บทที่ 188 เป้าหมายเล็กๆ 3 (2)
บิลอสคิดว่าคาร์ลรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้ในช่วงเวลานั้นเช่นกัน หากให้เขาพูดตามตรงต้องบอกว่าคาร์ลดีกว่าตัวเขามากนัก คาร์ลสามารถรวบรวมทั้งพลังและความสามารถต่างๆของตนเองแม้จะใช้ชีวิตเป็นขยะไร้ค่าอยู่ก็ตาม
‘เขากำลังคิดจะทำอะไรนะ?’
ในชีวิตของบิลอสมองเพียงแค่เม็ดเงินและใช้ชีวิตเรียบเรื่อยตามปกติของมนุษย์ทั่วๆไปเท่านั้น
ตัวตนของคาร์ลที่เขาได้รู้จักในช่วงสองปีที่ผ่านมากำลังบอกบางอย่าง เขากำลังคิดว่าการที่คนๆหนึ่งที่เลือกซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนเอาไว้และเริ่มเผยความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาช้าๆ มันย่อมหมายความว่าโลกกำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่าง
บิลอสเผลอกำเชือกที่ตนนั่งไว้แน่น
‘..ไม่เพียงแต่ซ่อนพลังที่แข็งแกร่งอาไว้แม้แต่สมองอัญชาญฉลาดของเขาก็ถูกซุกซ่อนเอาไว้เช่นกัน’
จุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือที่พักของหัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็น บิลอสเห็นหมอกที่ชวนขนลุกรายรอบบริเวณที่พัก เขารู้ว่าคาร์ลเลี้ยงแมวเอาไว้แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะสามารถสร้างหมอกขึ้นมาได้
‘ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะมียอดฝีมือและสายข่าวที่เก่งกาจขนาดนี้’
หนึ่งในสายข่าวของคาร์ลสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เขากำลังเคลื่อนตัวช้าๆไปตามคำสั่งของคาร์ล สมาคมการค้าของบิลอสก็มีพ่อค้าที่ทำหน้าที่เป็นสายข่าวเช่นกันแต่บิลอสยังไม่เคยเห็นสายข่าวมืออาชีพเช่นนี้มาก่อน
‘ความจริงที่ว่าเขาสามารถเข้าใกล้ตัวหัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นได้..แสดงว่าเขาต้องเป็นนักฆ่าระดับสูง’
บิลอสไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร
บิลอสอาจตกใจจนแทบเป็นลมหากรู้ว่านักฆ่าคนนี้คือรอนซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ยื่นชามะนาวผสมน้ำผึ้งให้กับเขาเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตามยังมีอีกคนหนึ่งที่อาจตกใจมากกว่าบิลอสก็เป็นได้ เขาคือเจ้าของบ้านพักที่คาร์ลกำลังลอบมองอยู่
‘พราวิน ซิงเท็น’
เขาคือคนที่ทำให้สมาคมการค้าซิงเท็นประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้และเป็นคนเดียวกับที่วาดฝันเอาไว้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นสมาคมการค้าที่ดีที่สุดในจักรวรรดิและทวีปตะวันตกต่อไป
ขณะนี้เขากำลังใช้แก้วไวน์เคาะไปบนโต๊ะเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
“…เขารู้ได้อย่างไร?”
กึก!กึก!กึก!กึก!
แม้แต่เสียงแก้วกระทบโต๊ะไม้ก็สามารถเข้าไปรบกวนความคิดของเขาตอนนี้ได้
‘มานะแห่งอัคคี?’
มานะแห่งอัคคีคืออัญมณีราคาแพงที่เขามอบให้พระสันตะปาปา ในตอนนั้นเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกผูกมิตรกับราชวงศ์จักรวรรดิหรือวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันดี สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะผูกมิตรกับทั้งสองฝ่าย พระสันตะปาปาคือหัวหน้านักบวชที่แกล้งทำเป็นคนดี ซื่อสัตย์และเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม หัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นสามารถใกล้ชิดเขาได้เมื่อมอบมานะแห่งอัคคีเพื่อเป็นของขวัญให้กับพระสันตะปาปา
แน่นอนว่าเรื่องนี้ราชวงศ์จักรวรรดิไม่เคยรู้มาก่อน
‘ข้าไม่คิดมาก่อนว่ามันจะบีบให้ข้าถึงทางตันเช่นนี้!’
สายตาของพราวินพุ่งไปที่มุมหนึ่งของโต๊ะ เขาเห็นจดหมายฉบับหนึ่งถูกเปิดเอาไว้
< มานะแห่งอัคคีจะปรากฏโฉมขึ้นในการประมูลที่จะมาถึง..โปรดมายังสถานที่แห่งนี้หากท่านต้องการยลโฉมมันก่อนใคร>
“บ้าเอ๊ย!..อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าเป็นใคร?!”
พราวินขบฟันแน่นด้วยความโกรธ
จดหมายฉบับนี้บังคับให้เขาต้องมาที่งานประมูลของอาณาจักรคาโร แม้ว่าเขาจะยุ่งมากและไม่สามารถพาผู้ติดตามมาจำนวนเยอะๆได้แต่เขาก็ต้องมาเพราะไม่สามารถให้ข้อมูลนี้หลุดถึงหูจักรวรรดิได้
เขาไม่สามารถแม้แต่จะนำสมาคมนักฆ่าที่คอยคุ้มกันเขามาได้ด้วยซ้ำ
‘ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะองค์ชายเอดินมีสายข่าวแทบทุกที่’
องค์ชายเอดินจับตาดูองค์กรลับและสมาคมนักฆ่าต่างๆมาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารรองหัวหน้าหอระฆังและส่วนหนึ่งของตำหนักแสงตะวันถูกทำลายลง พราวินไม่สามารถทำอะไรเสี่ยงๆด้วยการพาคนของตนข้ามมายังชายแดนต่างอาณาจักรในสถานการณ์เช่นนี้ได้
ตอนนี้เขาไม่สามารถเผยอาวุธลับของตนเองให้ใครได้เห็น
‘…และตอนนี้ข้าไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน’
อย่างน้อยเขาก็ได้นำรองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าและอัศวินฝีมือระดับสูงมาเป็นองครักษ์ในครั้งนี้ ตราบใดที่ศัตรูของเขาไม่ใช่ปรมาจารย์เพลงดาบระดับสูงเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเช่นกัน
กึก!กึก!กึก!กึก!
เสียงแก้วกระทบกับโต๊ะยังคงดังต่อเนื่อง
‘ข้าต้องจับไอ้สวะที่ส่งจดหมายฉบับนี้มาให้ได้!..หากมันมีมานะแห่งอัคคีอยู่จริงข้าก็ต้องชิงมันกลับคืนมา!’
เขาไม่สามารถปล่อยให้จุดอ่อนดังกล่าวเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
กึก!กึก!กึก!กึก!
เคร้ง!
กึก!—
“…หืม?”
เข้าได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
เคร้ง!
เขารีบหันศีรษะของตนไปมองระเบียงห้องทันที ประตูกระจกที่กั้นระเบียงเอาไว้มีผ้าม่านบังไว้ครึ่งหนึ่งแต่ก็พอมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“…หมอก?”
โดยปกติแล้วอาณาจักรคาโรจะมีสภาพอากาศที่แห้งแล้งและฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล หมอกหนาทึบเช่นนี้จึงเรียกความสนใจจากพราวินได้พอสมควร
ฝ่ามือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ
หมอกเป็นสีแดง มันต้องไม่ใช่หมอกธรรมดาๆอย่างแน่นอน
เอี๊ยด!
ประตูห้องถูกเปิดออก
“ท่านหัวหน้า!”
เป็นรองหัวหน้าสมาคมนักฆ่านั่นเอง
“ไปตรวจสอบดู!”
เขามุ่งหน้าไปตรวจสอบบริเวณระเบียงห้องตามคำสั่งของพราวินทันที อัศวินกลุ่มหนึ่งรีบเข้ามาคุ้มกันพราวินอย่างรวดเร็ว ในมือของพวกเขาถือยาแก้พิษเอาไว้และหยิบอุปกรณ์เวทย์ที่มีคุณสมบัติเป็นโล่ป้องกันเตรียมพร้อมรับมือทันที
ทันใดนั้นเอง
เคร้ง!
พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างที่กำลังพุ่งเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง
อัศวินกระชับดาบในมือของตนแน่นขึ้นในขณะที่รองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าจับดาบของตนด้วยมือเดียวอย่างเตรียมพร้อมและเปิดผ้าม่านออกทันที
ฟรึ่บ!
ม่านถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
และไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่ตรงนั้น
“..หืม?”
พราวินอุทานออกมาเบาๆ
อย่างไรก็ตามรองหัวหน้าสมาคมนักฆ่ากลับพบของบางอย่างอยู่บนระเบียง มันไม่ใช่สิ่งที่พอปะทะกับประตูกระจกแล้วจะเกิดเสียงดังขึ้นมาได้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สิ่งที่เขาเห็นคือจดหมายเล็กๆฉบับหนึ่ง
จดหมายดังกล่าวถูกส่งไปให้พราวินก่อนที่มันจะถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว มีเพียงข้อความสั้นๆที่ถูกระบุเอาไว้
< ร-3 >
มันเป็นหมายเลขที่นั่งสำหรับการปะมูลระดับวีไอพี
พราวินหันไปจ้องรองหัวหน้านักฆ่าและอัศวินของตนอย่างโกรธจัด
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่!”
ทั้งนักฆ่าและอัศวินไม่ลงมือทำสิ่งใดเลยแม้ว่าหมอกหนาทึบจะกระจายไปทั่วบริเวณไหนจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาวางจดหมายฉบับนี้ถึงที่นี่ได้
อย่างไรก็ตามพราวินที่กำลังโกรธจัดต้องตกใจกับคำตอบที่ได้รับจากนักฆ่าฝีมือระดับสูง
“ต้องขออภัยด้วยขอรับท่านหัวหน้า..ข้าน้อยรีบไปตรวจสอบทันทีที่เห็นหมอกทึบแต่ข้าน้อยไม่เห็นผู้ใดเลยขอรับและเราก็ได้วางกำลังลาดตระเวนตามที่คุยกันไว้แล้วด้วย”
พวกเขาได้วางแผนการคุ้มกันหัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นอย่างเป็นระบบก่อนที่จะออกเดินทางมายังอาณาจักรคาโรซึ่งพราวินเองก็ได้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนหน้านี้เช่นกัน
นั้นคือสาเหตุที่พราวินโกรธจัดเมื่อคิดว่าลูกน้องของตนละเลยการปฏิบัติหน้าที่
แต่ความจริงที่เขาได้ฟังกลับต่างออกไป
รองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
“ท่านหัวหน้า…แม้แต่ตอนนี้ข้าน้อยก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆเลยขอรับ..สิ่งที่ข้าน้อยเห็นมีเพียงหมอกและเสียงที่ดังเคร้งๆเท่านั้น”
ในที่สุดพราวินก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
มันคือยอดฝีมือที่แม้แต่รองหัวหน้าสมาคมนักฆ่าและอัศวินระดับสูงหลายๆนายก็ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ยอดฝีมือผู้นี้ทิ้งจดหมายแผ่นนี้ไว้ให้เขา
เฮือก!
พราวินไม่สามารถเก็บอาการของตนไว้ได้เมื่อเขาเผลอกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ ในขณะที่ตาจ้องไปยังหมายเลขที่นั่งที่ระบุไว้ในจดหมาย ขนของเขาก็พร้อมใจกันลุกทั่วทั้งร่างกาย
ตอนนี้เขามีเหตุผลอื่นที่ต้องรีบไปยังที่นั่งหมายเลขนี้ตั้งแต่วันแรกของการจัดประมูลระดับวีไอพี เหตุผลนั้นก็คือความกลัว
“นายน้อยขอรับ..กระผมกลับมาแล้ว”
รอนที่ยังคงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอ่ยรายงานต่อคาร์ลทันที คาร์ลจึงละสายตาออกจากห้องพักหลังจากที่ลอบมองมาได้ครู่ใหญ่
“ไปกันเถอะ”
ทั่วบริเวณเงียบสงัดทันทีเมื่อหมอกสีแดงค่อยๆหายไป
คาร์ลหวังว่าหัวหน้าสมาคมการค้าซิงเท็นจะเข้าใจสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังคาสิโนต้นไม้ทองคำพร้อมกับกระเป๋าเวทย์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แน่นอนว่ากระเป๋าเวทย์ใบนี้คาร์ลเตรียมมาใส่เงิน 30,000 ล้านคอนด์โดยเฉพาะ