บทที่ 34 คนที่มาจากตระกูลเฉิน เฉินเทียนหย่าง
หลังจากที่ลาท่านหลงแล้ว
เฉินตงและคุนหลุนกลับไปถึงห้องเช่า
ภาพในห้อง ทำให้คุนหลุนตกตะลึง
“รู้สึกคับแคบ?” เฉินตงถาม
คุนหลุนส่ายหัวและพูด: “หลายปีมานี้คุณชายคงเหนื่อยยากลำบากมาก”
เฉินตงยิ้ม เขาชอบนิสัยเช่นนี้ของคุนหลุน สิ่งที่ควรพูดก็พูด สิ่งที่ไม่ควรพูดก็ไม่พูด
ตามความคิดของท่านหลงแล้ว หลังจากนี้อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง คุนหลุนต้องคอยอยู่ข้างกายของเขา ถ้านิสัยทำให้เขาไม่ชอบใจ จะยุ่งยากจริงๆ
“ในบ้านมีคนเพิ่มมากขึ้น ผมหาบ้านพักใหม่แล้ว เดือนหน้าย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย”
เฉินตงยิ้มและพูดขึ้นมาคำหนึ่ง เขตวิลล่าเขาเทียนซานมีราคาที่แพงมาก คือสาเหตุหนึ่ง ก็เพราะการตกแต่งภายในบ้านตอนก่อสร้างเริ่มแรก เป็นนักออกแบบที่มีความสามารถมีชื่อเสียงมาร่วมกันออกแบบตกแต่ง จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะให้การออกแบบมีสไตล์ที่เหมือนกันทั้งหมด จะทำให้เจ้าของรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น
หรือพูดได้อีกแง่มุมหนึ่งคือ เขาแค่ใช้เวลาวันเดียว ก็สามารถซื้อเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เสร็จ แล้วย้ายเข้าไปอยู่ได้อย่างราบรื่น
คุนหลุนพยักหน้า เขาไม่สนใจกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเลยสักนิด
หลังจากที่ติดตามตระกูลเฉินแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ
แต่ตอนที่อยู่ในสนามรบ อยู่กับชีวิตที่เต็มไปด้วยมีดอาบเลือด เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่เลย ระหว่างอยู่หรือตาย ขอแค่ได้มีชีวิตรอด
สภาพแวดล้อมจะแย่ยังไงก็ตาม เขาก็เคยผ่านมาแล้ว
หลังจากที่ท่านหลงตักเตือนแล้ว เหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก
เฉินตงก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก เพียงแค่ในตารางชีวิตประจำวัน เพิ่มแผนการออกกำลังกายช่วงเช้า
หลายปีที่ผ่านมา เขายุ่งกับการงาน ดิ้นรนหาทางรักษาอาการป่วยของแม่ ออกกำลังกายก็ทำได้เพียงบางครั้งที่ว่าง ไม่เข้มงวดถึงขนาดต้องทำทุกวัน
แต่ว่า คำพูดคำหนึ่งของท่านหลง “การอบรมขั้นพิเศษ” ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีก้างปลาที่ติดอยู่ในคออย่างนั้น
พลาดไปแล้ว ก็จะเป็นยอดคนไม่ได้หรือ?
หรือว่า…..เทียบกับยอดคนไม่ได้?
เขาไม่เชื่อ!
ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินตงถูกด่าว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อมาตลอด ค่อยๆก้าวมาทีละก้าวอย่างทุกข์ยากลำบากจนถึงวันนี้ ความกดดันที่เคยได้รับทั้งหมด นอกจากตัวเขาเองแล้ว ก็มีเพียงแต่หลี่หลานแม่ของเขาที่รู้
ชีวิตของเขา ไม่ใช่ใครๆก็จะสามารถตัดสินได้
ฟ้าเพิ่งจะสว่างนิดๆ
เฉินตงก็เปลี่ยนชุดกีฬา ออกไปวิ่งในสวนสาธารณะข้างๆ
เวลาเช้าตรู่ อากาศสดชื่น
เพียงแค่ไม่นาน เฉินตงก็เหงื่อไหลจนเปียกไปทั้งตัว หายใจอย่างเหนื่อยหอบ
แต่เขาไม่หยุดวิ่ง เพราะมันยังไม่เพียงพอ
เวลายังเช้าอยู่ ในสวนสาธารณะยังไม่มีคนแก่ที่มาออกกำลังกายตอนเช้าเลยสักคน
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเวลาทำงาน เขาจึงต้องเลื่อนเวลาออกกำลังกายตอนเช้าให้เช้ากว่าปกติ แน่นอนว่าต้องเสียสละเวลานอนพักผ่อนเล็กน้อย แต่เขาไม่แคร์
บนทางเดินเท้าของสวนสาธารณะ โคมไฟทางเท้าส่องแสงสีเหลืองสลัวๆ
ตอนที่เฉินตงวิ่งไปถึงตรงที่มืดๆ สายตาของเขามัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ตรงด้านหน้าของเขา มีเงาของคนๆหนึ่งโผล่มา
เงาของคนๆนั้นโผล่มาปุ๊บ ก็มุ่งตรงเข้ามาหาเขา
“ใคร?”
เฉินตงตะโกนดังๆหนึ่งเสียง
ในเวลานี้ คนที่มาวิ่งออกกำลังกายเช้าก็ยังไม่มีใครมา ในสวนสาธารณะที่มืดๆมีคนมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างกะทันหัน เขานึกว่าพวกโจรขโมยวิ่งราวทรัพย์
แต่กลับมีเสียงที่เยือกเย็นหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ให้ฉันประเดิมความสามารถของลูกสวะอย่างแกดูหน่อยซิ!”
คนตระกูลเฉิน!
ในใจของเฉินตงตกตะลึง มาได้ไวจริงๆนะ!
เงาของคนพุ่งมาถึงตรงหน้า กระโดดขึ้นสูงๆ ถีบเข้าหาเขาทันที
เฉินตงแค่ออกกำลังกาย ไม่เคยฝึกต่อสู้เลยสักนิด
แต่ตามสัญชาตญาณ เขาก็รีบยกสองมือขึ้นมากันไว้ด้านหน้าอก
ปั้ง!
เสียงหนึ่งดังขึ้น
เฉินตงร้องโอยหนึ่งเสียง รู้สึกเจ็บจนแขนจนจะหัก พุ่งตัวออกไปและล้มลงบนพื้นอย่างแรง
“ไอ้ลูกสวะก็คือลูกสวะ ขยะแบบนี้เหรอ เขาคิดยังไงให้แกมาควบคุมดูแลวงศ์ตระกูล?”
พอเงาลงพื้นแล้ว ยังไม่หยุดยั้ง พุ่งไปที่เฉินตงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
แสงไฟมือสลัว เงาคนยิ่งดุร้ายรวดเร็วมาก
ทำให้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เฉินตงก็ยังมองหน้าของเขาไม่ชัด
เห็นเงาคนพุ่งตรงเข้ามา เฉินตงนึกถึงคำพูดที่คุยกับท่านหลงเมื่อคืนนี้
คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้……กล้าฆ่าคน!
ความเยือกเย็นที่ทิ่มแทงกระดูกพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าไปจนถึงหัวกะโหลก
ในเวลานี้ คนนั้นได้พุ่งมาจนถึงตรงหน้าของเขาและกำลังยกเท้าขึ้นมาอย่างสูง เหมือนขวานศึก เหวี่ยงมาด้วยเสียงวูบๆ กำลังฟาดมาบนหัวของเขา
จะฆ่าผมจริงเหรอ?!
เฉินตงกระพริบตา เมื่อกี้ต่อสู้กันแป๊บเดียว เขาก็รู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีพละกำลังแรงมาก ซึ่งต่างกับตัวเขามาก
แค่ใช้แรงเบาๆนิดเดียวก็ฆ่าเขาให้ตายได้
ทันใดนั้น เฉินตงเห็นมีเงาดำหนึ่งโผล่มาขวางไว้ตรงหน้าของเขา
มีเงาดำโผล่มากะทันหัน ก้มตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ใช้ไหล่ขวางเงาของขาด้านขวานั่นที่กำลังถีบมาอย่างแรง
“ไปให้พ้นจากที่ซะ อย่าให้กูเห็นหน้าแกอีก!”
เงาดำที่รูปร่างใหญ่นั้นจับขาขวานั่นไว้ แล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรง
ใช้วิธีการเหวี่ยงที่รุนแรงมาก จนคนบินออกไปไกลๆ
ล้มลงกับพื้นแล้ว เงาคนยังกลิ้งไปหลายตลบ ถึงจะหยุดในที่สุด
“คุนหลุน!”
เฉินตงเห็นหน้าตาคนที่ขวางอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว
รูปร่างตัวใหญ่ดั่งขุนเขาของคุนหลุนแข็งแรงเหมือนหอไอเฟล ที่ยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง แต่ไม่ตอบรับเฉินตง
แต่หันไปด่าคนที่ถูกเหวี่ยงจนบินไปไกลคนนั้น
“เฉินเทียนหย่าง กล้าแตะต้องคุณชายเฉินตงของข้า นายอยากตายรึไง?”
“คุนหลุน? นายแน่มาก เห็นทีนายท่านเห็นไอ้ลูกสวะนี่เป็นหัวแก้วหัวแหวนจริงๆ ถึงกับจัดให้นายมาปกป้องเขา”
เฉินเทียนหย่างลุกขึ้นยืน ถูกคุนหลุนเหวี่ยงกระแทกอย่างแรงเมื่อสักครู่นี้ ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บเท่าไหร่นัก
ภาพนี้ เฉินตงดูจนตะลึงอ้าปากค้าง
รูปร่างของเฉินตงกับเขาไม่ต่างกันมากนัก
แต่ถ้าเมื่อกี้คนที่ถูกคุนหลุนเหวี่ยงคือเขา ต้องลุกขึ้นยืนไม่ไหวแน่นอน
เฉินเทียนหย่างเดินมาถึงใต้แสงไฟแล้ว ทำให้เฉินตงมองเห็นหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
โครงหน้าที่แหลมคม ผิวขาวจนเหมือนโรคจิต มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
คนๆนี้เป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่มีอารมณ์รุนแรง
เฉินตงเข้ามาอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ สายตาที่มองคนก็ไม่เบานะ
แน่นอน
เฉินเทียนหย่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดกับคุนหลุนอย่างเย่อหยิ่งผยอง: “แต่ว่า นายกล้าฆ่าผมเหรอ? นายก็แค่บอดี้การ์ดที่ตระกูลเฉินว่าจ้างมาทำงานเท่านั้น ส่วนผมเป็นถึงหนึ่งในทายาทผู้สืบทอดตระกูลเฉินในอนาคต!”
“ผมเป็นบอดี้การ์ดของนายท่าน ไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลเฉิน ถ้านายไม่เชื่อ ลองดูได้”
คำพูดของคุนหลุน เยือกเย็นจนเข้ากระดูก: “อย่าลืม เทคนิคการต่อสู้ของนาย ผมเป็นคนสอนนาย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเทียนหย่างหยุดชะงัก ดวงตาดั่งเม็ดพลอยสีดำกระพริบๆ ส่งไอแห่งความเยือกเย็นออกมา
“นาย จะปกป้องมันจริงๆเหรอ?”
“นายท่านให้ปกป้อง คุนหลุนตายก็ต้องปกป้อง!”
“นายซื่อสัตย์พอนิ!”
เฉินเทียนหย่างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และยกนิ้วโป้งให้คุนหลุน: “ไอ้ขยะลูกสวะคนนี้ แม้แต่ขาของผมยังรับไม่ได้ ถึงว่าต้องให้นายมาปกป้องดูแล แต่ว่า นายอย่าเข้าใจผิด วันนี้ผมยังไม่ฆ่าเขาหรอก”
“ผมแค่อยากมาดู ไอ้ลูกสวะที่สามารถทำให้นายท่านสั่งให้บริษัทยี่เคอกรุ๊ปประกาศข่าวช่วยเหลือไอ้นี่ จะมีหน้าตายังไง มีความสามารถอะไร”
พูดแล้ว เขาหันไปมองเฉินตง ปิดปากแล้วส่ายหัว พูดอย่างผิดหวังว่า: “ตอนนี้ดูๆแล้ว ก็แค่นี้ ไม่เห็นจะเก่งอะไรเลย นายท่านคงถูกน้ำมันหมูบังใจ(หมายความว่าตอบสนองช้า)แล้วจริงๆ”
“นายหวาดกลัวไปแล้วเหรอ?”
เฉินตงลุกขึ้นยืน เช็ดเลือดตรงมุมปาก ยิ้มแล้วมองหน้าเฉินเทียนหย่าง: “ถ้าขยะที่ไม่เอาไหนอย่างนายมีความสามารถหน่อย ทำไมเขาจะต้องหาไอ้ลูกสวะอย่างผมกลับไปรับช่วงต่อตระกูลเฉินล่ะ?”
เสียงหัวเราะที่ประชดประชัน เหมือนมีดและธนู
ทิ่มลงไปตรงกลางใจของเฉินเทียนหย่าง
ทำให้เฉินเทียนหย่างเงียบขรึมจนพูดอะไรไม่ออก