บทที่ 191 เป้าหมายเล็กๆ 6 (1)
คนที่คาร์ลเรียกว่าหัวหน้านักบวชยังคงเงียบ สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่กวาดสายตามองคาร์ลไปทั่วร่างเท่านั้น เสียงของผู้ดำเนินการประมูลดังเข้ามาให้พวกเขาได้ยิน
“สิ้นค้าชิ้นแรกของเราคือปากกาหมึกซึมที่ประดับด้วยขนอันงดงาม!..แน่นอนว่าขนดังกล่าวเป็นขนของสัตว์อสูรที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก!”
เสียงมันดังมากพอที่จะทำลายความเงียบในห้องระเบียง ร-1 ได้
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?”
เสียงแหบแห้งดังก้องทั่วห้องร-1 ข้ารับใช้เอ่ยปากดำเนินการตามข้อตกลงแทนที่จะแนะนำตัวเองว่าเขาคือหัวหน้านักบวชจริงหรือไม่? เขาเอ่ยถามราคาจากชายนิรนามตรงหน้าและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก
‘เจ้าเป็นใคร?’ หรือ‘เจ้ามีของจริงหรือไม่?’
คำถามเหล่านี้ไม่จำเป็นเลยสักนิด
สำหรับหัวหน้านักบวชที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนตลอดช่วงชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่ถือเป็นสิ่งสำคัญคือหนึ่งบรรทัดที่อยู่ในจดหมายเชิญ
< ท่านอยากได้เครื่องมือพระเจ้าหรือไม่?>
ความน่าเชื่อของจดหมายเชิญถูกเพิ่มเติมด้วยอีกหนึ่งประโยค
< ราตรีหรรษาที่พระสันตะปาปาซุกซ่อนเอาไว้ถูกค้นพบโดยข้า….ท่านมาซื้อจากข้าไปสิ!>
หัวหน้านักบวชทราบดีว่าพระสันตะปาปาที่ตายไปแล้วเป็นคนโลภเพียงใด นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการราตรีหรรษาไปครอง นอกจากนี้หัวหน้านักบวชยังรู้อีกว่าพระสันตะปาปามีห้องลับไว้ซ่อนสมบัติของเขาทั้งหมด
เป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องมือพระเจ้าถูกซ่อนไว้ในนั้น?
หัวหน้านักบวชต้องการตำแหน่งพระสันตะปาปา เขากำลังรอโอกาสที่จะยึดตำแหน่งนี้มาครอง
เขายังคงสังเกตชายสวมหน้ากากสีขาวที่อยู่ตรงหน้า
ชายผู้นี้ยังไม่ให้คำตอบว่าต้องการขายสินค้าให้เขาเท่าไหร่? ก่อนปากที่ปิดสนิทมาได้ครู่หนึ่งของชายตรงหน้าจะเริ่มขยับช้าๆ
“พวกเขาต่างบอกว่าราตรีหรรษาจะเปล่งประกายยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสกับพลังเวทย์แห่งความตาย..ราตรีหรรษาจะมีปฏิกิริยาแตกต่างจากสิ่งอื่นๆเมื่อมันสัมผัสเข้ากับพลังเวทย์แห่งความตาย”
หัวหน้านักบวชถอนหายใจและตอบกลับไปยังชายสวมหน้ากากที่เริ่มพูดจาไร้สาระ
“อะไร? เจ้าต้องการนำราตรีหรรษาที่เจ้ามีไปเทียบกับของปลอมที่ตั้งอยู่ในวิหารอย่างนั้นรึ?”
หัวหน้านักบวชได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของชายตรงหน้า
“ท่านผู้เฒ่า..ท่านช่างน่ากลัวจริงๆ”
คาร์ลนึกชมตาแก่คนนี้ที่รู้เท่าทันเขา
“หากเจ้าโตขึ้นเจ้าก็จะรู้เองล่ะว่ามันเป็นเรื่องปกติเพียงใด”
นักบวชที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสะดุ้งโหยง อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เดินหนีออกไปไหน นักบวชที่จับแขนคาร์ลไว้เมื่อครู่เพียงหลบไปยืนอยู่เงียบๆและแกล้งทำเป็นไม่สนใจหัวหน้านักบวชที่อยู่ในชุดข้ารับใช้ซอมซ่อและผู้บุกรุกคนนี้
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?”
หัวหน้านักบวชเอ่ยถามราคาอีกครั้ง
ราตรีหรรษาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาทันที
“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นสายลับจากจักรวรรดิหรอกใช่มั้ย?”
หัวหน้านักบวชตอบคำถามของชายตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าจะเป็นสายลับจริงหรือไม่?…มันก็ไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่ว่าเจ้าเป็นพ่อค้าที่พยายามขายสินค้าให้กับข้าหรอกนะ”
‘เพื่อนคนนี้ฉลาดจริงๆ’
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็นสายลับจากจักรวรรดิจริงหรือไม่? หัวหน้านักบวชก็สนใจเพียงแค่โอกาสที่จะได้รับราตรีหรรษากลับคืนมาและก็ซื้อเครื่องมือพระเจ้ามาครองเท่านั้น
คาร์ลค่อนข้างพอใจในตัวหัวหน้านักบวชผู้นี้ อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่คิดที่จะแก้ความเข้าใจผิดของหัวหน้านักบวชเช่นกัน
พ่อค้า
คาร์ลไม่ใช่พ่อค้าแต่เป็นนักล่าต่างหาก
เขาวางแผนที่จะใช้เหยื่อทีละตัวๆออกมาล่อให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาติดกับ
เหยื่อตัวแรกคือเครื่องมือพระเจ้า หัวหน้านักบวชจะซื้อราตรีหรรษากลับคืนไปเพื่อที่ตัวเองจะได้มีโอกาสครอบครองเครื่องมือพระเจ้า เขาต้องการวิธีที่สามารถติดต่อคาร์ลได้ในภายหลัง
คาร์ลเริ่มพูด
“เท่าไหร่ดีนะ?”
“อะไรนะ? ฮึ!”
หัวหน้านักบวชหัวเราะออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
เจ้าขยะตรงหน้ากำลังให้เขาตั้งราคาเริ่มต้นแต่เขาก็ค่อนข้างชอบวิธีนี้เช่นกัน
ทำไมนะเหรอ?
เพราะพ่อค้าคนนี้รู้ว่าใครควรเป็นคนคุมเกม
พ่อค้านิรนามที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้คุมเกมในครั้งนี้ นั่นคือสาเหตุที่เขาเริ่มกดดันหัวหน้านักบวช แน่นอนว่าเขาชอบคนฉลาดเช่นนี้ มันทำให้เขารับมือได้ง่ายขึ้น คนฉลาดและมีเหตุผลจะสามารถเข้าใจได้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและจะไม่พยายามเรียกร้องสิ่งที่ทำให้ตัวเองตกเป็นรองจนทำให้คว้าน้ำเหลวกลับไป
“5,000 ล้าน”
ราคา 5,000 ล้านคอนด์คือจำนวนเริ่มต้นที่หัวหน้านักบวชตั้งขึ้น
มันเป็นราคาที่สมเหตุสมผลที่สุดสำหรับราตรีหรรษา นี้เป็นราคาของมันเมื่อครั้งที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรก หากพิจารณาว่ามันคือราคาที่ถูกซื้อขายเมื่อนานมาแล้วจะสามารถบอกได้ทันทีว่าราคานี้แพงยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับหน้าเลือดยิ่งกว่า
“เท่าไหร่ดีนะ?”
หัวหน้านักบวชสวนกลับทันควัน
“6,000 ล้าน”
การประมูลของพวกเขาทั้งคู่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ท่าทีของพวกเขาทั้งสองยังคงสงบนิ่ง
“เท่าไหร่ดีนะ?”
“7,000 ล้าน”
พวกเขาได้ยินเสียงการประมูลที่ดังมาจากด้านนอก
“เอาล่ะ..ตอนนี้ราคาประมูลของเราอยู่ที่ 300 ล้านคอนด์! มีใครเสนอราคาเพิ่มอีกหรือไม่?! โอ้! ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1,000 ล้านคอนด์!”
คาร์ลเอ่ยถามขึ้นในเวลาเดียวกัน
“เท่าไหร่ดีนะ?”
ดูเหมือนนักบวชที่ยืนฟังอยู่เงียบๆจะเริ่มกังวลเมื่อได้ยินชายนิรามเอ่ยประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมา ดูเหมือนเขาจะสะดุ้งทุกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่คนทั้งสองพูดคุยกัน
“8,000 ล้าน”
นักบวชอ้าปากค้างให้กับราคาที่หัวหน้าของตนเสนอขึ้นอีกครั้ง
ทั้งท่านหัวหน้าและผู้บุกรุกทำให้เขาหายใจลำบาก
“เท่าไหร่ดีนะ?”
หัวหน้านักบวชบอกได้ทันทีว่าชายตรงหน้าเขาเริ่มเบื่อแล้ว
“10,000 ล้าน”
10,000 ล้านคอนด์
ราคาสูงถึงระดับหมื่นล้านแล้ว แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากราคาดั้งเดิมของมันแต่หัวหน้านักบวชสามารถบอกอะไรได้บางอย่างเมื่อจ้องเข้าไปในดวงตาของชายสวมหน้ากากผู้นี้
‘แค่นี้ยังไม่พอ’
นั่นคือความหมายจากสายตาดังกล่าว
หัวหน้านักบวชเอ่ยขึ้นก่อนที่คาร์ลจะทันได้พูดอะไร
“15,000 ล้าน”
ตอนนี้เขาปัดเรื่องราคาของราตรีหรรษาออกไป ราคาที่เขาเสนอออกไปนั้นคือราคาของเครื่องมือพระเจ้าและตำแหน่งพระสันตะปาปาของเขา
จากนั้นเขาก็เอ่ยเพิ่มเติม
“แต่วันนี้ข้าคงไม่สามารถหาเงินสดให้เจ้าได้มากกว่า 10,000 ล้านหรอกนะ”
“เท่าไหร่ดีนะ?”
“ห๊ะ?”
หัวหน้านักบวชได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะจ้องเขม็งไปยังชายสวมหน้ากาก
“นั่นคือประโยคเดียวที่เจ้าพูดเป็นหรือไง? เด็กน้อย..เจ้าควรให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสหน่อยสิ”
แม้ว่าประโยคของหัวหน้านักบวชจะดูเหมือนกำลังดุคาร์ลอยู่แต่น้ำเสียงของเขากลับฟังดูอ่อนโยนยิ่งนัก หากให้พูดตรงๆต้องบอกว่าน้ำเสียงของเขาดูรักและเอ็นดูคาร์ลเป็นพิเศษ แต่คาร์ลไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกด้วยการกระทำเช่นนี้ได้
คาร์ลเหนื่อยที่จะพูดออกมาจึงเอ่ยถามผ่านสายตาแทน
‘เท่าไหร่ดีนะ?’
หัวหน้านักบวชยกมือขึ้นราวกับยอมแพ้พลางตอบกลับทันควัน
“20,000 ล้าน”
“เฮือก!”
พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงอุทานจากนักบวชที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนเขาจะตกใจกับราคาดังกล่าวไม่น้อย
“นั่นคือจำนวนสูงสุดที่ข้าให้ได้”
หัวหน้านักบวชส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจ
เขาพยายามแสดงให้คาร์ลเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่คาร์ลได้เรียนรู้เมื่อครั้งที่เขาเป็นคิมร็อกโซ
‘ต้องหาโอกาสเหมาะๆในการโจมตีพวกขี้โกงสักครั้ง’
หัวหน้างานของเขาในอดีตได้สอนทุกๆอย่างเกี่ยวกับการทำงานให้แก่เขาก่อนจะส่งต่อตำแหน่งหัวหน้างานให้เขารับช่วงต่อ
นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีมาก
“เท่าไหร่ดีนะ?”
“เจ้า!…ไอ้บ้าเอ้ย!!”
หัวหน้านักบวชเริ่มสบถเสียงดัง
คาร์ลไม่คิดสนใจเช่นกันเพราะครั้งที่เป็นคิมร็อกโซเขาได้ยินทั้งคำสบถและคำด่าทอมาโดยตลอด คนที่ในหัวมีแต่เรื่องขี้โกงและความคิดไม่ดีต่อผู้อื่นเมื่อตัวเองถูกเล่นงานเข้าก็มักจะสบถหยาบคายออกมาเช่นนี้เสมอ
หัวหน้านักบวชหลับตาลงและเอ่ยขึ้น
“…22,000 ล้าน”
“23,000 ล้าน”
“เจ้ามันเลว!”
ราตรีหรรษามีราคาถึง 23,000 ล้านคอนด์ หัวหน้านักบวชยกมือขึ้นมาลูบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน อย่างไรก็ตามคาร์ลยังจำสิ่งที่หัวหน้างานพูดอีกอย่างหนึ่งได้
‘หากมันเป็นเงินที่โกงคนอื่นมาและพวกเขายังมีเงินเหลืออีกเยอะ..เราก็ควรลองโจมตีพวกเขาอีกสักครั้งแล้วรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง’
อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่มีแผนที่จะทำเช่นนั้นกับหัวหน้านักบวช
‘แต่ถ้านายอยากจะใช้มันในภายหลังก็แค่ทำให้พวกเขามีโอกาสได้หายใจคล่องไปก่อน’