บทที่ 45 ความอัปยศอดสู
เฉินตงกลับมาถึงห้องเช่าอย่างหดหู่ใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลลี่จิงทำให้เขากระสับกระส่ายยากจะวางใจ
การปรากฏตัวของเฉินเทียนหย่างไม่ใช่บังเอิญอย่างเด็ดขาด
สิ่งที่เขาวิตกกังวลก่อนหน้านี้ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
แต่เขาไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเด็ดขาด
“คุณชายเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”คุนหลุนถามเฉินตงด้วยความสงสัย
เฉินตงมองดูเวลาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า“คุนหลุนตอนนี้ออกไปช่วยผมฝึกฝนร่างกายหน่อย”
คุนหลุนขมวดคิ้ว“คุณชายครับ ดึกขนาดนี้แล้ว คุณก็ทำงานมาทั้งวันร่างกายคงรับไม่ไหวนะครับ?”
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเฉินตงถึงเป็นเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
“คุนหลุนที่นายเคยฝึกผมทุกวันยามเช้า ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จะชนะเฉินเทียนหย่าง?”เฉินตงถาม
คุนหลุนครุ่นคิดชั่วครู่“อย่างน้อยหนึ่งปี”
ตอนนี้เขาจัดตารางฝึกซ้อมให้เฉินตงฝึกทุกเช้า ซึ่งถือว่าถึงขีดสุดของร่างกายในการฝึกฝนแล้ว
แต่เฉินเทียนหย่างผ่านการฝึกฝนอย่างเคร่งครัดจากบ้านตระกูลเฉินมาก่อน สามารถทำให้เฉินตงสู้กับเฉินเทียนหย่างได้ภายในหนึ่งปี
มันเป็นเวลาที่เขาคาดการณ์เร็วที่สุดแล้ว
“แล้วถ้าผมอยากให้ภายในเวลาหนึ่งเดือน สามารถสู้กับเฉินเทียนหย่างได้อย่างไม่เป็นรองเขาล่ะ?”น้ำเสียงของเฉินตงแน่วแน่มากๆ
“คุณชาย……”คุนหลุนเข้าใจว่าทำไมเฉินตงถึงเป็นแบบนี้แล้ว
ความดุดันทะลักออกมาจากนัยน์ตาของเฉินตง“ภายในหนึ่งเดือนนะ ผมไม่สนว่าคุณจะฝึกผมยังไง ถึงแม้จะเพิ่มการฝึกเป็นสิบเท่าร้อยเท่า แต่หลังจากหนึ่งเดือนผมก็ต้องอัดเฉินเทียนหย่างให้คลานลงกับพื้น!”
น้ำเสียงหนักหน่วง ชวนให้คุนหลุนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
……
วันรุ่งขึ้น
บริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่ก็เกิดเสียงโต้เถียงอย่างอึกทึกขึ้นในยามเช้า
ด้านในห้องทำงานส่วนตัวของประธาน
จางเห้อหมิงโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชี้ไปยังคอมพิวเตอร์ที่กำลังปรากฏเว็บไซต์ของบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่อย่างโมโห “ประธานกู้ คุณบ้าแล้วเหรอ?แอบเปลี่ยนประกาศต่อต้านไท่ติ่งมาเป็นการสนับสนุนแทน คุณรู้ไหมว่าจะมีผลกระทบที่รุนแรงขนาดไหน?”
“รู้”กู้ชิงหยิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมย
“แล้วเปลี่ยนทำไมอีก?คุณอยากให้ผมรายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายใหญ่ทราบเหรอ?”จางเห้อหมิงขู่ขึ้นมา
ทันใดนั้นหน้าสวยของกู้ชิงหยิ่งเคลือบความเย็นยะเยือกขึ้นมา เธอจ้องเขม็งจางเห้อหมิง “รายงานได้ นอกเสียจากคุณอยากเก็บกระเป๋าออกจากงาน!”
“คิก……”จางเห้อหมิงโกรธจนหัวเราะออกมา
แต่คำพูดประโยคหลังของกู้ชิงหยิ่งทำให้เขายิ้มแข็งค้าง
กู้ชิงหยิ่งค่อยๆพูดอย่างสงบนิ่งว่า“นอกเสียจากอยากให้คุณพ่อฉันรู้ว่าคุณแอบเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง!”
“คุณพูดซี้ซั้ว ผมอุทิศตนทำงานเพื่อยิงลี่ ประธานกู้ถึงคุณจะเป็นคุณหนูใหญ่ก็ไม่ควรใส่ร้ายกันอย่างนี้นะครับ”จางเห้อหมิงรู้สึกว้าวุ่นอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาเล็กน้อย
กู้ชิงหยิ่งยิ่งสงบเงียบ หน้าสวยประดับรอยยิ้มขึ้นมา“ไม่ใช่สิ ไม่น่าจะเป็นแค่เก็บกระเป๋าออกจากบริษัทนะ น่าจะต้องเข้าคุกด้วย?”
จางเห้อหมิงหน้าแดงไม่อาจพูดอะไรได้
จากนั้น
กู้ชิงหยิ่งค่อยๆลุกขึ้นยืน สองมือวางไว้ที่โต๊ะ พูดด้วยท่าทางดุร้าย“เรื่องพวกนี้ของคุณ หากตรวจสอบขึ้นมาก็มีโทษทางกฎหมายนะ
คิดว่าฉันเป็นทายาทหน้าโง่อย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันไม่เพียงแต่เปลี่ยนประกาศเท่านั้น ตอนนี้ฉันยังแจ้งบอกคุณให้ไปร่างสัญญาของไท่ติ่งใหม่แล้วดำเนินการตามเงื่อนไข!”
“ฟังให้ดี นี่คือการแจ้งบอก ไม่ใช่เจรจา!”
บรรยากาศกดดัน ไม่อาจโต้แย้งได้
ถึงจะเป็นจางเห้อหมิง ตอนนี้ราศีก็ถดถอยเป็นอย่างมาก
ลังเลได้สักพัก จางเห้อหมิงก้มหน้าพูดเสียงเบาว่า“ได้ครับ”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป
กู้ชิงหยิ่งกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ยิ้มอย่างลำพองใจ“มีฉันกับโจวเย่นชิวช่วยเหลือ คนบ้างานในไท่ติ่งก็คลายกังวลได้แล้ว คนบ้างานอยากจะเซอร์ไพรส์ฉัน หากถึงวันนั้นเขารู้ว่าฉันเป็นประธานบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่จะรู้สึกเซอร์ไพรส์บ้างไหมนะ?”
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
งานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนอย่างราบรื่น
ทำให้เฉินตงคาดไม่ถึงว่า จากเดิมบริษัทวัสดุก่อสร้างยิงลี่กลับคำ ตอนนี้รับปากจะขายให้กับไท่ติ่งใหม่อีกครั้งอย่างน่าประหลาดใจ อีกทั้งยังเซ็นสัญญาใหม่อีกครั้งด้วย
สำหรับเรื่องนี้ เฉินตงรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
วงการธุรกิจไม่มีศัตรูที่แน่นอน มีแต่ผลกำไรที่ยั่งยืน
ในเมื่อยิงลี่ให้การสนับสนุน เขาก็ต้องตอบรับด้วยความยินดีอยู่แล้ว
แน่นอนมีบทเรียนจากครั้งก่อน เขาไม่ได้ละทิ้งบริษัทวัสดุก่อสร้างที่โจวเย่นชิวช่วยหาให้
ถึงแม้หนึ่งในสามบริษัทที่เขาเลือกออกมายังคงเสนอราคาสูงกว่าท้องตลาดก็ตาม
แต่มีสองบริษัทคอยขายวัสดุก่อสร้างให้โอกาสเลี่ยงก็น้อยลงไปมาก
และที่สำคัญ ด้วยผลกำไรจากโครงการแปลงโฉมย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เขาไม่ใส่ใจกับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นบางส่วนเลย
จากที่มีวัสดุก่อสร้างส่งเข้ามา จึงได้ดำเนินโครงการต่อไป
เรื่องนี้ทำให้เกิดคลื่นเล็กๆขึ้นในเมือง
บริษัทวัสดุก่อสร้างที่ร่วมมือกันต่อต้านไท่ติ่งต่างจ๋อยไปตามๆกัน
ผู้ที่สะทกสะท้านจนคลั่งที่สุดก็คือเฉินเทียนหย่างนั่นเอง
ปัง!
ภายในห้องวีไอพีที่โรงแรมไท่ซาน เฉินเทียนหย่างชกแจกันดอกไม้จนแตก
โทรทัศน์กำลังเสนอข่าวภาคค่ำในเนื้อหาโครงการแปลงโฉมที่เมืองตะวันตกอยู่
“สมควรตาย!สมควรตายจริงๆ!”
ดวงตาขุ่นเคืองใจของเฉินเทียนหย่างเบิกกว้าง มือซ้ายถูกเศษแจกันบาดจนเป็นแผล เลือดสดไหลรินลงมา แต่เขากลับไม่ใส่ใจเลย “เฉินตง ไอ้ลูกสวะ มึงถึงกับได้รับการช่วยเหลือจากโจวเย่นชิวเลยเหรอ ไอ้เฮียโจวเย่นชิว หากไม่เห็นแต่หน้าตระกูลเฉินของพวกกู
เขาคงไม่ช่วยไอ้สวะนี้แน่ๆ!”
เขาคาดไม่ถึงเลยว่ายังมีโจวเย่นชิวอยู่อีกคน
เดิมทีคิดว่าออกเงินเล็กน้อยก็จะทำให้เฉินตงฉิบหายอย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเฉินตงจะมาไม้นี้
ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินเทียนหย่างได้รับการศึกษาระดับพรีเมี่ยม
ตอนนี้กลับถูกคนที่เขาคิดว่าเป็น“ลูกสวะ”อย่างเฉินตงเอาชนะไปได้ สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
ความอัปยศอดสู!
และในเวลาที่เฉินเทียนหย่างกำลังบันดาลโทสะอยู่นั้น
คุนหลุนได้พาเฉินตงมายังโรงยิมมวยใต้ดินของเมืองนี้
ภายในสนามมืดครึ้ม กลางเวทีแข่งขันมีไฟเปิดให้สว่างไสวและยังเต็มไปด้วยเสียงตะโกนเชียร์ที่หนวกหูมากมาย
ภาพพวกนี้ทำให้เฉินตงช็อกมาก
และกลางเวทีแข่งขันมีกรงเหล็กอยู่ ด้านในมีการสู้อย่างโหดเหี้ยมแบบเอาเป็นเอาตายกันอยู่
“คุนหลุนนายหาที่แบบนี้ได้ยังไง?”เฉินตงมองคุนหลุนอย่างประหลาดใจ
พูดตามความจริงหากไม่ใช่เพราะคุนหลุนพามา
วิถีการใช้ชีวิตของเขาคงไม่มีทางมีที่แบบนี้ได้หรอก
ร่างกายคุนหลุนมั่นคงไม่กระดุกกระดิกราวกับเป็นหอคอยเหล็กที่ตั้งตระหง่านไว้ก็ไม่ปาน อยู่ในที่อันมืดครึ้มเช่นนี้ทำให้รู้สึกถูกกดขี่อย่างไม่รู้ตัว
เขายิ้มบางๆ“คุณชาย ถึงแม้ผมจะเดินอยู่ในที่มืดอย่างนี้ แต่คุนหลุนอย่างผมก็ไม่ได้ชื่นชอบหรอก”
“แล้วนายพาผมมาทำไม?”เฉินตงไม่เข้าใจจุดประสงค์
ปัง!
สิ้นเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดก็ได้จบลง
หนึ่งในนั้นถูกคู่ต่อสู้ชกจนลอยไปชนกับกรงเหล็ก ใบหน้าแนบติดกรงเหล็กแล้วค่อยๆทรุดตัวลงมาอยู่กับพื้น โดยไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง
โครม!
ทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง
เฉินตงมองจนตาแข็งทื่อ
ทันใดนั้น
คุนหลุนผลักเฉินตงจากด้านหลังหนึ่งครั้ง“คุณชาย คุณแข่งยกต่อไป!”