บทที่ 47 ท่าเดียวก็พอ
ใบหน้ากูหลังย่นยับ กระตุกหางตารอยแผลตะขาบหนึ่งครั้ง
เป็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจริงๆเหรอ?
ชั่วเวลาอันสั้นๆ การเปลี่ยนแปลงของเฉินตงในสายตาของเขา ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ทำให้กูหลังประหลาดใจเหลือเกิน
ท่ามกลางความมืดมิด คุนหลุนเบิกตากลมโต เต็มไปด้วยความตกตะลึง “ดี เร็วดี!”
เขาพาเฉินตงมาที่โรงยิมมวยใต้ดินบอกว่าให้เฉินตงเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้ในสนามจริง แต่ความจริงแล้วเพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจของเฉินตงต่างหาก
ประสบการณ์ต่อสู้ก็คือทักษะการต่อสู้ผสมผสานกับสภาพจิตใจที่หนักแน่นและสงบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถึงจะนำมาใช้ในสนามจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะเฉินตงทำฟิตเนสเป็นกิจวัตรประจำวัน บวกกับร่างกายมีคุณสมบัติมาแต่เกิด ฉะนั้นหลังคุนหลุนฝึกฝนเขาอย่างหนักหน่วงและทารุณมาหลายวัน ร่างกายจึงมีความพร้อมเต็มที่แล้ว
ขาดก็แต่สภาพจิตใจเท่านั้น
หากสภาพจิตใจของคนเราไม่ค่อยแข็งแกร่ง ถึงแม้จะมีร่างกายกำยำ แต่เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ก็จะเป็นอย่างเฉินตงตอนปะทะกับกูหลังใหม่ๆ มึนงงไร้ทิศทางคล้ายกับไม้แกะสลักรูปไก่ที่อยู่นิ่งให้คนอื่นทุบตี
สำหรับสภาพจิตใจของเฉินตงที่เปลี่ยนแปลง ทำให้คุนหลุนตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี
เขาคาดไม่ถึงว่าแค่ประลองฝีมือไม่นาน เฉินตงก็พัฒนาขึ้นมาเร็วขนาดนี้!
“สายตาของนายท่านแม่นยำเสมอมา”คุนหลุนพูดเองเอยเอง
บนอัฒจันทร์ผู้ชม บัดนี้ยังคงส่งเสียงร้องอยู่เหมือนเดิม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรงเหล็กใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
อาจจะเป็นเพราะระยะห่าง ผู้ชมจึงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฉินตงเลย
“ฮู้……”
กูหลังหายใจออกแรงๆหนึ่งครับ นัยน์ตาประกายแวววาว“น่าสนใจแฮะ”
เพิ่งสิ้นเสียง กูหลังก็เกิดอารมณ์บ้าบิ่นขึ้นมาทันที
ร่างกายราวกับหมาป่า ความเร็วดั่งสายฟ้า
การเปลี่ยนแปลงของเฉินตงทำให้เขาจุกที่ลำคอ โดยไม่คิดจะเล่นอีกต่อไป อยากจะรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
ใต้แสงไฟที่แรงเจิดจ้า
เฉินตงยืนขึ้นอย่างมั่นคงโดยไม่โซเซเลย ดวงตาใต้หน้ากากจับจ้องการเข้าโจมตีของกูหลังอยู่
สงบเข้าไป
ต้องสงบเข้าไว้
เขาปรับการหายใจของตัวเองตลอด
วิ้ว!
เสียงแหวกลมกลางอากาศดังขึ้นมา
กูหลังปล่อยหมัดมายังใบหน้าของเฉินตง
และในเวลานี้
เฉินตงเลิกคิ้ว รีบขยับเอวหมุนหน้าไปอีกทาง
วิ้ว!
ข้างหูมีเสียงลมพาดผ่าน
“หลบได้เหรอ?”
สีหน้ากูหลังเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
แต่ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชนทำให้เขาปรับอารมณ์กลับมามั่นคงได้เหมือนเดิมในช่วงเวลาสั้นๆ เขาอยากใช้ประโยชน์จากแรงที่กระโจนเข้าใส่ โดยใช้ข้อศอกขวาตรงไปยังใบหน้าของเฉินตง และในเสี้ยววินาทีนั้นเขาจะหักข้อศอกแล้วโจมตีขมับของเฉินตงแรงๆ
นี่เป็นท่าไม้ตาย!
หากตรงเป้าเมื่อไหร่ กูหลังรับประกันได้เลยว่าเฉินตงไม่ตายก็ต้องพิการอย่างแน่นอน
ปัง!
เฉินตงยกมือซ้ายขึ้นบังข้อศอกของกูหลังด้วยความเร็วแสง
การจู่โจมที่ทรงพลัง ถึงแม้จะสามารถกดมือที่บังอยู่ของเขาจนโดนหัวในที่สุด แต่ก็สามารถลดแรงกระแทกที่อาจถึงตายได้ให้น้อยลงไปมาก
“หลบได้อีกแล้วเหรอ?”
ในใจกูหลังเกิดคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำขึ้นมา
เขาไม่เคยเห็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะปรับตัวได้เร็วหลังจากเข้ามาอยู่ในกรงเหล็กนี้แล้วเลย!
เพียงแต่ระยะเวลาตกตะลึงตาค้างเท่านั้น
เสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นข้างหูกะทันหัน
“ท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว”
เฉินตงโค้งตัวลง ประดุจดั่งเสือที่รอคอยสถานการณ์เอื้ออำนวยอยู่เสียอย่างนั้น เขากำหมัดมือซ้าย ใช้แรงโน้มถ่วงจากการโค้งตัวของเอว
ปัง!
หมัดเดียวก็โดนรักแร้ด้านซ้ายของกูหลังเข้าอย่างจัง
“อา!”
กูหลังร้องอย่างอนาถ โดนชกจนลอยออกไปแล้วตกลงสู่พื้นทันที
ความเจ็บปวดมากมาย ความรู้สึกชาบริเวณรักแร้ที่คล้ายกับจะเป็นอัมพาตได้เลย ทำให้เขาหน้าซีดเผือดเกือบจะยืนขึ้นมาไม่ได้
สนามที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนร้องเชียร์ก็เงียบกริบทันควัน
บรรดาผู้ชมในความมืด ต่างเบิกตากลมโตมองดูภาพในกรงเหล็กที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา
นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มีเพียงคุนหลุนที่อยู่ในความมืด หลังจากการตื่นตระหนกผ่านไปก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณชายออมมือให้ด้วยเหรอ?”
ทักษะการต่อสู้ก็คือทักษะที่ใช้ฆ่าคน นี่เป็นบทสรุปที่เขาได้รับในช่วงความเป็นความตาย
ความอยู่รอดภายในกรงเหล็กนั้นไม่ค่อยถูกคนเห็นความสำคัญเท่าไหร่นัก
ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ของเขา หมัดเมื่อสักครู่ของเฉินตงมีไม่ต่ำกว่าสิบวิธีที่สามารถทำให้กูหลังอย่างเขาต้องตายหรือไม่ก็พิการ
แต่เฉินตงกลับชกที่รักแร้ของกูหลัง
เช่นนี้จะทำให้อีกฝ่ายสูญเสียพลังการต่อสู้ไปชั่วคราว แต่ไม่ได้ทำร้ายจุดสำคัญของร่างกายเลย
ภายในกรงเหล็ก
เฉินตงเดินเข้าไปหากูหลัง
กูหลังลุกขึ้นยืนแล้ว ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้เขาสีหน้าซีดเซียว ส่วนมือซ้ายก็ห้อยลงไม่อาจยกขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นๆนี้
การปะทะครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว
การต่อสู้ถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย มือข้างหนึ่งสูญเสียพลังการต่อสู้ จากนี้ก็ต้องเกิดการนองเลือดดั่งภูเขาหิมะระเบิดแน่นอน
“คุณแพ้แล้ว”
เฉินตงมองกูหลังอย่างสงบเงียบ
“คุณไม่ชกต่อ?”
กูหลังมึนไปหมด เขาทำใจเตรียมไปนอนอยู่คลองเลือดบนพื้นแล้ว
ต่อสู้ในกรงเหล็กมาหลายปี รู้ว่าที่นี่ก็เหมือนกับการประชันกันของเหล่าสัตว์ป่าที่ดุร้าย เขาเข้าใจกฎข้อนี้ดี
หยุดเมื่อเหมาะสมนั้นไม่เคยมีมาก่อนเลย
อย่างสภาพเขาในตอนนี้ หากเป็นคู่ต่อสู้อื่นก็ต้องอัดเขาอย่างไร้ปรานี เพื่อแสดงโชว์เลือดสดให้ผู้ชมสำราญใจ
สีหน้าเฉินตงเรียบเฉยโดยไม่พูดอะไร
กูหลังไม่เข้าใจ ผู้สวมหน้ากากตรงหน้าให้ความรู้สึกเขาที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
มีความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยุดเมื่อสู้กันจนเห็นผลแพ้ชนะ
ทำให้เขาก็ปริปากพูด“คุณสามารถชกผมต่อไปได้ คุณหักแขนผมทิ้งหนึ่งข้าง หรือกระทืบผมให้นอนอยู่บนกองเลือด อีกทั้งตีผมให้ตายก็ยังได้ เพราะอำนาจของโรงยิมชกมวยใต้ดินแห่งนี้ พวกเราสามารถคลี่คลายกับตำรวจได้ แล้วทำไมไม่ชกต่อล่ะ?”
“ผมแค่อยากหาประสบการณ์ต่อสู้ ทำไมต้องโหดร้ายอย่างนี้ด้วย?”เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม“ความรู้สึกชกมวยครั้งแรกไม่เลวเลยขอบคุณคุณมาก”
ขอบคุณ?
ครั้งแรก?
กูหลังตกตะลึง
มองนัยน์ตาผ่านหน้ากากเขาเหมือนจะเห็นแววตายิ้มของอีกฝ่ายได้
ผ่านไปเป็นเวลาเนิ่นนาน
กูหลังก้มหน้าลง“ขอบคุณคุณมาก”
เขารู้ดีว่าหากเฉินตงไม่รั้งมือก็จะเป็นดั่งที่เฉินตงพูด“ท่าเดียวก็เกินพอแล้ว”ซึ่งก็คือเขาจะต้องเจอจุดจบที่น่าสะพรึงกลัวเพียงหมัดเดียว
“ไปแล้ว”
เฉินตงโบกมือบอกให้กรรมการเปิดกรงเหล็กออก
เขามีประสบการณ์ต่อสู้ครั้งแรกแล้ว เขารู้ว่าควรใช้กระบวนท่าไหนต่อสู้
ต่อจากนี้ไป เขาเพียงแค่สั่งสมประสบการณ์ต่อสู้อย่างนี้ก็พอแล้ว
ส่วนตอนนี้ไม่ควรอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงันเช่นนี้
เพราะผู้ชมอย่างน้อยร้อยละเก้าสิบต้องเสียเงินจากการแทงพนัน
เขารีบไปจากที่นี่ เพื่อจะได้ให้ผู้ชมมีเวลาทำใจบ้าง
“คุณชื่ออะไร?”
ด้านหลังมีเสียงของกูหลังส่งมา
เฉินตงไม่ได้หยุดเดิน ยกมือซ้ายขึ้นโบกไปมา
กูหลังยืนอยู่กับที่ด้วยใบหน้าแปลกประหลาด สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา
ออกจากโรงยิมชกมวยอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน
“คุนหลุน เมื่อกี้ผมสู้เป็นยังไงบ้าง?”เฉินตงถามความคิดเห็นของคุนหลุน
ดวงตาคุนหลุนเป็นประกายแวบหนึ่ง กล่าวว่า“ยัง ยังใช้ได้มั้ง”
เฉินตงพยักหน้า มือซ้ายลูบคางของตน“อืม ผมก็รู้สึกว่าการตอบสนองช้าไป ตอนเริ่มแรกปรับอารมณ์ไม่ทันถูกกูหลังชกไปสองครั้งถ้าไม่ใช่เขาประมาทเลินเล่อ ผมไม่มีโอกาสเอาคืนเลย”
คุนหลุนมองทิวทัศน์ยามค่ำผ่านกระจกรถ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี
คุณชาย……ตั้งใจเกินไปไม่ดีนะ