บทที่ 36 ความเอ็นดูของกู้ชิงหยิ่ง
ร้านอาหารฝรั่งWinnie
ครั้งแรกที่มากินอาหารฝรั่งในชีวิตของเฉินตง ก็คือร้านอาหารร้านนี้ ตอนนั้นกู้ชิงหยิ่งเป็นคนเลี้ยงด้วย
ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยสี่ปี เขาและหวางหนันหนัน กู้ชิงหยิ่งแล้วก็เพื่อนๆอีกสองสามคน จะนัดกันมากินข้าวด้วยกันที่นี่บ่อยๆ
สามปีก่อน ตอนที่กู้ชิงหยิ่งจะจากไปต่างประเทศ ก็มาลากับเขาและหวางหนันหนันที่ร้านอาหารร้านนี้
ดังนั้น ร้านอาหารนี้เป็นสถานที่มีความหมายเป็นพิเศษ
“คนบ้างาน? นึกไม่ถึงว่าคุณยังจำได้เหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งลูบๆผมที่เปียกชื้น สายตามองไปในร้านอาหารที่เปิดไฟสว่างเจิดจ้า
“จะลืมได้ไง?”
เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น
กู้ชิงหยิ่งขมวดจมูกขึ้น: “แต่ว่าคุณขี้งกเกินไปหน่อยรึเปล่า? อย่างน้อยตอนนี้ก็มีตำแหน่งงานเป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้วนะ ฉันกลับมาตั้งไกล คุณพอฉันมาที่แบบนี้เหรอ?”
สามปีมานี้ ถึงแม้เธอจะอยู่คนละซีกโลก แต่ก็คอยติดตามข่าวคราวของเฉินตงกับหวางหนันหนันตลอดเวลา
ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ส่งข้อความถามเฉินตงในวีแชทในตอนที่เฉินตงกับหวางหนันหนันเพิ่งจะหย่ากัน
ในสายตาของเธอ เฉินตงสามารถใช้เวลาสามปี จากนักศึกษาที่จบเพิ่งเรียนจบมหาลัยและทำงานจนมีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นถึงรองประธานบริษัท เก่งที่สุดแล้วจริงๆ
และสิ่งนี้ คงเป็นที่สุดแห่งชีวิตของเฉินตงแล้วล่ะ?
“แล้วคุณอยากไปร้านอาหารที่ไหนครับ? ตามใจเลย ผมเลี้ยง” เฉินตงยิ้มและพูดอย่างใจกว้าง
“ไม่เป็นไร ร้านนี้ก็ได้”
กู้ชิงหยิ่งเบะปาก แล้วลงจากรถก่อน
เธอรู้ดี ถึงแม้เงินเดือนของรองประธานบริษัทไม่น้อย แต่เงินทั้งหมดส่วนมากก็ให้หวางหนันหนันและค่ารักษาอาการป่วยของแม่
เธอไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ
ลงจากรถ เสื้อผ้าเปียกกันทั้งสองคน แต่ก็ไม่สนใจอะไร
ตอนที่เขาสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหาร ทำให้ดึงดูดสายตาผู้คนหันมามองกันไม่น้อย
เพราะมาทานข้าวร้านอาหารฝรั่งด้วยความซมซานขนาดนี้ ดูไม่งามจริงๆ
หลังจากที่นั่งลงและสั่งอาหารเสร็จแล้ว อาหารก็มาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกินไปคุยไป มีความสุขมาก
แต่ทั้งสองคนไม่ได้พูดถึงหวางหนันหนันเลยสักนิด
กู้ชิงหยิ่งไม่อยากพูดถึงหวางหนันหนันให้เฉินตงรู้สึกเสียใจในเวลานี้
ส่วนเฉินตง ก็เพราะไม่อยากกระทบอารมณ์ของกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้
“จริงสิ หลังจากที่กลับมาแล้ว ฉันอยากหางานทำ”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มๆและกระพริบตา: “ท่านรองประธาน จ้างฉันไปทำงานที่บริษัทคุณไหม?”
เฉินตงตกใจและยิ้มอย่างขมขื่น: “พระเจ้าเอ๋ย คุณเป็นหวัดจริงๆแล้วหรือนี่?”
“คุณนั่นแหล่ะ ไข้ขึ้นจนสมองเสียไปแล้ว” กู้ชิงหยิ่งเหล่ตาและบ่นกลับไปหนึ่งคำ นี่เป็นคำพูดที่เขาทั้งสองล้อเล่นกันบ่อยๆตอนเรียนมหาลัย
เฉินตงแกล้งทำเป็นโล่งใจ: “งั้นก็ดี แต่ว่าอย่างน้อยคุณก็เป็นคุณหนูไฮโซ เพิ่งจะกลับมา ทำไมคิดอยากจะทำงานแล้ว?”
เขาก็พอรู้บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัวของกู้ชิงหยิ่ง
นี่คือคุณหนูไฮโซที่มาตรฐานที่สุด ให้คุณหนูไฮโซมาทำงานที่บริษัทไท่ติ่งเหรอ?
นี่มันล้อเล่นกันหรือเปล่า?
“ไม่ไปทำงานจะช่วยคุณได้ไงล่ะ?”
กู้ชิงหยิ่งพูดอยู่ในใจ แต่มองดูเฉินตงแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดอย่างอัดอั้นใจ: “ไม่ทำงาน พ่อฉันจะให้ฉันไม่สืบสานธุรกิจของเขาแล้ว”
เฉินตงพูดอะไรไม่ออกอยู่สักพัก
จากนั้นกู้ชิงหยิ่งก็พูดต่อ: “ช่างเถอะ ท่านรองประธานเฉินไม่จ้างฉัน งั้นฉันก็ไปทำงานที่บริษัทพ่อก็ได้”
เฉินตงพยักหน้า ไม่ซักถามอะไรอีก
เขาไม่อยากซักถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมากเกินไป
ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนกลับไปที่รถด้วยความดีใจ
“ไปที่บ้านคุณได้ไหม?” กู้ชิงหยิ่งชีกระโปรงที่เปียกชื้นบนตัวเธอ: “ฉันอยากไปอาบน้ำที่บ้านคุณสักหน่อย แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”
เฉินตงกระตุกคิ้ว ห้องเช่าสภาพแบบนั้น ให้กู้ชิงหยิ่งไป รู้สึกลำบากใจยิ่งนัก
ยิ่งกว่านั้นคือ ในบ้านมีคุนหลุนอยู่ด้วย
เฉินตงส่ายหัว: “บ้านผมยังเช่าอยู่อยู่เลย ที่บ้านรกมาก ผมส่งคุณไปโรงแรมดีกว่า”
เช่าบ้าน?
หน้าตายิ้มแย้มของกู้ชิงหยิ่งเปลี่ยนไปกะทันหัน เห็นสายตาของเฉินตงแล้ว รู้สึกเอ็นดูสงสารขึ้นมาทันที
สามปีที่ฉันไม่อยู่ เขาลำบากมามากเกิน
เธอยิ้มๆและพยักหน้า: “งั้นก็ได้”
“งั้นไปโรงแรมไท่ซานละกัน” เฉินตงบอก
“ได้เลย”
กู้ชิงหยิ่งไม่ปฏิเสธ และไม่ได้บอกว่าจะจ่ายค่าใช้จ่ายเอง
เธอรู้สถานการณ์ของเฉินตงดี เงินที่ได้มาให้หวางหนันหนันและแม่รักษาอาการป่วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเช่าบ้านอยู่จนถึงตอนนี้
แต่ เธอไม่อยากทำร้ายศักดิ์ศรีของเฉินตงเพราะความสงสารของตนเอง ทำให้เฉินตงรู้สึกว่าเธอกังวลว่าเขาจะจ่ายไม่ไหว
ศักดิ์ศรีของผู้ชาย ไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหยามได้
สตาร์ทรถ
ในรถมืดๆเล็กน้อย
กู้ชิงหยิ่งถามขึ้นมากะทันหัน: “จริงสิ ช่วงนี้คุณป้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี” เฉินตงตอบ
กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว: “ที่จริง เรื่องของคุณ ฉันรู้หมดแล้ว ฉันช่วยคุณได้นะ ไม่ ฉันหมายถึงช่วยคุณป้า”
“ผมหาทางออกด้วยวิธีอื่นได้แล้ว แม่ผมกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เฉินตงตอบ
“จริงเหรอ? ดีจังเลย!”
กู้ชิงหยิ่งดีใจจนยิ้มขึ้นมา: “เฉินตง คุณเก่งมากเลย คุณรู้ไหม ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ฉันก็รู้สึกนับถือคุณมาก คุณเป็นไอดอลของฉันเลยนะ”
“อย่ามาประจบสอพลอเลย ตอนเรียนมหาลัยคือคิดอยากจะมาลอกการบ้าน แต่ตอนนี้ลอกการบ้านไม่ได้แล้วนะ” เฉินตงเหล่ตาจ้องหน้าเธอ
กู้ชิงหยิ่งหัวเราะ เปลี่ยนคำพูด: “งั้นพรุ่งนี้ฉันไปเยี่ยมคุณป้าหน่อยได้ไหม?”
เฉินตงพยักหน้า: “ได้สิ พรุ่งนี้หลังจากผมเลิกงาน พาคุณไปพร้อมกัน”
ขับรถไปถึงโรงแรมไท่ซาน
เฉินตงช่วยกู้ชิงหยิ่งเอากระเป๋าเดินทางลงจากรถ เปิดห้องเรียบร้อย
ส่งกู้ชิงหยิ่งกลับขึ้นไปห้องพัก เขาก็หันหลังเดินออกไป
มองดูประตูที่กำลังปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งหายไปทันที แต่เปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เอ็นดูและสงสารอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันรู้ทุกอย่าง คุณกับหวางหนันหนันหย่ากัน เพราะหวางหนันหนันเอาเงินสองแสนสุดท้ายที่ต้องเอาไว้รักษาแม่ เรื่องนี้ เป็นใครก็คงทนไม่ได้”
หลังจากที่หวางหนันหนันและเฉินตงหย่ากัน ตระกูลหวางก็รีบปล่อยข่าวลือออกไปทันที
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลหวางคิดว่าตนเองดีนักดีหนา รู้สึกว่าเฉินตงไม่คู่ควรกับตระกูลหวางและหวางหนันหนัน
แต่กู้ชิงหยิ่งกลับรู้สึกว่า คนที่เป็นฝ่ายไม่คู่ควรและบังอาจเอื้อม คือตระกูลหวางต่างหาก!
ข่าวลือของการหย่าในครั้งนี้ ถึงแม้ตระกูลหวางจะจงใจใส่ร้ายและโกหกกลับเรื่องดำให้กลายเป็นขาว แต่กู้ชิงหยิ่งเข้าใจสถานการณ์ของเฉินตงและหวางหนันหนัน ว่ามันมีหลายสาเหตุ
เงินช่วยชีวิตของแม่เฉินตง ยังเป็นเงินที่มีเพียงแค่สองแสนก้อนสุดท้าย
กลับถูกหวางหนันหนันเอากลับไปให้บ้านตัวเองทั้งหมด จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะจะจ่ายเงินดาวน์บ้านใหม่ให้หวางเห้า
มันน่าตลกสิ้นดีจริงๆ!
กู้ชิงหยิ่งไม่รู้ว่าในช่วงเวลานั้น เฉินตงเจอเรื่องร้ายๆมามากมายขนาดไหน
แต่เธอรู้ ข้างหนึ่งคือแม่ป่วยหนัก ส่วนอีกข้างหนึ่งคือภรรยาของเขากลับทำลายความหวังสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงที่มากถึงเพียงนี้ เป็นใครก็ไม่สามารถรับได้
ส่วนเฉินตง ก็อดทนผ่านมันมาได้แล้ว!
“คุณเหนื่อยเกินไป ฉันไม่อยากให้คุณเหนื่อยขนาดนั้น ดังนั้นฉันก็เลยกลับมาไง”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน แววตาตั้งมั่นอย่างแน่วแน่: “ฉันจะต้องช่วยคุณแน่นอน ฉันรู้ ความสามารถของคุณไม่ใช่เป็นได้แค่รองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น”
พูดจบ เธอหยิบมือถือออกมาโทร
“คุณพ่อคะหนูถึงแล้ว เพิ่งจะทานข้าวเสร็จแล้วมาที่โรงแรม”
หยุดไม่สองสามวิ กู้ชิงหยิ่งยิ้มและพูด: “คุณพ่อคะ ลูกอยากไปทำงานที่บริษัทวัสดุก่อสร้างของพ่อ ไหนๆแล้ว บริษัทนั้นท่านก็แค่เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกความพยายามในอดีต ให้ลูกไปฝึกฝนเรียนรู้งาน ก็คงไม่เป็นไรมั้งคะคุณพ่อ?”
“เด็กโง่ ไปบริษัทที่เล็กๆขนาดนั้น เสียดายความรู้ความสามารถ อยากทำงานก็กลับมาติดตามอยู่ข้างๆพ่อก็พอแล้ว?” เสียงโทรศัพท์ฝั่งโน้น เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูของพ่อ
“ไม่เอา อยู่กับพ่อแล้ว งั้นก็กลายเป็นหนูต้องสืบสานธุรกิจของพ่อน่ะสิคะ? หนูยังอยากสู้นี่คะ” กู้ชิ่งหยิ่งยกขาที่ขาวๆขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ขยับไปมาและอ้อน: “ได้ไหมคะคุณพ่อคะ?”
“ก็ไปสิ พ่อโทรหาประธานบริษัทคนเก่าหน่อย ลูกไปก็ทำแทนหน้าที่เขาได้เลย”
“คริคริ……ขอบคุณค่ะพ่อ คุณพ่อดีที่สุดเลย”