้เขาได้มากทีเดียว