บทที่ 207 เจ้ากลับมาแล้ว 2 (1)
คาร์ลค่อยๆสาวเท้าไปใกล้โคลเปย์ ตอนนี้โคลเปย์ถูกราอนใช้พลังเวทย์ตรึงร่างเอาไว้ ความกลัวแล่นไปทั่วร่างของเขา ร่างของเขาแข็งค้างทันทีที่สบตาเข้ากับคาร์ล
คาร์ลเอ่ยเสียงเย้า
“โคลเปย์…กลับบ้านเกิดของเจ้าด้วยกันเถอะ มันฟังดูดีใช่มั้ยล่ะ?”
โคลเปย์พยักหน้ารับรัวเร็ว ท่าทางของเขาราวกับฟังคําบัญชาของพระเจ้า สีผมของคาร์ลดูสว่างสดใสกว่าโคลเปย์แม้ว่าผมของเขาจะเป็นสีแดงก็ตาม คาร์ลยังจ้องนิ่งๆไปที่โคลเปย์ผู้ที่กําลังจะใช้ชีวิตราวกับตายทั้งเป็นในบ้านเกิดของตน ในสายตาของคาร์ลไม่มีความเมตตาใดๆให้กับคนที่กล้ามาแตะต้องผู้คนในอาณาเขตของเขา จากนั้นคาร์ลก็เดินออกจากห้องที่คุมขังโคลเปย์เอาไว้
เขาเริ่มเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นหนึ่ง แมรี่และเด็กๆทั้งสามก็เดินตามหลังเขามาเช่นกัน
คาร์ลเริ่มพูด
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ..นายน้อย..คาร์ล”
“เสี้ยววว!!”
“เสี้ยววว!”
-เยี่ยมไปเลย! ข้าอยากกินสเต็ก! สเต็กของข้า! –
แมรี่และเด็กๆตอบรับกันอย่างตื่นเต้น คาร์ลเองก็คิดถึงสเต็กหอมๆและไวน์แสนอร่อยเช่นกัน เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น มันเป็นการเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังมื้ออาหารที่แสนอร่อยและเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
เขาเดินผ่านห้องขังหลายต่อหลายห้องก่อนจะมองเห็นประตูที่เปิดขึ้นสู่ชั้นหนึ่ง คาร์ลเอื้อมมือไปยังกลอนประตูอย่างรวดเร็ว
เอี้ยดดดด!
ประตูค่อยๆส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามแรงที่ถูกเปิดออก
เป็บเป็บเป็บเป็บเป็บเป็บ!
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอุปกรณ์เวทย์สื่อสารดังลอดเข้ามา
แม้ประตูจะถูกแง้มออกเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถได้ยินเสียงสัญญาณเตือนได้ชัดเจน
มือที่กําลังดันประตูเปิดหยุดชะงักทันที ดูเหมือนอามูร์และนักเวทย์ผู้รับผิดชอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารจะยืนรอเขาอยู่นอกคุก
“ฉันควรออกไปหรือเปล่า?
คาร์ลลังเลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะผลักประตูออกไปในที่สุด เขาชักสีหน้ารําคาญทันทีที่โผล่ขึ้นไปบนชั้นหนึ่ง
“นายน้อยคาร์ล!”
อามูร์ตะโกนเรียกคาร์ลทันที ดูเหมือนเธอจะรีบร้อนจนลืมเรียกคาร์ลว่า “ผู้บัญชาการ” ท่าทางของเธอแสดงให้เห็นถึงสัญญาณเร่งด่วน พวกเขากําลังรอคาร์ลอย่างใจจดใจจ่อโดยที่มีอุปกรณ์เวทย์สื่อสารอยู่ในมือ ท่าทางของพวกเขาดูไม่ค่อยดีนัก
ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!
ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!
สัญญาณเตือนจากอุปกรณ์เวทย์สื่อสารยังคงดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เวทย์สื่อสารในมือของอามูร์กลับนิ่งเงียบในขณะที่ของคนอื่นๆยังคงดังเป็นระยะๆ สัญญาณไม่ได้มาจากพระราชวังและพันธมิตรของพวกเขา มันดังมาจากอุปกรณ์เครื่องอื่นที่พวกเขาเอาไว้ใช้สํารอง หากเกิดสถานการณ์เร่งด่วนหรือฉุกเฉินขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
อามูร์ปรายสายตาไปมองแมรี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังคาร์ลก่อนจะเริ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น การแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความรีบร้อนและโกรธเกรี้ยว
“เราได้รับข้อความจากคริสตจักรและวิหารต่างๆทั่วทั้งทวีปตะวันตกรวมทั้งวิหารในอาณาจักรโรมันของเราด้วย”
คริสตจักรวิหาร
“ข้อความส่วนใหญ่ที่เราได้รับจะมาจากคริสตจักรที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่าง โดยวิหารที่ติดต่อเรามามากที่สุดคือวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน”
ร่างในชุดคลุมสีดําชะงักเล็กน้อย แมรี่ค่อยๆหันไปมองคาร์ลอย่างรวดเร็ว
ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!
ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!ปิ๊บ!
การปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของหมอผี มันคือการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตผู้เป็นเจ้าของพลังอันชั่วร้ายเฉกเช่นพลังเวทย์แห่งความตาย
ความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถกําจัดหมอผีที่ใช้มนตร์ดําเหล่านี้ไปได้นํามาซึ่งความภาคภูมิใจให้กับวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันและคริสตจักรอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่าง อย่างไรก็ตามสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในสนามรบของอาณาจักรโรมัน
“ดูเหมือนคริสตจักรเหล่านี้จะใช้เส้นสายของพวกเขากับวิหารในอาณาจักรของเราโดยตรง เพราะองค์ชายรัชทายาทไม่ยินดีที่จะพูดคุยกับพวกเขา เราจึงได้รับข้อความจากทั่วทุกมุมของทวีปตะวันตก”
วิหารต่างๆในอาณาจักรโรมันได้ใช้นักบวชของพวกเขาส่งทั้งข้อความทั้งธรรมดา ข้อความเสียงและคําขอแบบภาพเคลื่อนไหวมายังฐานทัพเรือของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คาร์ลเอื้อมมือไปหาอามูร์เพื่อรับข้อความทั้งหมดมาอ่านด้วยตัวเอง อามูร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกระดาษที่เธอจดข้อความดังกล่าวให้แก่คาร์ล
ข้อความแรกปรากฏต่อสายตาคาร์ล
< อาณาจักรโรมันและคาร์ล เฮนิตัสได้ปลุกปีศาจร้ายให้กลับคืนสู่ทวีปตะวันตกอีกครั้ง พวกเขาต้องรับผิดชอบการกระทําดังกล่าวและส่งตัวปีศาจร้ายให้เราจัดการโดยด่วน!>
อามูร์ นักเวทย์และบุคคลสําคัญคนอื่นๆของกองทัพเรือต่างทราบถึงข้อความนี้แล้ว นั่นคือสาเหตุที่พวกเขารีบเร่งมาหาคาร์ลโดยด่วน
พวกเขากําลังรอว่าคาร์ลจะพูดอะไร
แมรี่เองก็รีบขยับตัวมายืนอยู่ข้างๆคาร์ลเพื่ออ่านข้อความดังกล่าว มันเป็นช่วงเวลาที่เธอกําลังจะกวาดสายตาอ่านเนื้อความในกระดาษ
แค๊ก!แค๊ก!
คาร์ลฉีกมันออกเป็นชิ้นๆก่อนที่เธอจะมีโอกาสได้อ่าน กระดาษที่ถูกฉีกขาดร่วงลงสู่พื้นทันที
“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องไร้สาระ”
มันเป็นคําพูดห้วนๆแต่แฝงไปด้วยความใจเย็นก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพูดอีกครั้ง
“คนที่เพิกเฉยต่อผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตของตนเองคนผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์…จงจําเอาไว้ให้ดี”
คําพูดนั้นทําให้แมรี่สะท้านไปทั่วร่าง
คาร์ลวางมือบนไหล่ของแมรี่ในขณะที่ปากยังคงเอื้อนเอ่ยต่อไป
“ข้าคงไม่จําเป็นต้องอธิบายหรอกใช่มั้ย?.ว่าใครที่พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตของเราและใครคือวีรสตรีจากการทําศึกครั้งนี้”
แมรี่กําหมัดของตนแน่นขึ้น
เสียงแหลมเล็กของอุปกรณ์เวทย์สื่อสารดังขึ้นในจังหวะนั้น
ปี๊บ! ปี๊บ! ปิ๊บ!
อามูร์รีบอ่านข้อความสั้นๆที่ปรากฏบนอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทันที สีหน้าของอามูร์เต็มไปด้วยความตกใจเมื่ออ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากองค์ชายรัชทายาทโดยตรง มันเป็นเรื่องเร่งด่วนทําให้พวกเขาทิ้งข้อความสั้นๆเอาไว้เพราะไม่สามารถรอคนทางฝั่งนี้ตอบกลับทันทีได้
เธอพูดขึ้นทันที
“ท่านผู้บัญชาการ! พันธมิตรไร้พ่ายกําลังมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งของอาณาจักรคาโร”
การแสดงออกของคาร์ลเริ่มเปลี่ยนไป
อาณาจักรคาโร
มันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรเบร็คและทางตะวันตกของจักรวรรดิ ทําให้มันเป็นอาณาจักรที่อยู่ใกล้กับจักรวรรดิมากที่สุด
พันธมิตรไร้พ่ายข้ามอาณาจักรเบร็คและหุบเขาแห่งความตายเพื่อเข้าโจมตีอาณาจักรคาโรก่อน จากจุดที่พันธมิตรไร้พ่ายอยู่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะส่งกองทัพเรือไปยังอาณาจักรคาโรก่อนที่จะมาเปิดศึกกับกองทัพเรือของอาณาจักรโรมัน
“ดูเหมือนอีกหนึ่งสัปดาห์พวกเขาจะเดินทางถึงอาณาจักรคาโร..จากข้อมูลที่นักเวทย์ของอาณาจักรเบรคส่งให้เราดูเหมือนจํานวนเรือยากที่จะนับได้หมด…! ท่านผู้บัญชาการ!”
อามูร์หยุดพูดและหันหน้าไปมองคาร์ล
คาร์ลกําลังยิ้ม
คาร์ลก้มมองดูเศษกระดาษที่เขาเพิ่งฉีกทิ้งไปเมื่อครู่ เขายังจําได้ดีว่าใครเป็นคนส่งข้อความนี้มาให้
< วิหารพระเจ้าแสงตะวันแห่งอาณาจักรคาโร>
อาณาจักรคาโรในปัจจุบันถือเป็นแหล่งที่ตั้งที่สําคัญที่สุดของคริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันอามูร์ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความดังกล่าวนี้ได้จึงรีบให้คาร์ลตัดสินใจโดยด่วนว่าต้องทําอย่างไร
ในขณะที่คาร์ลก็กําลังนึกถึงคนที่เขาพบในบ้านประมูลเมื่อครั้งที่ปลอมตัวโดยการใส่หน้ากากสีขาว
หัวหน้านักบวชของวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันคือคนที่ตกลงจ่ายเงิน 23,000 ล้านคอนด์ให้กับเขาและรอให้คาร์ลกลับไปพร้อมกับเครื่องมือพระเจ้าแห่งแสงตะวัน หากเขาเลือกส่งข้อความ เช่นนี้มาย่อมหมายความว่าหัวหน้านักบวชไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพเรือของพันธมิตรไร้พ่าย
นอกจากนี้
“หมอนั่นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉัน”
คาร์ลหันไปมองด้านข้างของตนเพื่อมองดูแมรี่ในชุดคลุมสีดํา
คาร์ลคิดถึงกลุ่มคนที่เขาวางแผนจะให้เป็นวีรบุรุษและวีรสตรี ตัวตนของเขาจะค่อยๆจางหายไปหากกลุ่มคนเหล่านี้ได้กลายเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีอย่างที่เขาหวัง
ดาร์กเอลฟ์เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เขาปรารถนาให้เป็น
พวกเขาพากันอาศัยในเมืองใต้ดินเพราะมนุษย์เกลียดชังพวกเขา เมืองใต้ดินนั้นตั้งอยู่ใน อาณาจักรคาโรและการที่แมรี่กลายเป็นหมอผีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ก็ต้องขอบคุณดาร์กเอล์ฟด้วยเช่นกัน
ไหนจะมีหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์เช่นฮันนาห์และนักบวชแจ็คที่อาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศของคาร์ลอีกด้วย
รอยยิ้มของคาร์ลหนาขึ้นเรื่อยๆ เท้าของเขาก็บดขยี้เศษกระดาษอย่างเมามัน
“ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
อามูร์และคนอื่นๆไม่เข้าใจสิ่งที่คาร์ลพูดและพากันหันไปมองคาร์ลด้วยความงุนงง
อย่างไรก็ตามแมรี่และเด็กๆทั้งสามต่างเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลพูด
แปะ!แปะ!
ลูกแมวทั้งสองใช้อุ้งมือของตนแตะไปที่เท้าของแมรี่เบาๆในขณะที่แมรี่ก็ค่อยๆคลายหมัดของตนออก
คาร์ลหันไปสั่งอามูร์
“เชื่อมต่อสัญญาณไปยังองค์ชายรัชทายาทให้ข้าที”
ณ ห้องผู้บัญชาการ
พวกเขาสร้างห้องนี้ขึ้นมาชั่วคราวเพื่อใช้เป็นห้องสํานักงานและใช้วางกลยุทธ์ในการทําศึก
คาร์ลนั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งมีรูปทรงเป็นรูปวงรียาว เขานั่งรอให้นักเวทย์สองคนและอามูร์เชื่อมต่อสัญญาณไปยังองค์ชายรัชทายาทให้
นักเวทย์ลอบมองคาร์ลหลายต่อหลายครั้ง พวกเขามองเห็นสีหน้าแข็งกระด้างของคาร์ล ท่าทางขึงขังของคาร์ลที่ยังคงนั่งเงียบอยู่บนหัวโต๊ะโดยไม่มีลูกน้องคนใดติดตามเขามาทําให้นักเวทย์ยังคงลอบมองเขาต่อไป
ไม่มีทหารหรือขุนนางคนอื่นๆอยู่ในห้องนี้
“ท่าทางขึงขังเช่นนี้คือตัวตนที่แท้จริงของผู้บัญชาการหรือไม่?
นักเวทย์ไม่สามารถพูดอะไรออกนอกจากคิดว่าตัวเองได้เห็นรูปลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ของวีรบุรุษผู้นี้
อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของคาร์ล
“ฉันต้องทํางานต่อเนื่องโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะไปหาอะไรกิน.ฉันควรเป็นผู้บัญชาการที่สบายกว่านี้สิ!?..ในที่แห่งนี้ฉันมีตําแหน่งที่สูงที่สุดแล้วทําไมฉันต้องมานั่งทุกข์ทรมานเช่นนี้?”
คาร์ลรู้สึกเสียใจกับความจริงในข้อนี้
-มนุษย์เจ้าไม่หิวเหรอ?.ข้าควรแบ่งพายแอปเปิ้ลให้เจ้ากินหรือเปล่า? มันไม่ขึ้นแล้วนะ! –
แน่นอนว่าคาร์ลเพิกเฉยต่อความคิดของเด็กหกขวบ
“ท่านผู้บัญชาการ..เราเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว!”