ไมโลจับเสื้อคลุมของเดเมียนไว้แน่น ขณะที่พวกเขาออกจากบ้านพักด้วยความคิดเดียวคืออาหาร
เดเมียนเองก็หิวมากเช่นกันเนื่องจากไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันในตอนเช้าเขารีบวิ่งไปที่พิธีเข้าโรงเรียนเพื่อไม่ให้พลาด
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีวันที่ยาวนานและมีอารมณ์แปรปรวนมากมายและหลังจากวันที่ยาวนาน เดเมียนและทุกคนก็ต้องการที่จะพักผ่อน
เดเมียนลากไมโลรีบวิ่งจากบริเวณสีขาวไปยังประตูทางทิศตะวันตกของสถาบันที่เขาเดินมาและรู้ว่าอยู่ใกล้โรงแรม
พวกเขาใช้เวลา 5 นาทีในการเดินอย่างรวดเร็วเพื่อให้พวกเขาสามารถมองเห็นทางออก
เดเมียนเพิ่งตระหนักถึงขนาดที่แท้จริงของสถาบันและเทียบได้กับเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง มันสามารถแยกจากประเทศที่มีสกุลเงินเป็นของตัวเองและมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสร้างเมืองของตนเองขึ้นภายในประเทศอย่างเข้มแข็ง
ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลดั้งเดิมนั้นมองว่าสถาบันเป็นภัยคุกคามเนื่องจากเป็นองค์กร ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังและมีความสามารถพร้อมด้วยจิตวิญญาณที่มีทักษะวิธีการและทรัพยากรทุกประเภทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่รวดเร็ว
ขณะที่เดเมียนและไมโลกำลังเข้าใกล้ทางออกพวกเขาก็หยุดโดยทหารยามที่ยืนขวางทางพวกเขา
“ขอเหตุผลที่จะออกไปข้างนอกพร้อมกับระบุตัวตน”
รปภขอเหตุผล
“นี่คือบัตรประจำตัวของเราและเหตุผลของเราในการออกคือการไปเยี่ยมครอบครัว”
ไมโลกล่าวแทนเดเมียน
“โอเค ต่อจากนี้เราขอเพิ่มเติมว่า พวกคุณสามารถออกไปหาครอบครัวได้เพียง 4 ครั้ง ต่อเดือนและครั้งละไม่เกิน 6 ชั่วโมง เว้นแต่จะได้รับภารกิจที่ต้องใช้เวลายาวนานและได้รับอนุมัติจากผู้อาวุโสในการขาดเรียน “
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งให้พวกเขาทราบและยื่นบัตรคืน
“ขอบคุณที่แจ้งให้เราทราบ”
ไมโลขอบคุณหลังจากรับบัตรคืนและรีบพาเดเมียนออกไปยังโรงแรม
“ไปทางไหนต่อ”
ไมดลถามเดเมียน
เดเมียนนำทางไมโลไปยังโรงแรม โดยระหว่างทางทั้งคู่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องความสำเร็จ
“ นายอยากจะทำอะไรในสถาบัน”
เดเมียนถาม
“อืมฉันยังไม่แน่ใจจริงๆ”
ไมโลตอบซึ่งตอนนี้ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตและเข้ามาในสถาบันเพื่อแสวงหาจุดมุ่งหมาย
“ ต้องมีบางสิ่งที่นาต้องการอย่างจะทำสิ”
เดเมียนกล่าวพยายามที่จะวาดจุดประสงค์ของไมโลที่จะทำให้เขามีแรงผลักดันที่เขาต้องทำให้ดี
“งั้นนายละเดเมียน นายจะทำอะไร”
ไมโลถามเพื่อจะได้แรงบันดาลใจจากเดเมียน
“ ฉันอยากจะแข็งแกร่ง แม่และเพื่อนๆ ของฉันจะได้ไม่ต้องถูกรังแกและมีชีวิตที่ดีขึ้น”
เดเมียนพูดขึ้น
“ ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะกลายเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและร่ำรวยที่สุดเท่าที่เคยมีมาและต้องการมีผู้หญิงหลายพันคน”
ไมโลกล่าวเสร็จก็โดนเดเมียนก็ทุบหัวทันที
“ แรกก็ดีอยู่แต่พอมีเรื่องผู้หญิงชักจะไม่ใช่ละ”
เดเมียนดุขณะที่พวกเขาเริ่มหัวเราะอย่างลวก ๆ
“ มาถึงละ แม่จะยังอยู่รึเปล่านะ”
เดเมียนพึมพำขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในโรงแรมและมุ่งตรงไปที่บันไดโดยไม่พูดกับใคร
เดเมียนสามารถเข้าไปได้เลย เนื่องจากผุ้ดูแลได้เห็นเดเมียนหลายรอบมากและเขาเริ่มมีอาการรำคาญเล็กๆ หลงจากเห็นเดเมียนเข้าๆ ออกๆ และเขายังสังเกตุเห็นว่าเดเมียนสวมเสื้อคลุมของสถาบันเาจึงไใ่อยากเข้าไปยุ่งกับเดเมียน
โรงแรมขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับสถาบันมาก ทำให้ผู้คนที่อยู่ในนั้นเกือบทั้งหมดรู้เรื่องเกี่ยวกับสถาบันอเคเกรีย ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราชวงศ์รอบ ๆ ตัวพวกเขาและเมื่อเห็นเครื่องหมายบนแขนขวาของพวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็น เครื่องหมายของนักเรียนที่มีจิตวิญญาณ
พวกเขาส่วนใหญ่เงียบไปทันทีและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกระซิบระหว่างพวกเขาขณะที่เด็กชายทั้งสองเดินผ่านไป
“ พวกเราเจ๋งจริงเหรอ”
ไมโลกระซิบกับเดเมียนโดยสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่พวกเขาได้รับเมื่อเข้ามา
“อย่าให้พวกเขามองมาที่ฉัน”
เดเมียนตอบอย่างติดตลกขณะที่พวกเขาเดินไปที่ห้องของแม่เดเมียน
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูเดเมียนก็พยายามดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของไมโล แต่ทั้งคู่ก็ล้มลงโดยไมโลล้มทับเดเมียนอย่างจัง เมื่อแม่ของเดเมียนได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ หน้าห้องเธอจึงเปิดประตูออกมา
“หยุดทับฉันได้แล้ว”
เดเมียนพูดภายใต้น้ำหนักของไมโลที่ใหญ่กว่ามาก
“ฉันขอโทษๆ “
ไมโลกล่าวด้วยความเศร้าใจ
“เธอกล้ารังแกลูกชายฉันต่อหน้าชั้นงั้นหรอ”
ซาร่าห์กล่าวด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ทันใดนั้นไมโลก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีจนเดเมียนกระโดดขึ้นมาเพื่อเคลียร์ความเข้าใจผิด
“แม่ใจเย็นๆ ก่อน นี้เพื่อนของผมเมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
เดเมียนบอกเธอ
เมื่อได้ยินดังนั้นวาร่าห์ก็มีสีหน้าที่แสดงความรู้สึกขอโทษ
“แล้วเธอชื่ออะไรจ้ะ”
เธอถามไมโลที่นั่งข้างเดเมียนและยังคงกลัวแม่ของเดเมียน
“ มะ…มะ ..ไมโล”
เขาพูดอย่างประหม่า
“โอเค งั้นในฐานะเพื่อนคนแรกของเดเมียน เราควรเฉลองกันนะ”
แม่ของเดเมียนตัดสินใจขณะที่เธอเดินออกไปเตรียมของ
ทันทีที่ไมโลได้ยินคำว่า ‘อาหาร’ เขาก็กระโดดขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะเดินตามซาร่าห์พร้อมกับลืมเกี่ยวกับความกลัวเมื่อกี้
ในขณะเดียวกันเดเมียนกำลังมองหากระเป๋าเสื้อผ้าที่เป็นของของเขา
“ของของลูกอยู่ที่บ้านหลังใหม่ของแม่ กรีนเฮาท์พลิว์”
ซาร่าห์บอกเดมียนเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าลูกชายของเธอกำลังมองหาสิ่งของของเขา
ในตอนแรกเดเมียนตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่แม่ของเขาเพิ่งบอกเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปและมีความสุข
[ในที่สุดแม่ก็ดำเนินชีวิตต่อไปและฉันก็จะเป็นอิสระและจะไม่เป็นภาระของเธอเหมือนที่เคยเป็นในอดีต]
เดเมียนกล่าวในใจ