บทที่ 209 เจ้ากลับมาแล้ว 4 (1)
เสียงราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ลแทบจะทันที
– เฮ้อ..หมอนี่เสียสติไปแล้วจริงๆ! –
คาร์ลเองก็ไม่รู้จะตอบสนองต่อท่าทีของมังกรวัยหกขวบในลักษณะใดเช่นกัน เขามองเห็นสายตาแปลกๆที่พาสต้นใช้มองเขาเช่นเดียวกับร่างแข็งค้างของวิเทียร์และอาร์ซีที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบในป้อมตรวจการ
แน่นอนว่าอาร์ซีทันได้ยินคําพูดที่โคลเปย์พูดก่อนหน้านี้และอดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้
“ ว้าว!! ให้ตายเถอ-เอ่อ..ข้าหมายถึงทําไมเจ้าถึงทําเรื่องน่าพึ่งให้ข้าได้ประหลาดใจอีกครั้งล่ะเนี่ย”
อาร์ซีรีบเปลี่ยนคําอุทานของตนไปเป็นคําชมให้กับโคลเปย์แทนสายตาที่เขามองไปที่โคลเปย์ ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเขายกมือขึ้นปิดปากทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่โคลเปย์พูดหลังจาก
“ทุกอย่างที่ท่านคาร์ลพูดมักเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเขารู้ทุกอย่างเราสามารถเดินไปตามทางที่ถูกต้องได้หากเราทําตามท่านผู้นี้”
อาร์ซีไม่อยากจะเชื่อว่าโคลเปย์จะรู้สึกชื่นชมในตัวคาร์ล อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคําพูดเหล่านี้ ตัวการที่ทําให้โคลเปย์รู้สึกและพูดเรื่องเหล่านี้ออกมา
“มันเป็นเรื่องจริง”
สิ่งที่โคลเปย์พูดเป็นความจริง แม้ว่ามันจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยแต่นายน้อยคาร์ลคือคนที่มักก้าวนําคนอื่นไปหนึ่งก้าวเสมอ เขาทําทุกอย่างราวกับวางแผนไว้ล่วงหน้าและสามารถนําจุดอ่อนของศัตรูมาตลบหลังได้อย่างเลือดเย็น
“ข้าเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง”
วิเทียร์พูดขึ้นพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับโคลเปย์ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสนุกสนานกับความเชื่อของโคลเปย์ นั่นทําให้อาร์ชีถึงกับพูดอะไรไม่ออก
มนุษย์ช่างน่ากลัวจริงๆ”
แม้ว่าท่านชิกเลอร์ผู้เป็นราชาแห่งเผ่าวาฬจะเป็นคนที่กําราบอาร์ซีได้อยู่หมัดแต่เขาคิดว่าราชาวาสผู้นี้ยังน่ากลัวน้อยกว่าคาร์ลเสียอีก เขาแสร้งทําเป็นไม่รู้เรื่องใดๆแม้ว่าดวงตาจะสั่นคลอนอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตามมีคนที่ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้
[“อ.อะไรนะ?”]
เป็นท่านดยุคร็อก เซคก้านั่นเอง เขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้เลย
[ “พระเจ้า?ตํานาน?”]
ดยุคร็อกรู้ดีว่าบุตรชายของตนนั้นหมกมุ่นอยู่กับตํานานต่างๆมากเพียงใดแต่นั่นเป็นเพราะเขาต้องการเป็นหนึ่งในใต้หล้าไม่ใช่เพราะต้องการรับใช้บุคคลผู้เป็นเจ้าของตํานานแต่อย่างใด
สายตาของดยุคร็อกเคลื่อนไปหาคาร์ลอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าท่าทางที่คาร์ลใช้มองโคลเปย์นั้นจะดูแปลกๆแต่ความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพราะความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“อ่า…น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย”
ตรงข้ามกับสิ่งที่คาร์ลคิดอยู่ในหัว เสียงที่เจือไปด้วยความเหลือเชื่อก็ดังก้องไปทั่วป้อมตรวจการ
[“หัวหน้าโคลเปย์…ตอนนี้ท่านกําลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”]
ดยุคร็อกเอ่ยเรียกโคลเปย์ว่าหัวหน้า แทนที่จะใช้สรรพนามปกติเรียกขานบุ ตรชายของตนนั่นทําให้คาร์ลอยากปรบมือให้ดยุคดังๆที่สามารถเก็บอาการของตนไว้ได้ แม้ว่าคาร์ลจะตกใจกับคําพูดของโคลเปย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดยุคจะต้องตกใจตามไปด้วย ตอนนี้ในใจของดยุคอาจกําลังคิดว่าบุตรชายของตนเสียสติไปแล้วหรือไม่ก็กําลังถูกขู่คุกคามอยู่
“ฉันควรเข้าไปแทรกดีหรือเปล่า?
คาร์ลกําลังลังเลว่าตัวเองควรเข้าไปแทรกพวกเขาตั้งแต่ตอนนี้ดีหรือไม่? เขาควรเข้าไปจัดการ เพื่อให้สถานการณ์ในตอนนี้ดําเนินไปในทิศทางที่ถูกที่ควรมากกว่านี้
ตอนนั้นเองที่โคลเปย์เริ่มพูดขึ้น
“ท่านดยุค”
เสียงของเขาฟังดูปกติยิ่งนัก
“แค่สามวัน”
โคลเปย์ทบทวนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี
มีหลายอย่างที่ทําให้เขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าคาร์ลคือบุคคลในตํานาน เขาจําลองภาพเหตุการณ์ต่างๆในหัวของเขาเมื่อครั้งยังถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน หมอผีได้เล่าถึงวิธีการต่างๆที่พวกเขาใช้จนสามารถชนะศึกในมหาสมุทรได้โดยไม่คิดปิดบังข้อมูลแม้แต่น้อย นั่นคือสาเหตุที่เขาหาข้อสรุปให้กับตนเองได้
[“สามวัน?”]
เสียงเลื่อนลอยของดยุคตอบกลับมาในขณะที่มือกลอบส่งสัญญาณบางอย่างอย่างให้กับนักเวทย์ที่ประจําการอยู่ในห้อง มันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าการสนทนานี้จะไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากห้องนี้ได้ ข้อมูลนี้จะไม่ถูกส่งไปยังพันธมิตรไร้พ่ายโดยเด็ดขาด
อิทธิพลของอาณาจักรพารันต่อกลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายถูกลดลงทันทีเมื่อโคลเปย์ถูกจับกุมและสมาชิกอาร์มที่มีพลังในการควบคุมไวย์เวิร์นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะนี้ต้องยอมรับว่าอาณาจักรนอร์แลนด์และอาณาจักรอัสโคซานหรือแม้แต่เผ่าหมีและเผ่าคนแคระไฟต่างมีฐานทัพเรือและอิทธิพลมากกว่าอาณาจักรพารันเสียด้วยซ้ํา
“แล้วทําไมอาณาจักรโรมันถึงเลือกบุกโจมตีอาณาจักรพารันในเวลานี้ด้วยล่ะ!”
ดยุคร็อกรู้สึกปวดหัวเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีเลยสักนิด แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่จํานวนอัศวินและทหารของอาณาจักรพารันมีจํานวนที่สูงมากมิเช่นนั้นแล้วอิทธิพลของพวกเขาคงลดลงยิ่งกว่านี้
ดยุคร็อกถอนหายใจออกมายืดยาว
“ขอรับ..แค่สามวัน! นั่นคือระยะเวลาที่อาณาจักรโรมันจะพิชิตเมืองหลวงของอาณาจักรเราสําเร็จ”
ร่างของคาร์ลและดยุคร็อกชะงักศึกทันที
โคลเปย์อธิบายต่ออย่างมั่นใจกับฐานอํานาจที่ไม่สามารถหาคําจํากัดความได้นอกจากเรียกสิ่งนี้ว่าตํานานหน้าใหม่เท่านั้น
“การมีเผ่าวาฬร่วมทัพกับพวกเขาแล้วนั้น ย่อมหมายความว่าอาณาจักรพารันสามารถถูกทําลายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหากพวกเขาปรารถนาที่จะทําแบบนั้นจริงๆ”
โคลเปย์ยังคงพูดต่อไปช้าๆ
“ท่านคาร์ลมีกําลังมากพอที่จะทําลายไวย์เวิร์นที่เหลือได้แม้ว่าพวกมันจะมีพลังในระดับต่ําสุด แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของดาวแดงทั้งสามที่อาร์มส่งมาช่วยเราก็ถูกจับแล้วขอรับ”
โคลเปย์มั่นใจว่าสติของตัวเองมีเต็มร้อย
“ท่านคาร์ลมีพลังมากพอจนสามารถทําลายเรือทั้งสามร้อยลําได้ในพริบตา”
เขาทบทวนเรื่องเหล่านี้มานับไม่ถ้วนและได้ข้อสรุปอย่างมั่นใจ
“เขามีปรมาจารย์ดาบ หมอผีและผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบเป็นจํานวนมาก นอกจากนี้เขายังมีสมาชิกคนอื่นๆที่มีระดับความแข็งแกร่งพอๆกับเผ่าวาฬคอยปกป้องเขาอีกด้วย”
โคลเปย์ไม่ได้เสียสติ
เขาแค่เลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
“ท่านพ่อ..ไม่สิ!?.ท่านดยุค”
โคลเปย์เองก็เป็นปรมาจารย์ดาบเช่นกัน เขาเริ่มสงครามครั้งนี้ก็เพื่อที่ตัวเองจะได้กลายเป็นตํานานบทใหม่ เขาคือคนที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะสามารถบรรลุเป็นปรมาจารย์ดาบได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาเห็นความเป็นไปทั้งหมด
“ข้าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป”
ภาพอนาคตที่โคลเปย์คิดได้เป็นฉากๆถูกส่งต่อให้บิดาของเขา
“พันธมิตรไร้พ่ายจะไม่สามารถยึดครองดินแดนทางใต้ได้”
ดยุคร็อกมองเห็นสายตาแน่วแน่ของบุตรชายตน แววตาที่ว่างเปล่าเมื่อครู่นี้ของโคลเปย์ได้ส่องประกายระยิบระยับขึ้นในตอนนี้ นี่คือแววตาที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลเซคก้า แววตาของงูขาวที่ไม่ยอมพลาดโอกาสให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป
โคลเปย์ไม่ได้ซ่อนสายตานี้จากคาร์ล
“เราต้องทําตามท่านคาร์ลขอรับ”
งูขาวต้องการติดตามผู้เป็นตํานานแม้ว่าตัวเองจะต้องอาศัยอิทธิพลของคนผู้นี้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆก็ตาม
“อย่างน้อยเราก็สามารถทําตามเส้นทางของตํานานได้”
อาณาเขตเฮนิตัสเป็นเพียงอาณาเขตเล็กๆในอาณาจักรที่ไม่ได้มีอิทธิพลหรือชื่อเสียงใดๆมากนัก มันคือวิธีที่คาร์ลใช้โดยเริ่มต้นจากดินแดนเล็กๆก่อนจะทําให้สะเทือนไปทั่วทั้งทวีปตะวันตก นั่นไม่ใช่จุดเริ่มต้นของวีรบุรุษในตํานานหรือไงกัน?
โคลเปย์ยังคงพูดกับพ่อและคนอื่นๆจากอาณาจักรพารันที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ท่านดยุคอย่างน้อยเราก็ต้องรอด”
หากพวกเขาต้องการอยู่รอดก็จําเป็นต้องตัดพันธมิตรไร้พ่ายออกไป
ดยุคร็อกรู้สึกสับสนไม่น้อย โคลเปย์ยอมรับความช่วยเหลือจากอาร์มในขณะที่ยืนกรานว่าตัวเองจะกลายเป็นปรมาจารย์ดาบอันดับหนึ่งและสร้างตํานานบทใหม่ขึ้นมาได้ แม้ว่าตอนนี้อาร์มจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายแต่กลุ่มพันธมิตรทางตอนเหนือรุ่นดั้งเดิมก็ยังคงให้ความสําคัญกับบุตรชายของเขาอยู่ดี
แววตาของโคลเปย์ในตอนนี้ดูดียิ่งกว่าตอนที่ประกาศให้พันธมิตรของตนมุ่งหน้าไปยึดครองดินแดนทางใต้เสียอีก อารมณ์ที่ไม่สามารถระบุความหมายได้เข้าจู่โจมไปทั่วร่างของดยุคร็อก
“เอาล่ะ”
คาร์ล เฮนิตัส ชายที่ยืนอยู่ข้างๆบุตรชายของเขาเอ่ยขึ้นก่อนตบไปที่ไหล่ของโคลเปย์หนักๆ อีกครั้ง เขามองผ่านหน้าจอไปยังดยุคร็อกก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงที่เป็นทางการมากกว่าเดิม
“ตอนนี้ข้าจะสอนท่าน..ว่าท่านจะอยู่รอดได้อย่างไร”
อย่างไรก็ตามประโยคดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้ดยุคร็อกเชื่อมั่นได้
คาร์ลตบไปที่ไหล่ของโคลเปย์หนักขึ้นเมื่อเริ่มอธิบายต่อ
“มันจะทําให้อาณาจักรพารันไม่ล้มครืนและยังคงมีอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดทางตอนเหนือของทวีปตะวันตกหลังเสร็จสิ้นสงคราม”
ดยุคร็อกให้ความสนใจกับคําว่าอาณาจักรพารันยังคงเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดทางตอนเหนือเป็นพิเศษ
[“ มันจะมีวิธีเช่นนี้ได้อย่างไร?.อะไรที่ทําให้ “]
“ถ้าท่านอยากรู้”
ดยุคร็อกจ้องไปที่คาร์ลซึ่งพูดขัดเขาขึ้นมาก่อนที่จะพูดจบ ท่าทางของคาร์ลราวกับว่าตัวเองมีตําแหน่งดยุคเช่นเดียวกับเขา ท่าทางของคาร์ลดูคล้ายกับรําคาญและอยากจัดการให้ธุระเสร็จๆ สักที
“มาคุยกันที่นี่ดีกว่าขอรับ..ข้าไม่สนุกกับการยืนคุยเช่นนี้”
คาร์ลเอ่ยปากให้ดยุคร็อกเดินทางมายังป้อมตรวจการเพื่อคุยธุระกันเสียที แม้ว่ามันจะฟังดู สุภาพแต่มันก็ดูเหมือนกับคําสั่งมากกว่าจะเป็นคําขอร้อง
ดยุคร็อกมองเห็นป้อมตรวจการที่ถูกทําลายนอกหน้าต่างซึ่งมันเป็นตําแหน่งที่อยู่ด้านหลังของคาร์ลพอดี เสียงเรียบเรื่อยๆ ของคาร์ลดังเข้ามาในหูของเขาในตอนนั้น
“อ้อ?! แต่ถ้ามีมากกว่าห้าคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เราจะถือว่าเป็นการประกาศสงครามและจะทําการโจมตีทันที.เผ่าวาฬจะลงมือทําลายชายฝั่งทั้งหมด”
ดยุคร็อกเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้าของคาร์ล มันเป็นใบหน้าที่ขุนนางส่วนใหญ่มักเป็นกันแต่ทันใดนั้นคาร์ลก็ยกมือขึ้น
“เป็นเพราะท่านจะใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารมาที่นี่”
เขาชี้นิ้วทั้งห้าให้ดยุคร็อกได้เห็นชัดๆ
“ห้านาที”
พาคนมาที่นี่ไม่เกินห้าคนและต้องมาถึงภายในห้านาทีเท่านั้น มันเป็นวิธีการที่ทําให้ดยุคร็อก ไม่ทันได้มีเวลาคิดหรือเตรียมการใดๆด้วยซ้ํา
ลืมพระเจ้าไปซะ! เพราะคาร์ลดูเหมือนปีศาจร้ายในสายตาของดยุคร็อกยิ่งนัก เสียงของปีศาจร้ายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“ท่านจะแจ้งให้พันธมิตรทราบก็ได้หากท่านต้องการ แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงต่ออาณาจักรพารันหรือแม้แต่ตระกูลเซคก้าของท่าน แน่นอนว่าข้าสามารถจัดการที่นี่ได้อย่างราบคาบหากท่านปฏิเสธข้อเสนอของเราในวันนี้”
มันเป็นจริงอย่างที่คาร์ลพูด
กลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายที่ยกพลลงไปทางใต้แล้วจะย้อนกลับมาช่วยอาณาจักรพารันที่ไม่มีทั้งไวย์เวิร์นและปรมาจารย์ดาบอีกต่อไปงั้นหรือ?
เสียงของคาร์ลลอดเข้ามาถึงหูดยุคร็อกอีกครั้ง
“หนึ่งนาทีผ่านไป”
คลิก!
จากนั้นเขาก็ตัดสัญญาณลงทันที
ดยุคร็อกหลับตาลงครู่หนึ่ง
“เร็วเข้า! ไปเตรียมตัวให้พร้อม!”
เขาตะโกนออกมาอย่างเร่งด่วนก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น
เอี้ยด!!
ประตูสู่ห้องควบคุมเวทย์สื่อสารภายในป้อมตรวจการถูกเปิดออกช้าๆ ดยุคร็อกและผู้ติดตามหยุดยืนอยู่หน้าประตู ดยุคร็อกกวาดสายตาเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องทันที่ที่ประตูเปิดกว้างออก
“ยินดีต้อนรับ”
มีร่างของชายคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับจิบชาอย่างสบายใจ คาร์ลเอ่ยต้อนรับดยุคร็อกที่ยืนแข็งค้างอยู่หน้าประตูห้อง
เป็นเพราะดยุคร็อกมองเห็นบุตรชายของตนนั่งอยู่บนรถเข็นและยกชาขึ้นจิบ เขายังมองเห็นคนอื่นๆที่คาดว่าจะเป็นร่างมนุษย์ของสมาชิกจากเผ่าวาฬ
จิตสํานึกของความเป็นพ่อปะทะเข้าสู่ร่างของดยุคร็อกทันที
“โคลเปย์!”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยุคร็อกได้ยินมีเพียงเสียงของคาร์ลเท่านั้น
“ข้าจะสร้างตํานานบทใหม่ให้กับอาณาจักรพารันตามที่บุตรชายของท่านต้องการ”
ดยุคร็อกหยุดชะงักทันที ท่าทางของโคลเปย์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ถ้วยน้ําชาในมือของเขากําลังสั่นระริก สายตาของดยุคร็อคจึงหันไปมองคาร์ลแทน ใบหน้าของคาร์ลกําลังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“สามอย่าง”
คาร์ลยื่นข้อเสนอให้กับดยุคร็อก
“ข้าจะขอบางอย่างจากท่านทั้งหมดสามอย่างและข้า..จะบอกข้อเท็จจริงให้ท่านรู้สามข้อเช่นกัน”
บทสนทนาและการแลกเปลี่ยนข้อตกลงก็ถูกเริ่มต้นด้วยประโยคเหล่านี้
คาร์ลยื่นข้อเสนอที่ตัวเองต้องการทั้งหมดสามข้อ หลังจากนั้นเขาก็แจ้งข้อเท็จจริงที่อาณาจักรพารันจําเป็นต้องทราบทั้งหมดสามข้อให้กับดยุคร็อก มันใช้เวลาไม่นานในการเจรจาเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด
เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าน้ําชาในถ้วยของพวกเขาจะเย็นชืดแต่มันก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆเท่านั้น บทสนทนาของคาร์ลและดยุคร็อกสิ้นสุดลงหลังจากนั้น คาร์ลลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีเมื่อการเจรจาในครั้งนี้จบลง
“ท่านมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ในการเตรียมตัว”
คาร์ลไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะหันหลังให้กับดยุคร็อก
“ หนึ่งสัปดาห์”
ดยุคร็อกมองเห็นประกายตามุ่งร้ายของสมาชิกจากเผ่าวาฬและฝูงวาฬที่ยังคงว่ายวนอยู่ในมหาสมุทร
หนึ่งสัปดาห์! แม้ว่าเขาจะมีเวลาในการเตรียมตัวแต่ฝูงวาฬจํานวนหนึ่งก็ถูกสั่งให้ประจําการอยู่ที่นี่เช่นกัน การเคลื่อนไหวของวาฬทั้งหมดจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากได้รับคําสั่งจากคาร์ลในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
ดยุคร็อกไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากสถานีได้ในทันที เขากุมขมับและทบทวนสิ่งต่างๆอยู่ในป้อมตรวจการเป็นเวลาหลายชั่วโมง