บทที่ 205 มหาสมุทรคือ… 5 (2)
ทันใดนั้นเสียงของราอนก็ดังเข้ามาในหัว
~มนุษย์ เราจับตัวนักเวทย์ได้แล้ว~
คาร์ลเริ่มยิ้ม
ราอนจับตัวนักเวทย์วัยชราได้แล้ว ส่วนหมอหนุ่มและนักล่ามังกรก็ถูกคู่หูพ่อลูกรอนและบารอคจับตัวได้ก่อนหน้านั้นแล้วเช่นกัน
ราอนยังคงพูดต่อไป
~ แต่…ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ~
‘ขอโทษ?’
รอยยิ้มของคาร์ลคลายออกด้วยความสงสัยก่อนจะตั้งใจฟังในสิ่งที่ราอนกําลังอธิบาย
~เจ้าบอกให้ข้าจับเป็นเขาแต่ตอนนี้ชีพจรของเขาเต้นแผ่วลงเรื่อยๆ…เขาใกล้จะตายเต็มที่แล้ว แต่เจ้าอย่ากังวลไปเพราะตอนนี้เขายังไม่ตาย…ข้าป้อนยาให้เขาแล้วแต่เขาก็น่าจะตายภายในสองวันนี้ ~
‘อ้อ…ไม่เป็นไร’
รอยยิ้มของคาร์ลถูกคลื่ออกอีกครั้ง
~ เราจับตัวนักหอกเวทย์ได้เช่นกัน เขายังปกติดีไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไร…เราส่งตัวเขาไปให้ฮันนาห์กันเถอะ! ~
คาร์ลพอใจยิ่งนัก
นักหอกเวทย์คือคนที่เคยร่วมรบกับนักดาบฮันนาห์เมื่อครั้งที่เผ่าวาฬทําศึกกับเผ่า เงือกและเป็นคนเดียวกันกับที่หักหลังฮันนาห์จนสร้างความคับแค้นให้กับเธอเป็นอย่างมาก ฮันนาห์รอเวลาที่จะได้แก้แค้นคนที่แทงข้างหลังเธอ ดังนั้นเธอจะมีความสุขมากเพียงใดหากคาร์ลส่ง ตัวนักหอกเวทย์ให้กับเธอ
คาร์ลยกมือขึ้นด้วยความพึงพอใจ
ขุนนางคนอื่นๆ สะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆคาร์ลก็ยกมือขึ้น อย่างไรก็ตามอามูร์และทาช่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆคาร์ลกลับเข้าใจคําสั่งของเขาเป็นอย่างดี
คาร์ลเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“เตรียมโจมตีแบบเต็มรูปแบบ!”
คําสั่งในการโจมตีครั้งสุดท้ายถูกส่งต่อไปยังเรือทุกลํา
ฟื้วววววว
ลมเริ่มพัดแรงขึ้น
ลมกําลังรวมกันบริเวณใจกลางหมอกสีแดง
ทาช่าตะโกนออกคําสั่งทันที
“ลูกแก้วพลังเวทย์ทั้ง 7 !”
นักเวทย์ทั้งหมดยกมือขึ้นเหนือศีรษะ พลังเวทย์ขนาดเล็กแต่มีปริมาณมหาศาลกําลังรวมตัวกันเป็นลูกแก้วพลังเวทย์ขนาดใหญ่ทั้งหมด 7 ลูก
หนึ่งในหัวหอกสําคัญที่ร่วมก่อตั้งกองกําลังนักเวทย์ร่วมกับโรสลินคือนักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์ นักเวทย์ผู้นี้เริ่มปรากฏโฉมบริเวณใจกลางมหาสมุทร ยิ่งไปกว่านั้นกองพันอัศวินทะลวงฟันที่ปรี่เข้าไปจัดการข้าศึกถึงเรือของพวกเขาก็รีบกลับไปยังเรือสีแดงที่พวกเขาประจําการอยู่
“ยิงธนูไฟต่อไป! อย่าเปิดช่องให้พวกเขาโจมตีเรากลับได้”
พลธนูยังคงระดมยิงธนูไฟไปยังฝ่ายพันธมิตรไร้พ่ายอย่างต่อเนื่อง
ซ่า!!ซ่า!!ซ่า!!!
เรือสีแดงค่อยๆล่าถอยออกมา
ชายฝั่งทะเลของอาณาเขตอัลบาเต็มไปด้วยวังน้ําวนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่คาร์ลตั้งใจทิ้งเอาไว้ โดยทหารที่ทําหน้าที่เป็นฝีพายของกองทัพเรือต่างได้รับการฝึกฝนให้รับมือกับวัง น้ําวนเหล่านี้เป็นอย่างดี พวกเขามีความเชี่ยวชาญมากกว่าฝีพายของฝ่ายพันธมิตรไร้พ่าย
ซ่า!! ซ่า!! ซ่า!!!
ทหารเริ่มจ้วงฝีพายเร็วขึ้นแต่ยังคงเต็มไปด้วยความหนักหน่วง เรือกําลังถอยกลับตามรูปแบบที่เคยฝึกฝนเอาไว้ เรือหลายร้อยล้ําค่อยๆล่าถอยออกจากหมอกพิษ มันเป็นสิ่งที่น่าที่น่าตาตื่นใจจนไม่อยากจะพลาดสายตา เหล่าขุนนางไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยว่าทําไมพวกเขาถึงมองเห็นสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจนแม้ว่ามันจะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม
พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจว่าตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทุกที
คาร์ลกวาดสายตาไปมองอัศวินที่เริ่มถอยเรือกลับและนักเวทย์ที่กําลังเตรียมการโจมตีจากนั้นเสียงของราอนก็ดังเข้ามาในหัวของเขา
~ เสร็จเรียบร้อยแล้ว! ~
คาร์ลจึงเอ่ยขึ้นทันที
“โจมตี!!”
มือของคาร์ลถูกตวัดไปข้างหน้าพร้อมๆกับคําสั่งของเขา
หมอกสีแดงเริ่มเปลี่ยนไปในขณะนั้น
ซู่!!!ซู่!!!ซู่!!!ซู่!!!
หมอกที่นิ่งสงบมาได้ระยะหนึ่งเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
หมอกพิษสีแดงเริ่มแผดเสียง
มันเริ่มมีรูปร่างคล้ายกับพายุหิมะที่เคยปกคลุมทั่วทะเลสาบใกล้ๆกับต้นไม้โลก
“ฮึ่ก!”
ลมที่กระหน่ําแรงขึ้นทําให้ขุนนางและทหารต้องหลับตาลง มันให้ความรู้สึกราวกับว่าร่างของพวกเขาจะถูกพัดเข้าไปในหมอกพิษได้ทุกเมื่อ
มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเขาได้ยินเสียงของหัวหน้านักเวทย์แว่วผ่านสายลมขึ้นมา
“ไฟ!
ไฟ? ราวกับพวกเขากําลังยิงอาวุธขนาดใหญ่ออกไป ลูกแก้วพลังเวทย์ทั้งเจ็ดที่นักเวทย์สร้างมันขึ้นมา มันประกอบไปด้วยคุณสมบัติทําลายล้างต่างๆจนไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดจนหมดได้ ลูกแก้วทั้งเจ็ดนี้ต่างพุ่งเข้าไปในหมอกสีแดงซึ่งศัตรูส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ภายในนั้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ลูกแก้วพลังเวทย์ทั้งเจ็ดปะทะเข้ากับพายุทอร์นาโดที่เต็มไปด้วยพิษ
บู้มมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น
ทั่วทั้งมหาสมุทรดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ขุนนางและทหารที่ประจําการอยู่บนเรือทองคําก็พากันชะงักค้างด้วยความตกใจจากแรงระเบิด
“เฮือก!”
“อ่า…มันแรงมากจริงๆ!”
มันยังไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เพราะแรงระเบิดยังคงทํางานอยู่ พวกเขาพยายามหยุดนิ่งเมื่อคลื่นเริ่มก่อตัวใหญ่ขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงเรือแตกจากแรงระเบิดอย่างต่อเนื่อง
ศัตรูกําลังจะตาย
น้ําหนักของคํานี้ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา
เสียงอึกทึกทั้งหมดเริ่มๆหายไปเมื่อคลื่นสงบลง
“ท…ท่านผู้บัญชาการ!”
เหล่าขุนนางเริ่มเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอามูร์ร้องเรียกคาร์ลขึ้นมา
ผู้บัญชาการ?
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้บัญชาการอย่างนั้นรึ?! เหล่าขุนนางเริ่มตกใจกับความคิดในแง่ร้ายของตนจึงพากันเงยหน้าและกวาดสายตาไปมองรอบๆทันที จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นมหาสมุทรที่ เริ่มกลับมาเป็นปกติ ในเวลาเดียวกันก็เห็นว่าคาร์ลหันไปพูดบางอย่างกับอามูร์
“ดูเหมือนข้าจะรักษาสัญญาเอาไว้ได้”
ขุนนางคนหนึ่งหยัดกายเต็มความสูงราวกับถูกครอบงําด้วยประโยคที่คาร์ลพูดไปเมื่อครู่ ร่างของเขาเซเล็กน้อยเพราะยังไม่สามารถรักษาสมดุลของตนเอาไว้ได้แต่ในไม่ช้าเขาก็มองเห็น คาร์ลและมหาสมุทรที่อยู่ด้านล่าง
บางสิ่งที่เขาไม่ได้ตระหนักจนกระทั่งถึงตอนนี้ มหาสมุทรกําลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ
พระอาทิตย์กําลังขึ้น
หมอกสีแดงไม่ได้ปกคลุมทั่วทั้งมหาสมุทรอีกต่อไป ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงซากเรือ ที่ลอยเกลื่อนไปทั่ว มีบางอย่างที่สามารถดึงสายตาของทหารและขุนนางไปมองพร้อมๆกันได้ พวกเขามองไปยังทิศที่พระอาทิตย์กําลังขึ้น มันเป็นจุดที่รัศมีของพระอาทิตย์สาดไปถึง
พลธนูวางคันธนูลง กัปตันเรือก็ปล่อยเชือกบังคับทิศทางลงและฝีพายก็ผ่อนแรงลงเช่นกัน
เคร้ง!
มีพลธนูนายหนึ่งทําคันธนูหล่นลงพื้นก่อนที่เสียงของผู้บัญชาการจะดังก้องขึ้น
“แจ้งกลับไปยังอาณาจักร”
ทหารเริ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะเมื่อได้ยินเสียงของผู้นําของตนพูดประโยคดังกล่าวคาร์ลกําลังมองไปยังอุปกรณ์เวทย์สื่อสารที่อยู่ในมือของอามูร์เมื่อยังคงพูด
ต่ออย่างรวดเร็ว
“เราได้รับชัยชนะ…แจ้งให้อาณาจักรทราบด้วย!”
เราได้รับชัยชนะ!
ไม่มีศัตรูอยู่ในมหาสมุทรอีกต่อไป!
ทหารพากันยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะและส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
“เฮ้!!!”
“วู้!!!”
ทั้งความโล่งอก ความสุขและความตื่นเต้น เสียงโห่ร้องของพวกเขาปะปนไปด้วยอารมณ์ทั้งสามอย่างนี้ มันสะท้อนดังไปทั่วผืนมหาสมุทร
เรารอดแล้ว!
เราชนะแล้ว!
เรารักษาสัญญาของเราไว้ได้!
ทหารเริ่มตะโกนสิ่งนี้ออกมาเช่นกัน พระอาทิตย์ดวงโตไต่ขึ้นท้องฟ้าเรื่อยๆ เพื่อต้อนรับชัยชนะของอาณาจักรโรมัน
เรือสีแดงเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง
พวกเขารีบมุ่งหน้าไปยังเรือทองคําซึ่งเป็นจุดที่คาร์ล เฮนิตัส ผู้บัญชาของพวกเขาประจําการอยู่ เสียงโห่ร้องยังคงดังก้องไปทั่วบริเวณขณะที่พวกเขาค่อยๆเคลื่อนเรือออกไป