ก่อนที่ชายชราจะเตือน ล็อคก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาเช่นกัน
ดังนั้นล็อคจึงไม่สามารถนำความโกรธไปลงที่ชายชราได้
เขาอธิบายให้ชายชราฟังอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเป็นจ้าวแห่งสัตว์อสูรระดับเงิน เมื่อข้าเข้าไปแล้ว ข้าจะเดินเล่นแค่รอบนอกและไม่เดินเข้าไปลึกหรอก”
เมื่อชายชราได้ยินล็อคอ้างว่าเป็นจ้าวแห่งสัตว์อสูรระดับเงิน สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากสงบเป็นตกใจ
‘ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องจ้าวแห่งสัตว์อสูรระดับเงินที่มีอายุน้อยขนาดนี้มาก่อน?’
‘บางทีเขาอาจจะเป็นอัจฉริยะจากตระกูลที่มีอำนาจ‘
ชายชราคิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็พูดกับล็อค “เอาล่ะ”
“ในเมื่อเจ้ายืนยันที่จะเข้าไป งั้นก็เข้าไป”
“แต่จำไว้ว่าอย่าเข้าไปในส่วนลึกเพราะภายในนั้นมันมีปีศาจขั้นสองและสามอยู่มากมาย”
“มันมีแม้กระทั้งปีศาจขั้นสี่อยู่ในนั้นด้วย หากเจ้าเดินลึกเข้าไปอย่างดื้อรั้น เจ้าอาจโชคร้ายเจอเข้ากับพวกปีศาจขั้นสี่เหล่านี้”
“หากมันเกิดขึ้น ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้คือเก็บร่างเจ้ากลับมา”
ล็อคพยักหน้าให้กับชายชราอย่างมั่นใจ
เขาขอบคุณชายชรา
จากนั้นเขาก็หยิบป้ายหมายเลขและวิ่งเข้าไปในสนามรบโบราณอย่างรวดเร็ว
ชายชรามองไปยังร่างของล็อคที่หายไป
เขาอดส่ายหัวไม่ได้
“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนเสียจริง”
ชายชราพูดด้วยความโมโห
ตอนนี้ล็อคได้เข้ามายังสนามรบโบราณระดับเงินแล้ว
เมื่อเขาสังเกตสภาพแวดล้อม เขาก็ตระหนักว่าสนามฝึกระดับเงินให้บรรยากาศที่กดดันมากกว่าเมื่อเทียบกับระดับทองแดง
คนธรรมดาอาจจะกลัวสภาพแวดล้อมที่กดดันนี้ก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มสู้เสียอีก
ล็อคเรียกแบทเทิลบีสต์ทั้งสามของเขาออกมา
งูหยกขาวสองหัวยาวเจ็ดเมตร
มนุษย์อสูรมีปีก ปีกแห่งนภา
และสุดท้ายอินฟินิตไฟร์เอลเม็นท์ซึ่งมีร่างกายที่ประกอบไปด้วยเปลวไฟลอยอยู่ในอากาศ
ล็อคสั่งปีกแห่งนภาและอินฟินิตไฟร์เอลเม็นท์ทันที:
“ผสาน”
ปีกแห่งนภาเปลี่ยนเป็นแสงสีเขียวและเข้าไปในร่างของล็อค
จากนั้นปีกสีเขียวน้ำทะเลคู่หนึ่งก็งอกออกมาจากหลังของเขา
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ปีกแห่งนภาได้นำมาสู่ล็อค
ด้วยการผสานกับปีกแห่งนภาทำให้ล็อคสามารถใช้วินดี้เฮสและรัดได้
ในทางกลับกันอินฟินิตไฟร์เอลเม็นท์ได้แปรสภาพเป็นหอกสีแดงที่ลุกโชติช่วง
มันมาปรากฏอยู่ในมือของเขา
ล็อคลองพยายามยกหอกดู
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย
นี่คือประโยชน์ของแบทเทิลบีสต์ที่ทำสัญญา
หากมีใครหยิบหอกขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่สามารถยกหอกขึ้นมาได้
เมื่อรู้สึกถึงพลังของหอกเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ ล็อคก็แทบรอไม่ไหวที่จะออกไปสังหารปีศาจบางตัว
ล็อคได้ตั้งชื่อให้กับแบทเทิลบีสต์ทั้งสามตัวของเขา
งูหยกขาวสองหัวถูกเรียกว่าขาวน้อย
ปีกแห่งนภาถูกเรียกว่าลมน้อย
อาวุธที่แปรสภาพมาจากอินฟินิตไฟร์เอลเม็นท์ถูกเรียกว่าหอกเทพอัคคี
ส่วนรูปแบบปกติของมันจะถูกเรียกว่าไฟน้อย
ขาวน้อยเป็นกองหน้า หอกเทพอัคคีอยู่ในมือ ลมน้อยคอยปกป้องหลังและทำหน้าที่เป็นปีกของเขา
ด้วยการจัดรูปแบบและยุทโธปกรณ์ของเขา ล็อคจึงมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของป่าทันที
ทันใดนั้น
ปีศาจขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าล็อค
ล็อคจ้องไปที่อสูรขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้าเขา
ไม่นานเขาก็จำมันได้อย่างรวดเร็ว
มันเป็นปีศาจระดับสูง ขั้น 2 ปีศาจพยัคฆ์
มันเป็นเป้าฝึกที่สมบูรณ์แบบ
ล็อคคิดว่าเขาช่างโชคดีจริงๆ
เขาสั่งให้ขาวน้อยปกป้องหลังของเขา
จากนั้นเขาก็ตะโกน “วินดี้เฮส”
ปีกสีเขียวน้ำทะเลของเขาเปิดใช้งานทันที และพุ่งเข้าหาเสือ
ด้วยความช่วยเหลือของวินดี้เฮสทำให้ความเร็วของล็อคอยู่เหนือขีดจำกัดไปมาก
เขานำหอกเทพอัคคีมาข้างหน้าและแทงไปยังปีศาจพยัคฆ์
ความเร็วของล็อคนั้นเร็วสุดขีด
ก่อนที่ปีศาจพยัคฆ์จะทันได้ตอบสนอง มันก็ถูกส่งบินไป
อย่างไรก็ตาม การป้องกันของปีศาจพยัคฆ์นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง
ทำให้การโจมตีของล็อคไม่ได้สร้างความเสียหายให้มันมากนัก
แต่กลับทำให้ปีศาจพยัคฆ์โกรธแทน
มันคำรามด้วยความโกรธก่อนจะพุ่งตรงไปยังล็อค
จากนั้นมันก็ใช้กงเล็บขนาดใหญ่ของมันตบไปที่เขา
อย่างไรก็ตาม ล็อคสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดายด้วยความคล่องตัวของวินดี้เฮส
เขาหันไปด้านข้างของปีศาจพยัคฆ์อย่างรวดเร็วและแทงหลังไปที่หลังของมัน พร้อมกับเสียงร้องอันเจ็บปวดปีศาจพยัคฆ์เตะถอยหลังและส่งล็อคบินไปทันที
ล็อคฉวยโอกาสในตอนที่ปีศาจพยัคฆ์กำลังไล่ตามตะโกนออกมา “รัด!”
ปีกแห่งนภาที่อยู่เบื้องหลังล็อคปลดปล่อยใบมีดสายลมจำนวนนับไม่ถ้วนไปยังปีศาจพยัคฆ์ที่กำลังไล่ตาม
ทำให้ปีศาจพยัคฆ์ลงไปนอนกองกับพื้นทันที
ภายใต้การจู่โจมของรัด บาดแผลหลายรอยถูกเฉือนเปิดบนร่างของปีศาจพยัคฆ์
ล็อครีบตรงไปยังปีศาจพยัคฆ์ที่อยู่บนพื้น
หลังจากโจมตีมันอีกเพียงหนึ่งครั้ง สุดท้ายมันก็จบชีวิตลง
การฆ่าอสูรนั้นเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับล็อค และด้วยเหตุนี้เอง มันจึงได้ขยายความปรารถนาในพลังของเขาให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากสังหารปีศาจพยัคฆ์แล้ว ล็อคก็ได้ผจญภัยลึกเข้าไปในป่า
สนามรบในป่าโบราณนั้นเต็มไปด้วยออร่าอันตราย
ท้ายที่สุดแล้วสัตว์ประหลาดสามารถโจมตีได้จากทุกทิศทาง ทำให้มันก็สามารถคร่าชีวิตคนๆ หนึ่งได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งที่จะเข้าใช้สนามรบโบราณเพียงลำพัง
ถึงกระนั้น ล็อคก็ไม่หวั่นไหวในขณะที่เขายังคงมองหาเป้าหมายต่อไป
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของปีศาจดังขึ้นมา
เมื่อเขาตามเสียงไป ไม่นานล็อคก็พบที่มาของเสียง
มันคือปีศาจขั้น4 งูหลามเลือด
ยิ่งไปกว่านั้นงูหลามเลือดตัวนี้ดูเหมือนจะกำลังได้รับบาดเจ็บ
ร่างกายของมันมีร่องรอยของการถูกกัดหลายแห่ง
ข้างหน้าของงูหลามเลือดขนาดยักษ์นี้มีหมาป่าอัคคีระดับสูงขั้น3อยู่3ตัวกำลังยืนอยู่
ล็อคสงสัยว่าเหตุใดหมาป่าอัคคีระดับสูงขั้น 3 ทั้งสามตัวนี้จึงโจมตีงูหลามเลือดระดับ 4
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็กวาดไปเห็นพืชชนิดหนึ่ง
เขาเคยเห็นพืชนี้ในหนังสือมาก่อน
มันคือเห็ดหิมะพันปี
พืชต้นนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกปีศาจ
มันจะช่วยให้ปีศาจที่กินมันสามารถก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น หากปีศาจระดับต่ำขั้น 3 กินเห็ดหิมะพันปีเข้าไป ปีศาจตัวนั้นก็จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นปีศาจระดับสูงขั้น 3 ในทันที
‘ไม่แปลกใจเลยที่หมาป่าอัคคีระดับสูงขั้น3ทั้งสามตัวนี้จะกล้าสู้กับงูหลามเลือด’
‘มันก็เพื่อเห็ดหิมะพันปีต้นนี้’
ในทำนองเดียวกัน เห็ดหิมะพันปีนี้ก็มีประโยชน์อย่างมากต่อแบทเทิลบีสต์เช่นกัน
ล็อคจ้องไปที่เห็ดหิมะพันปีด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของล็อค การจะจัดการกับหมาป่าอัคคีขั้น3ยังถือว่ามากเกินไปสำหรับเขา
ยิ่งต้องเมื่อเผชิญหน้ากับหมาป่าอัคคีทั้งสามตัวแล้วด้วย ล็อคก็ยิ่งไม่มีความมั่นใจเอาไปอีก
แม้ว่าเขาจะมีแบทเทิลบีสต์ระดับศักดิ์สิทธิ์ถึงสามตัว แต่ระดับของพวกมันก็ยังค่อนข้างต่ำ
ขาวน้อยอยู่ที่ระดับ 1 ขั้น 2 ในขณะที่อีกสองตัวอยู่ที่ระดับ 1 ขั้น 1
ความแตกต่างของพลังนั้นมีมากเกินไป
หากล็อคต้องการเห็ดหิมะพันปี โอกาสเดียวของเขาคือต้องกำจัดทั้งสองฝ่ายออกไป