บทที่ 195 ทำลายมัน! 4 (2)
ขุนนางคนหนึ่งเริ่มพูดตะกุกตะกักและขุนนางอีกคนเริ่มขมวดคิ้วสงสัย อย่างไรก็ตามเหล่าขุนนางที่เลือกติดตามขุนนางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคตะวันตกเฉียงเหนือพากันมองไปที่คาร์ลด้วยใบหน้าซีดเผือด
แน่นอนว่าคาร์ลเพิกเฉยต่อขุนนางที่กำลังจะอ้าปากพูด
“เชื่อมต่ออุปกรณ์เวทย์สื่อสาร..เดี๋ยวนี้!”
“เชื่อมต่อไปที่ใดหรือขอรับ?”
คาร์ลหันไปตอบคำถามของฮิลส์แมน
“พระราชวัง”
คำตอบของคาร์ลทำให้ขุนนางทั้งหมดหยุดชะงักทันที อย่างไรก็ตามไม่ทันที่นักเวทย์จะได้เชื่อมต่ออุปกรณ์เวทย์สื่อสารตามที่คาร์ลสั่ง
ปี๊บบบบบ!!!
ปรากฏสัญญาณสีแดงบนอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
มันคือสัญญาณฉุกเฉินจากพระราชวังและมันคือข้อความที่ส่งหาขุนนางทุกคน ข้อความนี้ถูกส่งมาจากจัตุรัสกลางเมืองเพื่อให้ทุกๆคนได้ยินมันอย่างพร้อมเพรียง
นักเวทย์จัดการฉายภาพไปยังผนังห้องประชุมทันที
พวกเขามองเห็นพระราชาองค์ปัจจุบัน‘เซด ครอสแมน’อยู่ในจอภาพ
พระราชาเซดยืนอยู่บนแท่นพิธีในจัตุรัสกลางเมือง
[“ข้า! เซด ครอสแมน! ขอมอบหน้าที่ในการทำศึกครั้งนี้ให้กับองค์ชายอัลเบิร์กและจะให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ภายในปีหน้า!”]
“อะไรกัน?!”
“อะไรนะ?!”
ขุนนางบางคนถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ พวกเขาพากันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ‘เกิดอะไรขึ้น?’
สายตาของพวกเขาส่งตรงไปยังขุนนางที่เข้าร่วมกับกลุ่มขุนนางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งพากันนั่งเงียบอยู่ตลอดเวลา พวกเขาพากันนั่งเงียบพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดลงเรื่อยๆ
ช่วงเวลานั้นเองที่จอภาพขยับไปหา‘องค์ชายอัลเบิร์ก ครอสแมน’ เขายังคงแต้มยิ้มอ่อนโยนตามบุคลิกของเขาเช่นเดิม เขาจ้องนิ่งๆผ่านหน้าจอเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขึ้น
[“ฉายภาพได้!”]
ฉายภาพ?
ภาพเคลื่อนไหวถูกเปิดขึ้นทางด้านหลังขององค์ชายอัลเบิร์กทันที
[ กรรจ์~~~~~~~!!]
[ โฮกกกกกกก~~~~~~~!!!]
เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังคับไปทั่วห้องประชุม เหล่าขุนนางมองเห็นภาพของสัตว์ประหลาดบินอยู่บนท้องฟ้า
แม้ว่าภาพที่ถูกฉายให้ดูจะสั่นไปบ้างราวกับผู้ที่แอบถ่ายกำลังซ่อนตัวอยู่แต่พวกเขาก็ยังเห็นภาพของสัตว์ประหลาดหลายสิบตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน
มันคือไวย์เวิร์น
พวกเขายังมองเห็นอัศวินที่นั่งอยู่บนหลังของไวย์เวิร์นพวกนี้อีกด้วย
“…ไม่มีทาง”
ปากของขุนนางผู้หนึ่งเริ่มสั่นเทา เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสียงที่เปล่งออกมาเมื่อครู่นี้สั่นเพียงใด
[ กรรจ์~~~~~~~!!]
ไวย์เวิร์นตนหนึ่งบินโฉบลงมาหาผู้แอบถ่ายทันที ขุนนางทั้งหมดต่างอ้าปากค้างก่อนที่ภาพดังกล่าวจะถูกตัดไป
กองกำลังอัศวินไวย์เวิร์น!
มันคือสิ่งมีชีวิตในตำนานและมันได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
พันธมิตรทางตอนเหนืออาจรู้ตัวในตอนนี้แล้วว่าอาวุธลับของพวกเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว ต้องขอบคุณอาณาจักรโรมันที่ทำให้ทั่วทั้งทวีปตะวันตกรู้ถึงการมีอยู่ของกองกำลังอัศวินไวย์เวิร์น
นี่คือเหตุผลที่อัลเบิร์กเลือกฉายภาพนี้ในจัตุรัสกลางเมือง สายตาของอัลเบิร์กจ้องมาที่อุปกรณ์เวทย์สื่อสาร เขารู้อยู่แล้วว่าคาร์ลต้องได้ยินเรื่องนี้มาจากที่อื่น เขาถกเถียงกับตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจได้หลังจากได้ฟังความเห็นของคาร์ล
‘องค์ชายพะย่ะค่ะ..ทั่วทั้งอาณาจักรของเราจะมีวีรบุรุษถือกำเนิดขึ้น’
อัลเบิร์กและอาณาจักรโรมันตันสินใจได้ในตอนนั้น
อาณาจักรพารันเสแสร้งว่าตัวเองมีคุณธรรมโดยขอประกาศทำศึกอย่างเปิดเผยและยังอ้างว่าตัวเองเป็นอาณาจักรแห่งอัศวินทั้งๆที่ตัวเองมีอาวุธลับเช่นกองกำลังอัศวินไวย์เวิร์นอยู่ในมือ แน่นอนว่าพวกเขาอาณาจักรโรมันก็จะทำแบบเดียวกัน
อัลเบิร์กนึกถึงสิ่งที่คาร์ลเอ่ยกับเขา
‘องค์ชายพะย่ะค่ะ..ไม่ใช่ว่าเรากำลังจะทำในสิ่งที่ไม่ดีสักหน่อย..เราก็แค่เสแสร้งว่าตัวเองมีคุณธรรมแบบพวกเขาและก็เพื่อปกป้องอาณาจักรโรมันของเราพะย่ะค่ะ’
‘เจ้านี่มัน..เฮ้อ’
คำว่าอาณาจักรโรมันสะท้อนอยู่ในใจของอัลเบิร์ก
พวกเขาจะต่อสู้ด้วยความยุติธรรมโดยไม่คิดลอบกัดใครและจะปราบปรามศัตรูอย่างเปิดเผยด้วยความแข็งแกร่งที่มี
อัลเบิร์กเริ่มพูด
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วห้องประชุม
[“อาณาจักรโรมันเป็นอาณาจักรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในทวีปตะวันตก..แม้ว่าเราจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญใดเป็นพิเศษแต่เราก็ยังมีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุด”]
อาณาจักรโรมันเป็นเพียงอาณาจักรเดียวที่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆตั้งแต่พันธมิตรไร้พ่ายประกาศทำสงคราม
อาณาจักรโรมันคืออาณาจักรสุดท้ายที่ประกาศจุดยืนของตนเองให้กับอาณาจักรอื่นๆได้เห็น
[“เราจะแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความแข็งแกร่งของเรา!”]
องค์ชายอัลเบิร์กประกาศออกมาอย่างมั่นใจให้ทั่วทั้งทวีปตะวันตกได้รับทราบ ในเวลาเดียวกันห้องประชุมกลับเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่สิ!? พวกเขากำลังตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
พวกเขาเพิ่งรู้ความจริง
อันตราย!
นี่คือสิ่งที่พวกเขาตระหนักได้เมื่อคาดว่าพันธมิตรไร้พ่ายจะเคลื่อนทัพมาทางเรือ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องมีมากกว่าเดิมเพราะเผ่าหมีและผ่าคนแคระไฟ
แต่ตอนนี้กลับมีไวย์เวิร์นเพิ่มเข้ามา!
มันได้เปลี่ยนจากคำว่าอันตรายไปเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น ‘รอด’หรือ‘ตาย’นี่คือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของพวกเขาในตอนนี้
เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นในจังหวะนั้น
“ไวย์เวิร์น”
มันเป็นเสียงของคาร์ล
เขากำลังกวาดสายตามองขุนนางทุกคน
“กองกำลังอัศวินไวย์เวิร์นจะไม่สามารถผ่านอาณาเขตเฮนิตัสเข้ามาได้!”
เขากำลังพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ไม่มีทางเข้ามาได้อย่างแน่นอน!”
คาร์ลเดินไปที่กลางโต๊ะและหยิบป้ายเงินขึ้นมา
“ข้า! คาร์ล เฮนิตัส! คือผู้รับผิดชอบกองกำลังทหารของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
เขาเคารพในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเสมอและแน่นอนเขาไม่เปิดโอกาสให้ใครพูดแทรกเช่นกัน
“และพวกท่านจะต้องเชื่อฟังคำสั่งข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
คาร์ลหันไปมองกลุ่มขุนนางที่เลือกติดตามขุนนางทางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งพยายามหลบเลี่ยงสายตาเขาอยู่ รวมไปถึงกลุ่มขุนนางคนอื่นๆที่ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
“ถ้าการยึดติดกับคนที่แข็งแกร่งกว่าคือหนทางรอดของขุนนางแล้วล่ะก็?….”
ผู้ที่แสวงหาอำนาจในยามเกิดสงครามไม่สมควรเป็นวีรุบุรุษ คาร์ลใช้เวลาในวันนี้เพื่อตรวจสอบคนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษและคนที่เอาตัวรอดโดยการยึดติดกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เขาจำเป็นต้องรู้สิ่งนี้เพื่อเลือกใช้งานขุนนางได้อย่างเหมาะสม
คาร์ลแสยะยิ้มให้กับพวกเขา
“..พวกท่านก็ลองตัดสินใจดูว่าควรเอาตัวเองไปสยบอยู่กับใครกันแน่?!”
คาร์ลหันหลังกลับพร้อมกับมุ่งหน้าออกจากห้องประชุมอย่างไม่นึกลังเล
ครืด!!!
ทันใดนั้นเสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ดังขึ้น
ผู้นำอาณาเขตอัลบา,นายน้อยกิลเบิร์ตที่มาเป็นตัวแทนของบิดาและเคานต์วิลส์แมน
คนกลุ่มนี้คือผู้รับผิดชอบบริเวณชายฝั่งทะเลและประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คนกลุ่มนี้ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน จากนั้นพวกเขาก็เดินตามหลังคาร์ลไปทันที
เอี๊ยดดดดด~~~~ ปั้ง!
ขุนนางที่เหลือเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อประตูถูกปิดลง
พวกเขายังตระหนักได้ถึงสิ่งอื่น
ไวย์เวิร์นกำลังจะเคลื่อนทัพเข้ามาและมันกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้