ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 213.1

ตอนที่ 213.1

บทที่ 213 เจ้าจะรับมันหรือไม่? 4 (1)

เสียงเรียบๆขององค์ชายเอดินลอดเข้ามาในหูคาร์ลอีกครั้ง

“อืม..จริงอย่างที่เจ้าว่า..หลังจากชนะศึกกลับมาเจ้าก็ต้องรู้จักผ่อนคลายเสียบ้าง เอาจริงๆเจ้าควรหยุดพักให้นานกว่านี้”

สีหน้าของคาร์ลเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน

เจ้าควรหยุดพักให้นานกว่านี้

ใครที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้อาจคิดว่าองค์ชายเอดินหวังดีต่อเขาแต่สําหรับคาร์ลแล้วชายสองหน้าคนนี้กําลังแช่งให้เขาตายต่างหาก คงมีแต่คนตายเท่านั้นที่จะได้พักนานๆแบบที่เขาต้องการ

องค์ชายรัชทายาทเอดินก็แค่แสร้งทําเป็นหวังดีเท่านั้น คาร์ลลอบสังเกตเอดินและคนอื่นๆไปพร้อมๆกัน เขาเห็นอัศวินอยู่ 2-3 นายซึ่งทําหน้าที่เป็นองครักษ์และยืนอยู่ด้านหลังของเอดิน เช่นเดียวกับอัศวินบางส่วนของอาณาจักรคาโรที่มีท่าทางชวนอึดอัดใจไม่น้อย

“หากให้ฉันเดา..คนของอาณาจักรคาโรก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอองค์ชายเอดินที่นี่สินะ?”

มันค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจน หากองค์ชายเอดินคือคนที่นํากําลังเสริมมายังอาณาจักรคาโรด้วยตัวเอง องค์ชายอัลเบิร์กก็ต้องรู้เรื่องนี้เช่นกัน คาร์ลยังคงลอบมองเอดินเงียบๆในขณะที่อีกฝ่ายก็สาวเท้ามาใกล้เขาเช่นกัน เอดินหยุดยืนตรงหน้าคาร์ลพลางเอ่ยขึ้นราวกับเสียงกระซิบ

“ข้ารูสึกตกใจไม่น้อยที่เจ้าตอบรับคําช่วยเหลือในครั้งนี้ ข้าคิดว่าเจ้าจะหยุดพักผ่อนเสียอีก”

เอดินไม่ได้คาดหวังว่าคาร์ลจะนําทัพมาด้วยตัวเอง เขาคิดว่าคาร์ลควรที่จะหยุดพักผ่อนหลังจากชนะศึกในอาณาจักรของตนได้แล้ว เอดินพูดราวกับว่าแค่ใช้กําลังของจักรวรรดิเพียงฝ่ายเดียวก็จะสามารถช่วยอาณาจักรคาโรให้ชนะสงครามได้อย่างนั้น? ซึ่งคาร์ลเองก็ตอบกลับในลักษณะเดียวกัน

“กระหม่อมก็ไม่คิดว่าจะได้พบพระองค์ที่นี่เช่นกัน”

ทําไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? เขากําลังวางแผนจะทําอะไรและพยายามที่จะขัดขวางอะไรอยู่?

นั่นคือสิ่งที่คาร์ลคิดอยู่ในใจ

ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาใกล้จุดที่อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารตั้งอยู่

“โอ้! พวกเจ้าอยู่ที่นี่เองรึ?”

คาร์ลไม่เคยพบชายผู้นี้มาก่อนแต่ก็เคยได้ยินกิติศัพท์ของคนผู้นี้มาพอสมควร ทําให้เขารู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้เป็นใคร

“องค์ชายวาเลนติโน่” องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรคาโร

“ข้านึกว่าเจ้าอยู่ในห้องทรงงานของข้าเสียอีก..ทําไมจู่ๆถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

นอกจากนี้เขายังเป็นเพื่อนสนิทกับองค์ชายเอดินอีกด้วย

วาเลนติโน่วางมือไว้บนไหล่ของเอดินและเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าพวกเขาจะดูแตกต่างกันไม่น้อยแต่ทั้งสองก็ดูเข้ากันได้ดีทีเดียว

“วีรบุรุษมาเยือนทั้งทีข้าก็ต้องออกมาต้อนรับหน่อยสิ”

เอดินยกยิ้มก่อนจะชี้ไปที่คาร์ล วาเลนติโน่จึงยื่นมือออกมาเพื่อเอ่ยทักทายคาร์ล

“ยินดีที่ได้พบเจ้ายิ่งนัก! ต้องขอบคุณเจ้ามากที่มาช่วยเหลืออาณาจักรของเรา ข้าตั้งใจจะมาทักทายเจ้าก่อนแต่ดูเหมือนสหายของข้าจะชิงตัดหน้าไปเสียแล้ว”

วาเลนติโน่เป็นองค์ชายรัชทายาทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความเป็นกันเอง เขาไม่ค่อยถือในตําแหน่งและเคร่งเรื่องมารยาทมากนัก นั่นคือเหตุผลที่เขาเป็นฝ่ายเอื้อมมือมาทักทายผู้บัญชาการทหารจากต่างแดนก่อน

“เป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ในวันนี้”

คาร์ลค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและเอื้อมมือไปจับกับวาเลนติโน่อย่างนอบน้อมเพราะถึงอย่างไรเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์ชายรัชทายาท วาเลนติโน่ยิ้มรับเมื่อเห็นท่าทางดังกล่าว

“ดี! เจ้าเป็นคนแบบที่ข้าชอบ! ข้าไม่ชอบคนที่เคร่งเรื่องมารยาทมากนัก เป็นกันเองแบบนี้สินะข้าชอบ!”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”

คาร์ลค่อยๆปล่อยมือออกและลอบสังเกตวาเลนติโนไปในตัว ขาแสร้งทําตัวเป็นปกติแต่ก็มีอีกเรื่องที่เขาอยากรู้

“องค์ชายวาเลนติโน่เชื่อใจในจักรวรรดิและองค์ชายเอดินผู้เป็นเพื่อนสนิทของตนหรือไม่?

โคลเปย์ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับพันธมิตรไร้พ่ายให้เขาฟังเพิ่มเติม ซึ่งอาณาจักรคาโรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา

“พันธมิตรทางตอนเหนือ” “อาร์ม และ จักรวรรดิ

อาณาจักรคาโรไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ดังกล่าว หากพวกเขารู้จะไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากจักรวรรดิเป็นอันขาด

“แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ทุกด้านของจักรวรรดิ

จักรวรรดิได้ซื้อทาสเป็นจํานวนมากเพื่อใช้ในการทดลองของหอระฆังเล่นแร่แปรธาตุ เป็นไปได้หรือไม่ที่อาณาจักรคาโรไม่รู้เรื่องชั่วร้ายที่จักรวรรดิทําเอาไว้?

“เดี๋ยวฉันก็รู้เรื่องนี้เองนั่นล่ะ”

คาร์ลไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ เพราะในอีกไม่ช้าอาณาจักรคาโรจําเป็นต้องเลือกเอนไปข้างใดข้างหนึ่งอยู่แล้ว

“เอาล่ะ! เราไม่ควรมายืนคุยกันเช่นนี้ เดี๋ยวข้าจะนําทางพวกเจ้าไปเอง”

“เอ่อ..องค์ชายพะย่ะค่ะเดี๋ยวกระหม่อมนําทางเองพะ ”

“ไม่เป็นไร”

วาเลนติโน่โบกมือปฏิเสธให้คนของตน จากนั้นก็เริ่มสาวเท้าเพื่อนําทางพวกเขาทั้งสองไปยังห้องที่ตัวเองเตรียมไว้ คาร์ลเฝ้ามองท่าทางเป็นกันเองด้วยความอึ้งเล็กน้อย ในขณะที่เอดินก็เริ่มเอ่ยขึ้นเช่นกัน

“ในเมื่อข้าก็ได้เจอเจ้าแล้ว แถมยังได้พบนายน้อยคาร์ลผู้โด่งดังของเราอีกด้วย มันก็คงถึงเวลาที่ข้าจะเดินทางกลับเสียที”

“ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ประชุมด้วยกันเสียอีก?”

วาเลนติโน่เอ่ยถามเอดินด้วยความผิดหวังซึ่งเอดินก็ตอบกลับด้วยสีหน้าผิดหวังเช่นกัน

“ข้าเองก็อยากอยู่ต่อแต่ก็มีงานให้ข้ากลับไปทําที่จักรวรรดิเช่นกัน แต่ดยุคฮูเต็นก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาจะต้องช่วยเหลือเจ้าได้มากทีเดียว..ไม่ต้องกังวลไป ”

“จริงอย่างที่เจ้าว่า”

เอดินตบไปที่ไหล่ของวาเลนติโน่อย่างให้กําลังใจ

“ชัยชนะจะต้องเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน…ข้าไม่ได้พูดมันในฐานะองค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิแต่ข้าพูดมันในฐานะเพื่อนสนิทของเจ้า”

“ขอบคุณเจ้ามาก”

วาเลนติโน่รู้สึกขอบคุณจากใจจริง

“ทั้งดยุคฮูเต็น ทหาร กองกําลังอัศวินและนักเวทย์ที่จักรวรรดิส่งมาช่วยเหลือในครั้งนี้ ข้ารู้ดีว่าเจ้าทําเพื่อข้ามากเพียงใด เราจะต้องชนะอย่างแน่นอน!”

“เยี่ยม! ให้มันได้อย่างนี้สิถึงจะสมเป็นเจ้า!”

กลุ่มคนจากอาณาจักรคาโรและอาณาจักรโรมันที่ไม่รู้ถึงเบื้องหลังของจักรวรรดิต่างระบายยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสองให้กําลังใจซึ่งกันและกัน

แน่นอนว่ามีคนหนึ่งที่ไม่ได้คล้อยตามกับสิ่งนี้

การแสดงออกของคาร์ลเปลี่ยนไปในทันที เขามีท่าทางฝืนๆโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น

“มันแปลกมาก”

“ทําไมพวกเขาทั้งสองถึงดูสนิทกันขนาดนี้?”

คาร์ลรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกถึงลางไม่ดีกับเรื่องนี้

ยิ่งไปกว่านั้นเขาส่งปรมาจารย์ดาบซูเต็น กองกําลังอัศวินและนักเวทย์มาช่วยอาณาจักรคาโรงั้นรึ?”

เขาส่งทุกคนมายกเว้นนักเล่นแร่แปรธาตุ

เห็นได้ชัดว่าจักรวรรดิพยายามให้เห็นถึงน้ำใจที่เขามอบให้แก่อาณาจักรคาโร มันย่อมเป็นสิ่งที่สวยงามหากมันคือมิตรภาพจากใจจริง อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่องค์ชายเอดินจะทําเช่นนั้น พันธมิตรไร้พ่ายจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เท่านั้นจักรวรรดิจึงจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

เจ้ามนุษย์อ่อนแอ! รอยยิ้มขององค์ชายผู้นี้ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“แม้แต่เด็กแบบราอนก็ยังสังเกตเห็น”

คาร์ลยิ่งจ้องเอดินด้วยความสงสัยมากขึ้น ทันใดนั้นเอดินก็หันมาสบตาเข้ากับเขาพอดี

“ข้าดีใจที่ได้มาเจอเจ้าอีกครั้ง”

“เป็นเกียรติของกระหม่อมเช่นกันพะย่ะค่ะ”

คนอื่นๆนอกเหนือไปจากกลุ่มของคาร์ลมองดูการสนทนาของคาร์ลและองค์ชายรัชทายาททั้งสองด้วยรอยยิ้ม ความจริงที่ว่าคาร์ลได้รับเกียรติจากองค์ชายรัชทายาทพร้อมกับบุคลิกที่ดูสง่างาม คล้ายคลึงกับคนทั้งสองทําให้คาร์ลดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

รอยยิ้มของพวกเขายิ่งกว้างขึ้นไปอีกเมื่อ

“เจ้าคือปรมาจารย์ดาบคนล่าสุดของอาณาจักรโรมันแถมยังมีอายุน้อยที่สุดอีกด้วยสินะ?”

องค์ชายเอดินเอ่ยทักทายเชวฮันผู้เป็นความภาคภูมิใจของชาวอาณาจักรโรมันและยังเป็นวีรบุรุษคนใหม่อีกด้วย กองพลอัศวินทะลวงฟันและกองกําลังนักเวทย์ที่ติดตามคาร์ลมาในครั้งนี้รู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นความเกรงขามในสายตาขององค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิ

อย่างไรก็ตามมีคนที่ไม่ได้หลงกลไปกับการกระทําดังกล่าว คาร์ลพยายามไม่ให้มุมปากของตนกระตุกขึ้นอย่างรู้ทัน

“อืม..น่าสนใจจริงๆ”

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท