The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

บทที่ 8 บริษัทที่กำลังจะล้มละลาย

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา

คิดที่จะซื้อบริษัท บริษัทหนึ่ง ที่จริงแล้วไม่ง่าย

ยิ่งไปกว่านั้นสองปีมานี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งภายใต้การจัดการของเขา ยังคงสามารถที่จะคงการขึ้นราคากำไรเอาไว้ได้

แต่ว่า เพียงจ่ายเงินไปมากพอ ก็ไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้

ถ้าเกิดมี อย่างนั้นก็จ่ายเพิ่มไปอีก!

บัตรธนาคารลายดอกชงโคในกระเป๋ากางเกงของเขาภายในบัตรก็พันล้านแล้ว จะซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมีมากมายเหลือเฟือ

แต่ว่า ให้ท่านหลงช่วยซื้อ ชัดเจนว่าดูง่ายกว่าให้เขาเองมานั่งคุยต่อรอง รวดเร็วกว่า

เจ้าหลี่รับโทรศัพท์ หัวเราะอย่างสอพลอ “ฮัลโหลครับ พี่เขย พี่จะมาบริษัทเมื่อไหร่ครับ? ผมจะได้เตรียมต้อนรับพี่ จะได้รายงานความคืบหน้าของงาน ผมช่วยกำจัดเนื้อร้ายออกไปให้บริษัทแล้วด้วย”

ยังไงก็ไล่เฉินตงออกไปแล้ว เขาก็สามารถที่จะโยนเรื่องสัญญาราคาสูงลิบลิ่วนั่นไปให้เฉินตงรับด้วย

ยังไงเสียเฉินตงที่โดนไล่ออก สำหรับไท่ติ่งแล้วไม่ต้องสงสัยเลยก็เป็นแค่ “คนตาย” โยนความผิดให้ “คนตาย” รับไว้ “คนตาย” ยังสามารถลุกขึ้นมาเถียงต่อได้หรือไง?

อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าหลี่ก็เปลี่ยนไปตกใจ

“อะไร? บริษัทขายแล้วเหรอ?”

เสียงร้องที่ดังขึ้นภายในห้องทำงาน เกือบทำเอาแทบหูหนวก

พนักงานที่อยู่ตรงประตูราวกับว่าโดนฟ้าผ่ากลางตัว ล้วนเผยสีหน้าประหลาดใจกันออกมา

สองปีมานี้ไท่ติ่งยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ ขอแค่เจ้าของบริษัทสมองไม่ได้อุดตัน ไม่มีทางที่จะเอาแม่ไก่ที่กำลังจะไข่แบบนี้ไปขาย!

ตามมาหลังจากนั้น ทุกๆคนราวกับว่าตื่นมาจากภวังค์ คิดถึงคำพูดเมื่อกี้ที่เฉินตงพูดออกมา

อย่าบอกนะว่า…….

สายตาที่แทบไม่อยากจะเชื่อแต่ละคู่ ค่อยๆมองไปยังเฉินตง

เจ้าหลี่เองก็มีปฏิกิริยากลับมารุนแรงเหมือนกัน ดวงตามองเฉินตงด้วยความวิตก เปล่งเสียงที่เกือบแหบแห้งออกมา “มึง…..ตกลงมึงทำได้ยังไง?”

“ตอนนี้ บริษัทเป็นของกูแล้ว”

เฉินตงค่อยๆลุกขึ้น ยิ้มออกมาอย่างทระนง ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ผลการการจัดการงานต่างๆก็ของท่านหลงช่างรวดเร็วจริงๆ

แต่ว่า เขาก็แค่รู้ความสามารถของท่านหลงจากมุมหนึ่งเท่านั้น

แต่ว่าเบื้องหลังเจ้าของไท่ติ่ง เขานั้นรู้ดีมากๆ สามารถที่ตกลงบริษัทมูลค่าร้อยล้านตามราคาตลาดได้ภายในไม่กี่นาทีแถมยังทำการซื้อได้ด้วย นี่ไม่ใช่แค่เพียงมีเงินก็สามารถจะทำได้

“ไม่มีทาง นี่มันเป็นไปไม่ได้”

เจ้าหลี่หน้าแดงหูแดง ร่ำไห้กับโทรศัพท์ราวกับคนบ้า “ พี่เขย ทำไมอยู่ๆพี่ถึงได้ขายบริษัทของเราทิ้งไปล่ะ? ทำไมถึงไม่มาปรึกษากับผมก่อน? บริษัทของพวกเราทำกำไรมาตลอดนะครับ ไม่ช้าก็เร็วก็จะเข้าตลาดได้ พี่…….”

ปั่ก!

สายตัดไปแล้ว แล้วก็ดับความหวังส้นสุดท้ายของเจ้าหลี่ให้มอดดับไปอย่างหมดจด

เฉินตงหัวเราะ พูดขึ้น “คุณตกงานแล้ว จักรพรรดิมาแล้วก็ปกป้องงานอาชีพนี้ของคุณเอาไว้ไม่ได้!”

คำพูดดูถูก เอาคำพูดเมื่อกี้ของเจ้าหลี่ตอกกลับคืนไป

เจ้าหลี่ตัวสั่น โมโหจนดวงตาแดงฉาน คำพูดของเฉินตง เหมือนกับมือใหญ่ ตบลงมาแรงๆลงบนหน้าของเขา

จะยังไงเขาก็คิดไม่ถึง คนที่ยอมรับความผิดแทนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะต้องการเงิน ทำไมอยู่ๆถึงได้มีเงินมากขนาดที่สามารถซื้อบริษัทได้

สัมผัสได้ถึงสายตาเยาะเย้ยของบรรดาพนักงาน เจ้าหลี่มีความรู้สึกกระสับกระส่าย

อับอาย โกรธแค้น ไม่ยินยอม…….ความรู้สึกต่างๆนาๆทำให้เขาใกล้จะเป็นบ้า

ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสัญญาที่อยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน อยู่ๆก็หัวเราะลั่นออกมา

“ฮ่าๆๆ….. ซื้อบริษัทใช่ไหม? เฉินตงมึงแม่งโคตรจะสุดยอด! เก่งถึงขนาดที่ว่ากูต้องรีบมองมึงใหม่ไปเลย!”

เจ้าหลี่ชี้ไปที่สัญญาที่อยู่บนโต๊ะ หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในแววตากลับมีความดุร้ายพวยพุ่ง “แต่ว่าแกไม่ควรที่จะไม่อ่านสัญญานะ การก่อสร้างปรับเปลี่ยนย่านสลัม กูเซ็นต์ราคาสูงเกินไปตั้งสามสิบล้าน! มึงซื้อไท่ติ่งไป สัญญาฉบับนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของมึง เผือกร้อนชิ้นนี้เพียงพอที่จะทำให้บริษัทของมึงล้มละลาย!”

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่ที่ตัวเองดื่มจนเมาแล้วทำเรื่องผิดพลาด แต่ว่าตอนนี้เฉินตงมาตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คน สัญญาฉบับนี้ก็ทำให้เขามีความรู้สึกยินดีขึ้นมา อย่างน้อยก็ทำให้เขาเอาความเลวทรามออกมาได้

ไท่ติ่งรับไหวก็แค่ประมาณร้อยล้าน มีสัญญาราคาสูงกว่าทั่วไปขึ้นมาสามสิบล้าน สำหรับไท่ติ่งแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือหายนะ

ในตอนนี้เฉินตงซื้อไท่ติ่ง ถือว่ากำลังรับงานของเขาไปแท้ๆ เอาชีวิตมาแสร้งทำเป็นเก่ง!

เพียงแค่สัญญาก่อสร้างนี่ ก็มากพอที่จะทำให้เฉินตงสิ้นเนื้อประดาตัว

“สามสิบล้าน?”

นัยน์ตาดำของเฉินตงหดลง สีหน้ากรุ่นโกรธมากที่สุด “คุณนี่มันโง่ดักดานสุดๆไปเลยจริงๆ!”

ซ่า…….

ประตูห้องทำงาน พนักงานทุกคนเบิกตากว้างในเวลาเดียวกัน ความตกใจพุ่งพรวดขึ้นมา

เจ้าหลี่หัวล้านมันเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?

ฐานะรองผู้จัดการของไท่ติ่ง เขาจำเป็นที่จะต้องโง่ไปถึงขนาดไหนกัน ถึงได้กล้าที่จะเซ็นต์สัญญาราคาสูงเสียดฟ้าขนาดนี้?

จากนั้น สายตาซับซ้อนปนสงสัยหลายคู่ก็จ้องมองมาที่ตัวเฉินตง

มองสีหน้าของเฉินตง เจ้าหลี่ก็ยิ่งยิ้มอย่างดีใจมากกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่ามีความรู้สึกไร้กังวลที่เปลี่ยนจากแพ้กลายเป็นชนะ

“คิดไม่ถึงล่ะสิ? ไท่ติ่งที่แกซื้อไป อย่างมากกูก็แค่ตกจากตำแหน่งของรองผู้จัดการ ยังไงเสียพี่เขยของฉันก็มีบริษัทเยอะ กูก็ยังได้งานที่ตำแหน่งใหญ่ กลับมาผงาดเหมือนเดิม! แต่ว่ามึงไม่เหมือนกัน มึงไม่ใช่แค่จำเป็นต้องมาเช็ดก้นให้กู แถมมึงยังต้องเสียเงินชดใช้จนหมดตัว โกรธหรือไม่โกรธ?”

“พูดจบหรือยัง? พูดจบแล้ว เชิญคุณออกไปจากบริษัท”

เฉินตงถอนหายใจออกมา ถูกหน้า สายตาดุดันมองไปที่เจ้าหลี่

เจ้าหลี่ไร้ความสามารถ เขานั้นรู้ดีอยู่แล้ว เซ็นต์สัญญาราคาแพง ก็อยู่ในสิ่งที่เขาคิดล่วงหน้าอยู่แล้ว

แต่ว่าสูงกว่าราคาทั่วไปสามสิบล้าน เขานั้นคิดไม่ถึงจริงๆ

“ไป กูจะออกไปเดี๋ยวนี้”

เจ้าหลี่เหมือนกับนายทหารที่ได้รับชัยชนะ จากไปด้วยรอยยิ้ม ตอนที่เดินไปจนถึงประตู สายตาหยิ่งทะนงกวาดมองไปยังพนักงาน “เรื่องราวพวกคุณก็ได้ยินกันแล้ว ยังไงเสียผมก็เคยเป็นเจ้านายของพวกคุณ อย่ามาโทษผม ว่าผมไม่ให้โอกาส”

เขายกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ไม่อย่างนั้นก็ไปกับผม ต่อไปถ้าผมมีเนื้อกินพวกคุณก็มีซุปให้กิน ไม่อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ รอวันบริษัทล้มละลายกับไอ้เฉินตงคนไร้ประโยชน์”

แต่ ไม่มีคนตอบกลับ

ไท่ติ่งตกลงเป็นใครที่เป็นคนนำ บรรดาพนักงานล้วนรู้ดี

ระหว่างเฉินตงกับเจ้าหลี่ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าความสามารถ ในวันทั่วไปทุกๆคนรู้ชัดอยู่แล้ว

เฉินตงหมุนตัว มองไปยังกลุ่มคนด้วยความเงียบ “ความสามารถของผม ทุกๆคนรู้ดี ถ้ากล้าที่จะรับไท่ติ่งมาสานต่อ เงินสามสิบล้านเล็กๆน้อยๆ มีอะไรที่จะไม่สามารถจัดการได้?”

พวกพนักงานค่อยๆหันไปมองเฉินตง ดวงตาเป็นประกายระยับ

จากนั้น กลุ่มคนก็ต่างขยับซ้ายขวา เปิดทางออกมาหนึ่งทาง

สีหน้าของเจ้าหลี่งอง้ำ เขารู้ว่าในเวลาทั่วไปในบริษัทเขาไม่ค่อยได้ใจของคนอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ในตอนที่กำลังจะไปแล้วแค่คิดจะหาคนมางัดกับเฉินตงยังทำไม่ได้ กลายเป็นว่าไม่มีใครสักคนยินดีที่จะไปกับตัวเอง

“พวกกลุ่มคนขยะสายตาสั้น คิดว่ามันเป็นเทพเทวดาจริงเหรอ? รอความตายไปกับเขาเถอะ!”

ด่าออกมาอย่างโมโหประโยคหนึ่ง เจ้าหลี่ก็ออกไปทันที

ครู่ใหญ่

พนักงานคนหนึ่งถามขึ้น “ตง พี่ตง สามสิบล้านไหวจริงๆเหรอพี่?”

“หลังจากที่ผมเป็นเจ้านายของพวกคุณ ผมเคยหลอกพวกคุณบ้างไหม?”

เฉินตงยิ้มเท่ห์ออกมา โบกมือ “ลงไปทำงานกันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของบริษัท หมุนมาลงที่โปรเจกต์การก่อสร้างย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง”

และในตอนที่เฉินตงรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมาดูแล ตระกูลหวางก็ทะเลาะกันเสียยกใหญ่แล้ว

“พ่อแม่ ตกลงว่าเมื่อไหร่จะเก็บเงินค่าสินสอดให้ฉันจนครบเสียที?”

หวางเห้าหน้าแดงตะโกนออกมาจนเส้นเอ็นตรงลำคอปูด “ทางเสว่เอ๋อเร่งผมอีกแล้วนะ ตกลงพวกพ่อแม่จะให้ผมแต่งงานกับเธอหรือเปล่า มาสืบต่อสกุลตระกูลหวางของเราไง?”

ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีข้าวของมาประเคนให้ถึงที่ เคยชินกับการที่โดนคนทั้งครอบครัวประคบประหงมตามใจ

พ่อแม่ที่ตอนแรกยังคงสับสนอยู่ พอได้ยิน “ผู้สืบสกุล” คำสี่คำนี้ทันใดนั้นก็รีบร้อนขึ้นมาแล้ว

มารดา จางซิ่วจือ รีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “เสี่ยวเห้า ครอบครัวของเราก็กำลังรวบรวมเงินอยู่ไม่ใช่เหรอลูก?”

“ใช่ๆๆ แกมาสืบสกุลให้ครอบครัวของเราถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แกอยากจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ พ่อแม่นี่ร้อนใจยิ่งกว่าแกอีกนะ!” บิดา หวางเต๋อ เองก็พูดโน้มน้าว

“รีบๆๆ อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็รีบเอาเงินออกมาเสียทีสิ?”

หวางเห้าโมโหจน “เพล้ง” โยนแก้วลงไปบนพื้น “หนึ่งอาทิตย์ แค่เวลาหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์หน้าผมจะต้องเอาค่าสินสอดให้เสว่เอ๋อ ผมจะหมั้นกับเธอ!”

“หวางเห้า!” หวางหนันหนันทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ลุกขึ้นมาดุ “มีใครเขาพูดกับพ่อแม่แบบแกบ้างไหม? ครอบครัวเรามีใครไม่รีบร้อนเรื่องที่แกจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ? แกโยนแก้วน้ำแล้วมาโหวกเหวกงอแง นับว่าได้อะไร?”

“หวางหนันหนันหุบปาก! ที่นี่ใครอนุญาตให้แกพูด?”

จางซิ่วจือดุออกมา ทำให้หวางหนันหนันมีสีหน้าตะลึง

หวางเต๋อรู้ว่าคำพูดของจางซิ่วจือแรงเกินไป รีบดึงเอาไว้ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ผมก็บอกคุณแล้วว่าอย่ารีบให้หนันหนันหย่ากับเฉินตง ยังไงเขาก็เป็นถึงรองผู้ช่วย ยังไงก็น่าจะยังเอาเงินออกมาได้อีกนิด ตอนนี้กลับกันเลย ตัดสินใจเอาเงินสองแสนที่รักษาแม่เขาออกมา แถมยังทะเลาะจนหย่ากันอีก”

“โทษฉันล่ะสิ?”

หัวคิ้วของจางซิ่วจือเหยียดตรง “เสี่ยวเห้ากำลังจะแต่งงานกับเสว่เอ๋อ ไม่เอาเงินของเขามา หรือจะให้ฉันไปขอยืมมา? ยืมแล้วไม่ต้องคืนหรือยังไง?”

“แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องขอยืมเงินไปทั่วเหรอ? สินสอดห้าแสน รถหนึ่งคันบ้านหนึ่งหลัง เงินสองแสนของเฉินตงนั่นก็ไม่พอนะ” หวางเต๋อพูดขึ้นอย่างจำใจ

ความชั่วร้ายของจางซิ่วจือลุกโชนขึ้น อยู่ๆก็เดินไปอยู่ตรงหน้าของหวางหนันหนัน ยกนิ้วชี้จิ้มลงไปตรงหน้าผากของหวางหนันหนันแรงๆ “ต้องโทษแก หาแฟนแบบไอ้สวะเฉินตง ตอนนี้แม้แต่น้องชายของแกช่วยไม่ได้ แกเป็นพี่สาวประสาอะไรห้ะ?”

ร่างกายของหวางหนันหนันสั่นเทา อยู่ๆดวงตาก็แดงก่ำ ที่ขอบตามีน้ำตาเอ่อ

ด่าจบ ลูกตาของจางซิ่วจือก็กลอกไปมา “จริงสิ! ดูตัว หนันหนันแกไปดูตัวเดี๋ยวนี้ ครั้งฉันกับพ่อแกจะเป็นคนเลือก หาคนรวยๆให้แก อย่างนี้สินสอดของน้องชายแกก็มีแล้ว!”

หวางหนันหนันงุนงงไปหมด น้ำตากลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ร้องไห้แล้วพูดออกมา “แม่ นี่แม่เห็นว่าหนูเป็นอะไร?”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท