บทที่ 202 มหาสมุทรคือ… 2 (2)
“มีคนเยอะทีเดียว”
นี่คือสิ่งที่คาร์ลพูดเมื่อสายตาของเขาจ้องมายังกลุ่มขุนนาง พวกเขาบอกได้ทันทีว่าสายตาที่คาร์ลมองมาเต็มไปด้วยความดูถูก
แน่นอนว่าไม่มีขุนนางคนไหนกล้าพูดอะไร
ความแข็งแกร่งของสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลเทียบได้กับอัศวินและทหารองครักษ์ในสังกัดขององค์ชายรัชทายาท หากให้พูดกันจริงๆต้องบอกว่าแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ ที่สําคัญคาร์ลยังเป็นวีรบุรุษของคนทั้งอาณาจักรอีกด้วย อาณาจักรโรมันเต็มไปด้วยข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับการต่อสู้และแน่นอนว่าชื่อของคาร์ลต่างติดปากของทุกคนไปแล้ว
แต่ที่สําคัญที่สุดคือการที่คาร์ลให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
พวกเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของการเป็นผู้นําที่สามารถควบคุมคนทั้งโลกให้อยู่ใต้อาณัติได้จากตัวคาร์ล มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่เคยรู้สึกในห้องประชุม
ขุนนางเหล่านี้ต่างมีนิสัยที่อยู่เป็นและเลือกที่จะก้มหัวให้กับใครก็ตามที่แข็งแกร่งกว่าและสามารถทําให้พวกเขาอยู่รอดได้
“คนพวกนี้ช่างตลกจริงๆ”
แน่นอนว่าคาร์ลไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่พยายามเกาะติดเขาเพื่อความอยู่รอด เขาจึงหันไปมองทหารแทน ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความกังวลแต่ในขณะเดียวกันก็มีความหวังเช่นกัน
คาร์ลจึงเริ่มพูด
คนจํานวนหลายร้อยได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน
“เตรียมตัวออกเดินทาง!”
นี่คือจุดเริ่มต้น
บรรยากาศโดยรอบชายฝั่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้ยินคําสั่งนี้ของคาร์ล ความกังวลใจของพวกเขายังคงปรากฏอยู่อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามคาร์ลยังพูดไม่จบ
“คืนพรุ่งนี้!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นและไม่มีความกังวลให้เห็นแม้แต่น้อย
“เราจะกําจัดศัตรูให้สิ้นซาก!”
กําจัดศัตรูให้สิ้นซาก
ฆ่าพวกเขาทั้งหมด
ประโยคนี้สะท้อนอยู่ในใจของเหล่าทหาร
ทันใดนั้นเสียงตะโกนของคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น มันคือการตะโกนเพื่อน้อมรับคําสั่งของคาร์ล
“เราจะทําตามคําสั่งของท่าน!”
มันคือเสียงของหัวหน้าอัศวิน เขาบูดาบขึ้นในขณะที่มืออีกข้างก็ตบไปที่หน้าอกของตน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าความสามารถที่ตนมีอยู่จะสามารถทําคําสั่งของคาร์ลให้สําเร็จได้อย่างแน่นอน โพรลิน่าก็ค้อมศีรษะรับด้วยความมั่นใจก่อนที่ทหารจะพากันตะโกนขึ้น
“เราจะทําตามคําสั่งของท่าน!!”
แม้ว่าค่ำคืนนี้จะมืดมิดเพียงใดผู้คนที่อยู่รอบๆฐานทัพเรือก็พากันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันมีความรู้สึกของความตื่นเต้นและการรอคอย
กําจัดให้สิ้นซาก!
พวกเขาจะทําตามคําสั่งนี้
คําสั่งของคาร์ลสะท้อนอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน
ในคืนต่อมา
คาร์ลกําลังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่ฟังรายงานจากรอน แน่นอนว่าเขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ผมสีแดงสดของเขากําลังพลิ้วไหวไปกับสายลม
“เรือส่วนใหญ่จะเป็นเรือขนาดกลางและมีจํานวนมากกว่า 300 ลําขอรับ”
ข้อมูลที่ได้จากเผ่าวาฬถูกส่งถึงหูของคาร์ลในที่สุด คาร์ลให้ความสําคัญกับข้อมูลทุกส่วน
เขาจะไม่ทุ่มความสําคัญในการป้องกันคนของตนมากนัก การต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นไปโดยธรรมชาติและรวดเร็วที่สุด
“เรือบางลํามีรูปทรงแปลกตาและไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน เราสงสัยว่าเรือพวกนี้อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาใช้ฝ่าธารน้ำแข็งขึ้นมาขอรับ”
“เรือพวกนี้อาจเป็นสิ่งที่คนแคระไฟทําขึ้นมา
คาร์ลก้มศีรษะลง
“อธิบายมา”
มุลเลอร์สะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆคาร์ลก็หันมาที่ตน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติก่อนจะเริ่มพูดอย่างรวดเร็ว
“ข้าน้อยคิดว่าเรือเหล่านี้เป็นฝีมือของเผ่าคนแคระไฟ..เท่าที่ทราบมาคนแคระไฟไม่ถนัดสร้างอุปกรณ์เวทย์ขอรับ..แต่พวกเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงสําหรับอุปกรณ์เชิงกล
“ไม่ถนัดงั้นรึ?”
“ข้าน้อยขอบอกท่านตามตรง..คนแคระไฟแทบจะไม่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทย์ได้เลยด้วย
คนแคระไฟไม่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทย์ได้ก็คงเหมือนกับเอลฟ์บางรายที่ไม่สามารถจัดการกับธาตุประจําตัวได้ นั่นคือสาเหตุที่มุลเลอร์รู้สึกไม่ดีเมื่อต้องอธิบายถึงตัวตนของคนแคระไฟให้คาร์ลฟัง มุลเลอร์รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่คนแคระไฟเป็นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ธุระของเขาที่จะไปรู้สึกเสียใจแทนศัตรูเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นพลังเวทย์ก็สามารถทําลายเรือพวกนั้นได้สินะ”
หากเรือพวกนั้นไม่มีการใช้พลังเวทย์จริง กองกําลังนักเวทย์ก็จะสามารถกําจัดพวกมันได้ อย่างไรก็ตามเขานึกถึงอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารที่อัศวินหมวกเหล็กและเผ่าหมีนํามาใช้ในอาณาเขตเฮนิตัส ความจริงที่ว่าพวกเขามีอุปกรณ์เวทย์ดังกล่าวย่อมหมายความว่าระดับพลังเวทย์ของศัตรูไม่ใช่เรื่องเล่นๆเช่นกัน เหตุผลที่อัศวินหมวกเหล็กโผล่มาที่เรือแทบจะทันทีแน่นอนว่าต้องมีนักเวทย์และหมอประจําการอยู่บนเรือแล้ว
คาร์ลต้องการที่จะกําจัดกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกัน
ปี๊บบบบบบ!!!! ปี๊บบบบบบ!!!!
“ท่านผู้บัญชาการ!”
อามูร์ที่สวมชุดเกราะอย่างเตรียมพร้อมรีบวิ่งมาหาคาร์ลอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์เวทย์สื่อสารในมือของเธอกําลังส่องแสงสีแดง
คาร์ลมองเห็นเรือลําเล็กแล่นเข้ามาใกล้เรือที่เขายืนอยู่ เขาได้ยินเสียงบางอย่างจากเรือลํานั้น
เมี้ยววววววว
เมี้ยววววววว
คาร์ลอมยิ้มเพราะมันคือเสียงที่เขารอคอย
ออนและฮงอยู่ในอ้อมแขนของเชวฮันและบารอคตามลําดับ เรือลําเล็กที่พวกเขาใช้โดยสารกําลังมุ่งหน้าไปยังเรือของคาร์ล
ฟริ้วววววววววววววว!!
เสียงน่าขนลุกของลมทะเลลอดเข้ามาในหูของคาร์ลแต่เขาก็ยังสามารถได้ยินเสียงของอามูร์เช่นเดิม
“เรือของศัตรูเข้าสู่จุดผ่านแดนที่สามแล้ว”
นี่ถือเป็น 3 ใน 4 ของจุดผ่านแดนทั้งหมด ศัตรูจะเข้าใกล้จุดผ่านแดนที่สี่ในไม่ช้านี้
คาร์ลก้มลงมองพื้นทะเลเบื้องล่างซึ่งเรือลํานี้กําลังแล่นอยู่บริเวณพื้นที่จุดผ่านแดนที่สี่
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นี่คือผลงานชิ้นเอกของเด็กๆอายุเฉลี่ยเก้าขวบ
ฟริ้ววววววววว!! ซู่!!!!!
เสียงลมคู่ไปกับต้นไม้เป็นสิ่งที่ได้ยินน้อยมากกลางมหาสมุทรเช่นนี้ เสียงนั้นเริ่มล้อมรอบมหาสมุทรรอบๆเขตผ่านแดนที่สีหมอก
หมอกปกคลุมทั่วมหาสมุทร
มันเป็นจุดผ่านแดนเดียวที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะหมอกหนาทึบบดบังเอาไว้
จุดผ่านแดนที่สี่นี้จะเป็นเขตแดนแห่งความตายที่ศัตรูไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดๆได้
คาร์ลออกคําสั่ง
“กําจัดเสียงรบกวนทั้งหมด.จงทําทุกอย่างให้เงียบที่สุด”
ชื่อของปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า “ผี”
กองทัพเรือของอาณาจักรโรมันเริ่มเงียบเสียงลงโดยเริ่มต้นจากเรือที่คาร์ลอยู่ ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วท้องมหาสมุทร
“ผี”กําลังรอการมาถึงของศัตรูอย่างใจเย็น