บทที่ 199 มังกรอยู่ที่นี่ด้วยรึ? 4 (2)
ราอนก้มมองมือเปื้อนเลือดที่เกาะกุมอุ้งมือของตนเอาไว้แม้ว่าร่างของมันจะยังคงล่องหนอยู่ก็ตาม เลือดยังคงไหลซึมออกมาจากมือคู่นี้ นั่นทำให้ราอนใส่อารมณ์ที่ปะทุเข้ามาไปในพลังเวทย์ของตน
แปะ!แปะ!แปะ!
ฝนเริ่มตกลงมา
ไวย์เวิร์นที่เหลือยังคงตั้งหน้าตั้งตาบินชนโล่เงิน หมีก็รีบหลบกระสุนและลูกธนูที่พุ่งมาจากกำแพงเมืองที่ปรากฏรอยร้าวไปทั่วบริเวณ เสือก็พยายามโจมตีหมีจากทางด้านหลังอย่างไรก็ตามจำนวนหมีที่ต่อสู้กับเสือหนึ่งตัวนั้นมีประมาณเกือบสิบตัว
ทันใดนั้นเอง
ครืดดดดดดดดดดด!!
หยดน้ำฝนเริ่มเปลี่ยนไป ฝนที่ตกลงมาในตอนแรกกลายเป็นพายุลูกเห็บเมื่อมันแผดเสียงขึ้นอีกครั้งจากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาด้านล่างทันที
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
สายฟ้านับร้อยสายฟาดไปยังไวย์เวิร์นและเผ่าหมีอย่างรวดเร็ว สายฟ้าเล็งไปที่ศัตรูโดยไม่พลาดเป้าแม้แต่น้อย สายฟ้าเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับดาบของอัศวินหมวกเหล็กและมันกำลังฟาดฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า
อย่างไรก็ตามมีคนที่สามารถรับมือกับพายุลูกเห็บนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ที่แห่งนี้ช่างสนุกจริงๆ..มีนักเวทย์พยายามเลียนแบบพลังของข้างั้นรึ?! คนผู้นี้เป็นใครกัน?!”
อัศวินหมวกเหล็กเม้มฝีปากตนแน่นเมื่อใช้พลังปัดเอาลูกเห็บและสายฟ้าให้ห่างจากร่างของตน เขากวาดสายตามองไปรอบๆ พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาครอบครองเอาไว้มีพลังแห่งการทำลายธรรมชาติ มันคือพลังที่เต็มไปด้วยภัยธรรมชาติที่พร้อมจะลำลายล้างทุกอย่างให้ราบคาบ ดาบของเขาประกอบไปด้วยพายุลูกเห็บและภูเขาไฟปะทุที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ การที่เขาเห็นพายุลูกเห็บและสายฟ้าปรากฏขึ้นในทันทีทำให้เขาอดทึ่งกับความสามารถของผู้ที่เลียนแบบพลังของเขาไม่ได้
สายตาของอัศวินหมวกเหล็กหันไปจับจ้องที่ชายผมดำ เขาหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นชายตรงหน้าถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือด ออร่าสีดำดังก้องไปตามความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของ
อัศวินหมวกเหล็กสบตาเข้ากับชายผมดำ
“บางทีเจ้าอาจประสบความสำเร็จหากมันคือความมืดมิดที่แท้จริง..แต่ดูท่าแล้วเจ้ายังห่างไกลจากมันมากนัก”
อัศวินหมวกเหล็กผลักดาบของตนขึ้นมา หลังมือของเขามีเลือดซึมเล็กน้อย
ออร่าสีดำทำให้เกิดรอยแผลนี้แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นอัศวินหมวกเหล็กก็ไม่มีท่าทางหวาดกลัว ชุดเกราะที่คนแคระไฟสร้างขึ้นกำลังปกป้องร่างกายเขาอยู่
มันคือฝีมือการออกแบบจากคนแคระไฟที่ต้องการสังหารมังกร คุณภาพของมันดีพอที่จะเป็นชุดเกราะของนักล่ามังกรได้
‘แต่ข้าไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน’
เคร้ง!
ดาบสองเล่มปะทะกันอีกครั้ง
ออร่าสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและเฉี่ยวแก้มของเขาไปเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันพลังภูเขาไฟระเบิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาก็กระแทกเข้ากับออร่าสีดำทันที
บู้มมมมมมมมมมมม!!!!!
เสียงมันดังมากพอที่จะกลบเสียงฟ้าผ่าได้
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าไม่มีทางชนะ”
อัศวินหมวกเหล็กหัวเราะร่วนในขณะที่เชวฮันกัดฟันแน่น แม้แต่เชวฮันผู้ใสซื่อก็รู้ดีว่าอัศวินผู้นี้ต้องการจะสื่ออะไร
‘ถ้าข้าสามารถทำมันได้….!’
ออร่าสีดำ มันคงเป็นการต่อสู้ที่ดีกว่านี้หากเขาสามารถทำให้พลังมืดของเขากลายเป็นความมืดที่แท้จริง มันต้องเป็นความมืดที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปน
‘ดาบนั่นมันคืออะไรกันแน่?’
ออร่าของเขาไม่สามารถเอาชนะดาบเล่มนี้ได้ ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เชวฮันยืนอยู่บนร่างโครงกระดูกที่เหลือเพียงไม่กี่โครงในขณะนี้ เขาพยายามสูดลมเข้าไปเพื่อให้ตัวเองหายใจได้สะดวก
การหายใจของเขามีปัญหา
‘อัศวินผู้นี้แข่งแกร่ง..เขาแข็งแกร่งกว่าข้า! อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! ข้าสามารถเอาชนะเขาได้ถ้าข้าก้าวไปได้อีกหนึ่งก้าว!’
“แฮ่กแฮ่กแฮ่กๆๆ…”
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขามีปัญหากับการหายใจเช่นนี้? เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว เชวฮันไม่สามารถยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดได้เมื่อเริ่มหายใจไม่สะดวก หลังจากที่กระอักเลือดออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆและในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
ท่านคาร์ลกระอักออกมาเป็นเลือดมากกว่าทุกครั้ง
เชวฮันเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
แน่นอนว่าอัศวินผู้นี้แข็งแกร่งแต่ในใจของเชวฮันก็ไม่มีคำว่าแพ้เช่นกัน เขายิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่อัศวินผู้นี้พูดต่อ
“ข้ามาที่นี่เพราะได้ยินข่าวลือว่ามีคนที่ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเอาไว้..แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะกระอักเลือดออกมา ดูเหมือนเขาจะอ่อนแออย่างที่คนอื่นๆบอกจริงสินะ เขาไม่มีแม้แต่ฐานรองรับแต่ก็ยังสามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณได้งั้นรึ?” [1]
ความคิดเห็นนี้ทำให้เชวฮันเริ่มโกรธ
“พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอนุญาตให้เจ้างั่งนี้ครอบครองพลังได้อย่างไร?!”
อัศวินหมวกเหล็กพูดราวกับว่าคาร์ลไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองพลังเหล่านี้ได้ นั่นคือสาเหตุที่ใจของเชวฮันพลุ่งพล่านด้วยความโมโห
หากให้พูดตามตรง ‘คาร์ล เฮนิตัส’คือคนที่อัศวินหมวกเหล็กสนใจมากที่สุด เฉพาะคนที่ได้รับการอนุญาตจากธรรมชาติเท่านั้นที่จะมีฐานรองรับเพื่อสนับสนุนให้คนเหล่านั้นครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้จะคิดว่าต้องอาศัยลิขิตจากสวรรค์ถึงจะได้โชคในการค้นพบพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณแต่ใครจะรู้ว่าธรรมชาติต่างหากคือผู้ที่คัดสรรมนุษย์ให้เขาถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้ได้
นั่นเป็นสิ่งที่อัศวินหมวกเหล็กยากจะเชื่อว่าคนเช่นคาร์ลจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณถึงสองอย่างไว้ในครอบครอง
‘คนที่ไม่มีแม้แต่ฐานรองรับจะสามารถครอบครองพลังได้มากขนาดนี้เลยหรือ?’
พลังไม้และการฟื้นฟู
สิ่งเหล่านี้คือพลังที่อัศวินหมวกเหล็กสัมผัสได้เมื่อครั้งที่ปะทะเข้ากับโล่ของคาร์ล
ชายผมดำตรงหน้าคือคนที่สองที่เขาคิดว่าน่าสนใจ
คนผู้นี้คือคนที่มีฐานรองรับขนาดใหญ่และเกือบจะใหญ่เท่ากับเขาด้วยซ้ำ เขาคิดว่ามันแปลกที่ธรรมชาติไม่ได้ให้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณกับชายผู้นี้
เชวฮันพุ่งเข้าหาอัศวินหมวกเหล็กทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังคิดอย่างอื่นอยู่ ดาบของคนทั้งคู่ปะทะกันอีกครั้ง
เคร้งงงงงงง!!
แรงสั่นสะเทือนจากการปะทะส่งผลให้โครงกระดูกโดยรอบถูกกระแทกอย่างแรงจนร่างของพวกมันลอยคว้างไปไกล ดาบครึ่งโปร่งใสและออร่าสีดำผลักกันไปมาขณะที่ชายสองคนก็จ้องกันตาเขม็ง เชวฮันมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลผ่านหมวกเหล็กที่อัศวินผู้นี้สวมใส่ ก่อนที่อัศวินหมวกเหล็กจะส่งยิ้มให้เขา
‘อันตราย’
เชวฮันพยายามจะถอยกลับ มันผ่านมานานมากแล้วที่เขารู้สึกเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขานึกถึงท่านอูฮาเบ็น
ดวงตาของอัศวินหมวกเหล็กจ้องลึกเข้าไปในแววตาของเชวฮันและเริ่มกระซิบบางอย่างให้เขาได้ยิน
“…เจ้าอยู่มานานแล้วสินะ?”
ประโยคนี้ทำให้เชวฮันชะงัก
‘เจ้าก็ด้วยรึ?’
อาการลังเลในบางอย่างทำให้อัศวินเริ่มยิ้ม
แขนของเขาเริ่มขยับอย่างรวดเร็ว
“ฮึ่ก!”
เขาจัดการคว้าลำคอของชายผมดำมาบีบอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามมันยังไม่ถึงขั้นจับได้แน่นนักเมื่อโครงกระดูกของแมรี่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและพุ่งตัวมากระแทกร่างไวย์เวิร์นที่อัศวินหมวกเหล็กขี่อยู่เพื่อช่วยเชวฮันให้หลุดออกมา ยังไม่ทันที่เชวฮันจะหลุดออกมาพ้นดาบของอัศวินก็แทงเข้าที่หัวไหล่ของเชวฮันทันที ความรู้สึกที่ได้จากบาดแผลนี้ราวกับถูกพายุลูกเห็บร่วงเข้าใส่และยังรู้สึกถึงความร้อนราวกับภูเขาไฟระเบิดใส่อีกด้วย
อัศวินหมวกเหล็กแสยะยิ้มเมื่อรีบคว้าลำคอของชายผมดำมาบีบอีกครั้ง เขามองดูใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆเพราะเริ่มหายใจติดขัด
“นี่มันสนุกยิ่งนัก! มันช่างคุ้มค่าจริงๆที่ได้ออกมาเล่นข้างนอกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ข้ามั่นใจว่าจะต้องได้เจอเจ้าอีกแน่ๆ”
อัศวินหมวกเหล็กหัวเราะลั่นเมื่อมองใบหน้ายู่ยี่ของชายผู้นี้ มันกำลังเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด เขาค่อยๆคลายมือที่บีบคอชายผมดำออกแต่สายตายังคงจ้องเขม็งไปที่เดิม
ทันใดนั้นเขาก็เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยฉับพลันของชายผู้นี้
หมับ!
มือข้างที่ถูกแทงหัวไหล่ของเชวฮันจับแขนของอัศวินหมวกเหล็กเอาไว้ก่อนที่มืออีกข้างจะใช้ดาบแทงไปที่ไหล่ของอัศวินทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
ซู่!!! ~~~~
ฝ่ามือของเชวฮันเริ่มร้อนขึ้นราวกับสัมผัสถูกลาวา เชวฮันเห็นอัศวินหมวกเหล็กแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเพียงเสี้ยววินาที
นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเชวฮัน เขาตั้งใจแสดงอารมณ์อันหลากหลายบนใบหน้าให้ศัตรูตายใจ ใบหน้าที่แท้จริงของเขาคือการไม่มีอารมณ์ใดๆอยู่บนนั้นต่างหาก ตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าแห่งความมืดมาเป็นเวลานานเขาก็มีเพียงหน้านิ่งๆและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
พลั่ก!!
เท้าของเชวฮันเตะไปที่ก้านคอของไวย์เวิร์น จากนั้นเขาก็กระชากร่างของอัศวินหมวกเหล็กให้กระโดดลงมาพร้อมกัน
โครงกระดูกบินวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ไวย์เวิร์นที่ไม่มีอัศวินหมวกเหล็กอยู่บนร่างถูกจู่โจมด้วยสายฟ้าฟาดทันที
เปรี้ยงงงง! โคร้ม!!
ไวย์เวิร์นตัวสุดท้ายล้มลงไปกองกับพื้น
หลังจากที่ราอนฆ่าไวย์เวิร์นตัวสุดท้ายเสร็จ มันก็รีบออกมาจากโล่เงินที่ตัวเองสร้างขึ้น ราอนคือสิ่งมีชีวิตเดียวที่เหาะอยู่กลางอากาศในขณะนี้
เชวฮันและอัศวินหมวกเหล็กล้มลงกระแทกพื้น
“เจ้าบ้าหรือไง?!”
อัศวินหมวกเหล็กผุดตัวลุกขึ้นก่อนจะเตะเข้าชายโครงของเชวฮัน เขารีบผละออกจากร่างของเชวฮันในขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาก็ถูกปล่อยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่ามือของเชวฮันยังคงถูกปกคลุมด้วยออร่าสีดำ เขาไม่มีแม้แต่ความคิดเดียวที่จะปล่อยให้ดาบจากพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณทำร้ายเขาได้ เขาดึงแขนของอัศวินหมวกเหล็กมาจับไว้ทันที
อัศวินหมวกเหล็กไม่ได้กังวลว่าดาบที่เขาสร้างขึ้นจะถูกทำลายอีกครั้ง นั่นไม่ใช่ปัญหา
มันมีอย่างอื่นที่เขาเป็นห่วง
พลังเวทย์แห่งความตาย
สิ่งตรงข้ามกับธรรมชาติกำลังรวมตัวกันเพื่อสร้างลูกทรงกลมขนาดใหญ่โดยมีโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง
อัศวินหมวกเหล็กขมวดคิ้วมุ่น พลังที่อ่อนแอกว่าเขาแต่ยังสามารถมารวมตัวกันได้อย่างต่อเนื่อง
เขารู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของเขา
เขารู้สึกถึงลูกธนูเล็กๆกำลังเล็งมาที่หลังของเขา
หมอผีแมรี่กำลังรวบรวมพลังของเธอ พลังเวทย์แห่งความตายเข้าล้อมรอบโครงกระดูกสัตว์ประหลาดที่มีกรงเล็บแหลมคมราวกับใบมีด
นอกจากนี้ยังมีพลังที่คอยสนับสนุนพลังเวทย์แห่งความตายอีกแรงหนึ่ง มันเป็นพลังเวทย์ที่เลียนแบบพายุลูกเห็บ ภูเขาไฟระเบิดและพลังศักดิ์สิทธ์โบราณของศัตรู ราอนในร่างล่องหนกำลังส่งพลังเพื่อช่วยเสริมกำลังให้กับพลังเวทย์แห่งความตาย ในขั้นแรกพลังเวทย์แห่งความตายรวมตัวกันเป็นดาบเล่มเล็กๆจากนั้นก็กลายเป็นลูกธนูก่อนที่พลังของราอนจะเปลี่ยนมันให้เป็นลูกธนูขนาดใหญ่
อัศวินหมวกเหล็กเห็นเส้นเลือดบนมือของเชวฮันที่ยังคงจับแขนเขาเอาไว้แน่น เขาเห็นความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะไม่มีทางปล่อยแขนของเขาผ่านสายตาของชายผู้นี้
‘ข้าจะเจ็บตัวแบบนี้จริงๆหรือ?’
อัศวินหมวกเหล็กชักสีหน้าบึ้งตึงพร้อมกับตะโกนลั่น
“เจ้าจะบ้าหรือไง? แม้ว่าข้าจะโดนมันข้าก็จะไม่ตาย! มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะตาย!”
ลูกธนูมนตราเล็งไปที่ด้านหลังของอัศวินหมวกเหล็ก มันค่อยๆก่อตัวเป็นลูกธนูอย่างสมบูรณ์ ลูกธนูนี้ดูเหมือนจะสามารถทะลุร่างของอัศวินหมวกเหล็กและเชวฮันได้อย่างง่ายดาย
เชวฮันละสายตาจากลูกธนูมนตรามายังอัศวินหมวกเหล็ก
“ข้าบ้ามานานแล้ว”
เขาบ้ามาตั้งนานแล้ว มันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว เขาเป็นบ้าตั้งแต่อยู่ในป่าแห่งความมืด จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่เป็นบ้าหากต้องอยู่ตัวคนเดียวนานถึงสิบปี?
เชวฮันไม่ต้องการให้อัศวินผู้นี้ไร้รอยขีดข่วน เขาต้องการให้คนผู้นี้บาดเจ็บสาหัสเพื่อระงับความโกรธของตัวเขาเอง
รอยยิ้มค่อยๆปรากฏบนใบหน้าไร้อารมณ์ของเขา เป็นเพราะเขารู้สึกขอบคุณแมรี่ที่เข้าใจในเจตนาของเขา มนุษย์ย่อมเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่เขารู้สึกได้ในตอนนี้
ราอนเริ่มพูดเข้าไปหัวของเชวฮัน
~เจ้าเชวฮันหน้าโง่! มีข้าอยู่ทั้งคนเจ้าจะไม่มีทางตายเป็นอันขาด!~
ลูกธนูมนตราพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที
“…บ้าเอ้ย!…”
เกิดเสียงดังก้องไปทั่วเมืองเรนอีกครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่นของอัศวินหมวกเหล็ก
บู้มมมมมม!!!
คาร์ลพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นการระเบิดของลูกธนูมนตราอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าช่างโง่อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ”
พละกำลังแห่งดวงใจ
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณกำลังทำงานเพื่อหยุดเลือดและรักษาอาการบาดเจ็บของเขา
คาร์ลลุกขึ้นยืนช้าๆและไม่มีท่าทีว่าจะล้มไปกองกับพื้นแต่อย่างใด
[1] ฐานรองรับเป็นการอธิบายถึงลักษะทางร่างกาย ยกตัวอย่างเช่นยิ่งฐานรองรับใหญ่เท่าไหร่ก็จะสามารถใส่พลังได้มากเต็มที่แต่ถ้าฐานนั้นมีขนาดเล็กและอ่อนแอก็จะไม่สามารถใส่พลังเข้าไปได้ หมายความว่าบุคคลใดที่มีฐานรองรับขนาดเล็กและอ่อนแอก็จะไม่สามารถพัฒนาตัวเองจนแข็งแกร่งได้