บทที่ 217 พลิกกลับ 3 (2)
หากให้พูดตามตรงวาเลนติโน่ต้องการให้นักบวชเสียสละตัวเอง จากสิ่งที่ดยุคฮเต็นบอกเอาไว้ เหล่านักบวชจะไม่ตาย ความปรารถนาที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวของเขาคือการให้นักบวชยอมเสียสละตัวเอง!
“แม้แต่เส้นทางเดินเล็กๆก็ลําบากเกินไปอย่างนั้นหรือ? พวกท่านก็มีกันตั้งหลายคนจะมีใครยอมเสียสละเพื่อทําการนี้หรือไม่? ถึงมันจะเจ็บปวดแต่พวกท่านก็ไม่ตายไม่ใช่รึ?”
อย่างไรก็ตามหัวหน้านักบวชทําเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่องค์ชายวาเลนติโน่ตรัสออกมา เขาไม่ต้องการให้ตัวเองต้องประสบกับความเจ็บปวด ทําไมเขาต้องเสียสละตัวเองด้วยในเมื่อเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆหากศัตรูไปยังชายฝั่งทางตอนเหนือได้สําเร็จ
“หากชายฝั่งทางตอนเหนือถูกพลังเวทย์แห่งความตายเข้าจริงๆ..เราก็สามารถชําระล้างบริเวณนั้นด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ในภายหลังได้.. กระหม่อมคิดว่าตอนนี้ชายฝั่งทางตอนเหนือควรเตรียมกําลังพลให้พร้อมเพื่อเตรียมรับมือกับศึกที่กําลังจะเกิดขึ้นดีกว่านะพะยะค่ะ”
หัวหน้านักบวชยังคงพูดต่อไป
“อ่า….และแม้พระองค์จะละทิ้งปราสาทลีโอน่าและมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางตอนเหนือก็ควรที่งกําลังทหารไว้ที่นี่ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเราเตรียมพิธีในการชําระล้างพลังเวทย์อันสกปรกเหล่านี้..นอกจากนี้เรายังต้องการอัศวินเพื่อคอยคุ้มกันนักบวชของเราหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นพะยะค่ะ”
หัวหน้านักบวชพูดราวกับว่าปราสาทลีโอน่าจะไม่สามารถใช้เป็นสนามรบได้อีกต่อไป
สีหน้าของวาเลนติโน่เริ่มแข็งกร้าวขึ้น แม้แต่คําเรียกขานก็เปลี่ยนไปในทันที
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการพูดในตอนนี้สินะ?”
“กระหม่อมไม่มีทางเลือกพะยะค่ะ..นักบวชที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับแสงสว่างถือเป็นกลุ่มเดียวที่จะสามารถกําจัดพลังเวทย์แห่งความตายไปได้เป็นเช่นนี้แล้วพระองค์จะไม่ปกป้องพวกเราในฐานะกลุ่มคนที่มีค่าที่สุดหรือพะยะค่ะ?”
รอยยิ้มสุภาพของหัวหน้านักบวชเริ่มขัดตาของวาเลนติโน่มากขึ้นทุกทีๆ
หัวหน้านักบวชพูดผิดแล้ว!
มีข้อผิดพลาดมากเกินไปกับสิ่งที่หัวหน้านักบวชพยายามพูดออกมา
แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาจะเป็นเรื่องจริงแต่วาเลนติโน่รู้สึกว่าหัวหน้านักบวชได้ทําสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถสั่งลงโทษหรือเล่นงานพวกเขาได้ในตอนนี้หากไม่มีนักบวชเหล่านี้ก็จะไม่สามารถกําจัดพลังเวทย์แห่งความตายได้
ปิดดดดดดดดดดดดแปี้ดดดดดดดดดดดด!!
เขาได้ยินเสียแตรของศัตรูดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหัวเราะของเผ่าหมีที่แว่วผ่านมากับสายลมก้องไปมาในหัวของเขาราวกับภาพหลอน
ศัตรูกําลังหนี ไม่สิ!? ศัตรูกําลังเคลื่อนพลเพื่อไปทําลายส่วนอื่นของอาณาจักร เขาจะสามารถทําอะไรได้อีกนอกจากยืนดูให้พวกมันหนีไป?
องค์ชายวาเลนติโน่และผู้นําของอาณาจักรคาโรคนอื่นๆเริ่มขมวดคิ้วมั่น พวกเขากําลัง โกรธกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทันใดนั้นเอง
“ห้ะ?!”
ทหารส่วนหนึ่งที่ประจําการอยู่บนหอคอยกลางเริ่มตกใจกับสิ่งที่เห็น
ตึก!
พวกเขามองเห็นร่างของคนผู้หนึ่งที่เหาะลงมาจากท้องฟ้าและหยุดลงบนกําแพงปราสาทอย่างเงียบเชียบ สีหน้าขององค์ชายวาเลนติโน่เปลี่ยนไปทันทีพร้อมๆกับคําพูดห้วนๆที่ลอดเข้ามาในหูของเขาในจังหวะนั้น
“เป็นอีกครั้งสินะที่มีแต่เรื่องไร้สาระเต็มไปหมด”
แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งเดินทางมาถึงหอคอยกลางคือผู้บัญชาการคาร์ล เฮนิตัส
“ผบ.คาร์ล”
วาเลนติโน่เอ่ยเรียกคาร์ลด้วยความตกใจ คาร์ลเดินเข้าไปหาวาเลนติโน่และพูดสิ่งที่เขาต้องการออกไปทันที ท่าทางของคาร์ลดูสงบและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“กระหม่อมใช้เวทย์ลอยตัวเดินทางมาที่นี่พะยะค่ะ..กระหม่อมคิดว่าควรมาทูลเรื่องนี้ให้พระองค์ทราบด้วยตัวกระหม่อมเอง”
“เรื่องอะไร?
คาร์ลมาที่นี่เพื่อจะพูดอะไร? วาเลนติโนรู้สึกว่าตัวเองกําลังคาดหวังบางอย่าง เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคําพูดได้แต่เขารู้สึกว่าคนที่เขามีโอกาสได้รู้จักเพียงแค่2-3วันจะสามารถจัดการกับปัญหาที่เขากําลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้
เสียงของหัวหน้านักบวชดังขึ้น
“เจ้ากําลังจะบอกว่าเรื่องที่นักบวชของเราเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่จะกําจัดพลังเวทย์แห่งความตายได้เป็นเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ? ผบ.คาร์ลเจ้ากล้าที่จะพูดแบบนี้กับเรา”
เสียงโกรธเกรี้ยวของหัวหน้านักบวชไม่สามารถจบประโยคลงได้เมื่อคาร์ลพูดสวนขึ้นก่อน
“เราจะจัดการกับข้าศึกเองพะยะค่ะ”
เสียงของคาร์ลเต็มไปด้วยความมั่นใจ วาเลนติโน่เดินตามคาร์ลและมองออกไปนอกหอคอยกลาง เรือกว่าสามสิบลําได้เคลื่อนย้ายออกจากชายฝั่งแล้วพวกมันกําลังมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆเผ่าหมีที่เป็นทัพหน้าก็วิ่งกลับไปถึงเรือที่จอดรออยู่แถวชายฝั่งและเตรียมที่จะมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือตามเรือลําอื่นๆ
ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ยาก กลุ่มของคาร์ลจะสามารถจัดการกับศัตรูได้จริงๆหรือ?เสียงของคาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“ชาวบ้านและเหล่าพ่อค้าที่อาศัยอยู่แถวชายฝั่งทางตอนเหนือจะถูกสังหารจนหมดหากเราปล่อยให้ศัตรูหนีรอดไปได้..กระหม่อมมั่นใจว่าพวกมันยังมีระเบิดพลังเวทย์แห่งความตายอีกจํานวนมาก”
มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างคิดเช่นกัน อย่างไรก็ตามดูเหมือนสิ่งที่คาร์ลพูดออกมาจะไม่ได้ช่วยให้แสงสว่างส่องผ่านความมืดมัวในใจของพวกเขาไปได้
แต่สิ่งที่คาร์ลพูดหลังจากนั้นกลับไปสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินมัน
“องค์ชายเคยได้ยินเรื่องกลุ่มคนที่หลบหนีไปยังดินแดนแห่งความตายหรือไม่พะยะค่ะ?”
ดินแดนแห่งความตาย
ทะเลทราย?
ทําไมจู่ๆเขาก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา?
จากการสังเกตของวาเลนติโน่ ดูเหมือนคาร์ลจะไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องไร้สาระโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้วาเลนติโน่ยังรอฟังสิ่งที่คาร์ลพูดเพราะเขามั่นใจว่าคาร์ลจะไม่พูดอะไรโดยไม่มีเหตุผลสมควร
“กลุ่มคนเหล่านี้ต่างมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายเพราะมันยากที่จะใช้ชีวิตในอาณาเขตที่ ดรีดภาษีอันสูงลิ่วจากพวกเขา..กลุ่มคนเหล่านี้ต่างหนีตายเข้าไปในทะเลทรายที่เล่าลือกันว่าจะไม่มีทางหนีรอดกลับมาได้”
“อะไรนะ? หนีตายไปยังทะเลทรายงั้นรึ? เจ้ากําลังบอกข้าว่าชาวบ้านหนีเข้าไปในดินแดนแห่ง ความตายเพราะการเรียกเก็บภาษีที่สูงลิ่วงั้นรึ?”
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน องค์ชายวาเลนติโน่เผลอขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว
แต่ทันใดนั้นวาเลนติโน่รู้สึกว่าตัวเองเห็นรอยยิ้มจางๆผ่านออกมาจากน้ําเสียงของคาร์ลหลังจากนั้น
“แต่มีคนที่สามารถมีชีวิตรอดในทะเลทรายได้พะยะค่ะ”
“แมรี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน”
คาร์ลไม่ได้พูดมันออกมาเพราะถึงอย่างไรแมรี่ก็ไม่ใช่คนของอาณาจักรคาโรอีกต่อไป
“องค์ชายพะยะค่ะ..ยังมีกลุ่มคนที่ไม่ยอมแพ้และสามารถก้าวผ่านความมืดเพื่อยืนหยัดอย่าง เข้มแข็งพะยะค่ะ”
“.ผบ.คาร์ล”
“เราจะจัดการกับศัตรูให้ได้พะยะค่ะ”
คนที่ไม่รู้จักยอมแพ้
คําพูดนี้ฝังลึกอยู่ในใจของวาเลนติโน่ ในขณะเดียวกันเขารู้สึกได้ว่าทําไมคาร์ลจึงสามารถเอาชนะศึกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้
ผู้บัญชาการทหารที่ไม่รู้จักกับคําว่ายอมแพ้ ตอนนี้เสียงของเขากําลังดังก้องไปทั่วหอคอยกลาง
“เราจะจัดการกับข้าศึกได้อย่างแน่นอน!”
ครืนนนนนนนนนนนนน!!!!
ทันใดนั้นพื้นก็เริ่มสั่นสะเทือน
“เป็นผลมาจากแรงระเบิดเมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่?” เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วาเลนติโน่คิดเช่นนั้น
“ห้ะ?!”
โล่เงินได้หายไปแล้ว
ด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องประกายเป็นสีทองทําให้องค์ชายรัชทายาทวาเลนติโน่และผู้นําคนอื่นๆในอาณาจักรคาโรสามารถมองเห็นบริเวณชายฝั่งได้อย่างชัดเจน
“นั่นมัน!”
ดวงตาของวาเลนติโน่เริ่มเบิกกว้าง
ยังคงมีเรือของศัตรูจํานวนหนึ่งที่ยังจอดรออยู่บนชายฝั่งเช่นเดียวกับเผ่าหมีอีกส่วนหนึ่งที่กําลังมุ่งหน้าไปยังเรือเหล่านั้น
เป็ดดดดดดดดพบื้ดดดดดดดด!!!
ทั้งเสียงแตรของศัตรูก็ยังทํางานของมันอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามมันมีเสียงอื่นที่ดังแทรกขึ้นมา
ฟื้ววววววแต๋ววววววแฟื้วววววว!!
ลูกธนู! มันคือลูกธนูที่ทําจากลม! ลูกธนูจํานวนมหาศาลกําลังมุ่งหน้าไปยังเผ่าหมีและเรือที่จอดอยู่ ลูกธนูเหล่านั้นหยุดลงที่เป้าหมายอย่างแม่นยํา
บูมมมมมมแบูมมมมมม!!
แรงปะทะที่เกิดขึ้นทําให้ทรายที่ปกคุลมไปทั่วชายฝั่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
“อ๊ากกกกกก!!”
“นนี่มันคือการโจมตีแบบไหนกันนี่?!”
เสียงกรีดร้องและเสียงสบถด้วยความกระวนกระวายดังคับไปทั่วชายฝั่ง อย่างไรก็ตามสายตาของวาเลนติโน่กําลังมองไปที่จุดอื่น
มันเป็นจุดเดียวกับที่ผู้บัญชาการคาร์ลกําลังมองอยู่ คาร์ลกําลังทอดสายตาไปยังทิศที่ดินแดนแห่งความตายตั้งอยู่
“.พ.พวกเขาคือ”
เขามองเห็นอะไรบางอย่างในทะเลทรายพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ําลง เขามองเห็นกลุ่มดําๆกําลังเคลื่อนตัวออกจากทะเลทรายที่เริ่มขยายวงกว้างเป็นสีเลือด แม้ว่ามันจะอยู่ในระยะที่ไกลมากๆ แต่เขาก็มั่นใจว่ากลุ่มดําๆเหล่านั้นคือสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์และที่สําคัญพวกเขามีสีผิวที่ดํามากๆ มันดําสนิทจนไม่ต่างจากไข่มุกสีดําเลยสักนิด!
วาเลนติโน่ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นตัวเป็นๆมาก่อนแต่มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในทวีปตะวันตก
“ด..ดาร์กเอลฟ์งั้นรึ?”
คาร์ลยังคงจ้องไปที่ดินแดนแห่งความตายและทะเลทรายที่ถูกชโลมย้อมเป็นสีเลือด
“พลังเวทย์แห่งความตายไม่ใช่อุปสรรคของเราอีกต่อไป”
พวกดาร์กเอลฟ์กําลังฝาทะเลทรายออกมา ด้านหน้าของพวกเขาคือร่างของทาช่าที่กําลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงพร้อมกับลมหอบใหญ่ที่โอบล้อมร่างของเธอเอาไว้ ดาร์กเอลฟ์จํานวนหนึ่งมีลูกธนูที่ทําจากธาตุลมอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา
คาร์ลหันหลังของตนกลับมาเพื่อมองคนของอาณาจักรคาโรเช่นเดียวกับดยุคฮเต็นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
“ในที่สุดกองกําลังของอาณาจักรโรมันก็เดินทางมาถึงที่นี่จนครบแล้ว”
คาร์ลรู้สึกถึงแผ่นดินที่สั่นสะเทือนและดังก้องขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ามันทําให้เขาเอ่ยต่อไปด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ข้าศึกจะไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของเราไปได้!”