บทที่ 57 วันที่15 มาถึง!
หลายวันต่อจากนั้น
กำลังวังชาทั้งหมดของเฉินตงอยู่ที่การเตรียมการเปิดจองของอาคารชุดที่ภาคตะวันตกของเมืองทั้งหมด
เตรียมการมาหนึ่งเดือน เขาไม่ยอมให้ศึกนี้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ตามกาลเวลาผ่านไป โปสเตอร์โฆษณาเกี่ยวกับการเปิดจองอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในถนนสายหลักและทุกซอยของเมืองนี้
และเมื่อตอนที่ผู้สูงอายุและวัยรุ่นคุยกัน หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองก็เหมือนจะกลายเป็นหัวข้อหลักไปแล้ว
ราวกับว่าความสนใจของทั้งเมืองนี้อยู่ที่อาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองทั้งหมด
คนที่มีกำลังที่จะซื้อบ้าน พวกเขาล้วนคันไม้คันมืออยากจะลองดูกันทั้งนั้น
เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ของภาคตะวันตกของเมืองก่อนที่ยี่เคอจะเข้าตั้งที่นี่ พอยี่เคอเข้าตั้งแล้ว ราคาบ้านก็จะต้องสูงขึ้นแน่นอน
นี่เป็นโอกาสดีที่จะทำเงินได้
เรื่องทำเงิน ใครๆก็กระตือรือร้นกันทั้งนั้น
กระทั่งที่ว่ามีหลายคนใช้เส้นสายของตัวเองคิดที่จะทำการซื้อจากภายในอย่างเงียบๆ
เฉินตงทายไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
หมกมุ่นกับอสังหาริมทรัพย์สามปี เขารู้ดีว่าเรื่องทำการซื้อจากภายในมันหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เขาไม่คิดจะขายห้องจากภายในออกไปมากนัก เพราะนี่เป็นศึกครั้งแรกของเขา เขาต้องการผลลัพธ์ที่สั่นสะท้านไปทั่วเมือง
ถ้าทำการซื้อขายห้องจากภายในมากเกินไปล่วงหน้า วันที่เปิดให้จองวันแรกวันนั้น อสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันตกของเมืองยังจะขายดีได้อย่างไร?
ถ้าเรื่องทำการซื้อขายจากภายในถูกเผยแพร่ออกไป ด้วยความคาดหวังของผู้คนที่มีต่ออสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันตกของเมืองในตอนนี้จะต้องส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของไท่ติ่งเป็นแน่
เพราะฉะนั้น เขาจึงให้เสี่ยวหม่าคัดเลือกมาแค่ส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากเด็กเส้นที่เส้นใหญ่เกินกว่าบริษัทพวกเขาจะปฏิเสธทำการซื้อขายจากภายในได้ ส่วนคนที่ต้องการทำการซื้อจากภายในที่เหลือ ปฏิเสธให้หมด
ข่าวไท่ติ่ง “ปฏิเสธการซื้อขายจากภายใน” เผยแพร่ออกไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
นี่ก็ทำให้ตัวเมืองคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
ต้องรู้ว่าคนที่อยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ภาคตะวันตกของเมืองหาได้ถมเถไป เด็กเส้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่มากกว่าคือต้องแย่งด้วยตัวเอง
ไท่ติ่งปฏิเสธทำการซื้อขายจากภายใน บอกได้ชัดเจนแล้วว่าก็เพื่อต้องการให้ทุกคนแข่งซื้ออสังหาริมทรัพย์กันอย่างยุติธรรม
นี่มัน……เป็นบริษัทที่มีจิตสำนึก!
พอข่าวกระจายออกไป ทำให้พวกคนที่ต้องการซื้อห้องแต่ไม่มีเส้นสายตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ยิ่งตั้งมั่นว่าจะต้องแย่งมาให้ได้หนึ่งห้องในการซื้อห้องครั้งนี้ให้ได้
ส่วนพวกเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนกับบรรยากาศแบบนี้
แต่ก่อนตอนที่พวกเขาขายห้อง ครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช่โฆษณากันอย่างยากลำบาก สร้างประเด็นให้เป็นที่พูดถึง?
แล้วไท่ติ่งล่ะ?
ภาคตะวันตกของเมืองที่ไม่มีใครยอมรับ สัญญาที่สูงเกินจริงถึงสามสิบล้าน ทำให้ไท่ติ่งกลายเป็นที่เยาะเย้ยของคนในวงการทุกคน
แต่กลับมีกระแสร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในเมืองนี้
วิลล่าเขาเทียนซาน
โจวเย่นชิวดูข่าวอาคารชุดที่ภาคตะวันตกของเมืองในมือถือก็พลันยิ้มออกมา แล้วดันแว่นตากรอบทองที่อยู่บนดั้งจมูก
“จินหลินหรือจะเป็นสัตว์ในหนองน้ำ เพียงแค่ได้เจอสถานการณ์ก็จะกลายเป็นมังกรทันที เฉินตงเอ๋ยเฉินตง ไท่ติ่งที่ฉันจะให้หลี่ต้าเป่าเอาไว้ใช้ในตอนแก่ กลัวว่าจะต้องใช้นายที่เป็นมังกรตัวจริง นำสูงขึ้นไปถึงท้องฟ้าเก้าหมื่นไมล์แล้วล่ะมั้ง”
ต่อให้เป็นเขาที่รุ่งโรจน์ในวงการการค้ามาหลายปี ก็ไม่เคยเจอการเปิดให้จองระยะแรกที่เปิดจองดีขนาดนี้
ในสถานการณ์ที่ทั้งเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงแบบนี้ ไม่มีใครสงสัยถึงผลลัพธ์ของการเปิดจองครั้งนี้แน่นอน
นอกจากขายดี!
ก็ยังเป็นขายดี!
โจวเย่นชิวถอนหายใจออกมา สีหน้าก็พลันฉายแววฉงนและจริงจังขึ้นมา “แต่ว่า ท่านหลงจากไปกะทันหันแบบนี้เพราะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
การเดิมพันในครั้งนั้น ฉันทำถูกหรือทำผิดกันแน่นะ?
ด้วยความสามารถของโจวเย่นชิวในเมืองนี้ เขาก็ย่อมรู้ดีว่าเฉินตงเจอเรื่องอะไรมาบ้าง ยิ่งรู้ว่าเรื่องที่ซัพพลายเออร์คว่ำบาตร คือใครเป็นคนควบคุมอยู่เบื้องหลัง
ก่อนที่เฉินตงจะมาช่วยเขา เขาก็ได้ตัดสินใจแล้ว
แต่เขาก็รู้ดีถึงเบื้องหลังของเฉินเทียนหย่าง เขาไปต่อกรด้วยไม่ได้
ถ้าพนันแพ้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว ต้องได้รับความเสียหายอย่างหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
โจวเย่นชิวส่ายหัวเก็บความกังวลลง “ศึกวันที่15 นี้ ฉันเริ่มคาดหวังในตัวนายมากขึ้นซะแล้วสิ”
ส่วนตระกูลหวาง
จากกี่วันนี้มานี้ที่ทั้งเมืองวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอาคารชุดของภาคตะวันตกของเมืองกันอย่างร้อนแรง
หวางเต๋อ จางซิ่วจือและหวางเห้า ล้วนเสียใจจนลำไส้เขียวไปหมดแล้ว
แค่จางซิ่วจือนึกขึ้นมาได้ ก็จะต่อว่าหวางหนันหนันทุกครั้ง
ดูจากกระแสร้อนแรงในตอนนี้ สมมุติว่าตอนนั้นพวกเขาได้ซื้อห้องที่ภาคตะวันตกของเมือง ตอนนี้ก็คงหาเงินได้เยอะแล้ว
ไม่เพียงแต่รวบรวมเงินค่าสินสอดของหวางเห้าจนครบ ยังจะมีเงินเหลือเฟืออีกด้วย
แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นได้แค่ความเพ้อฝันเท่านั้น
ตอนนี้ราคาบ้านของภาคตะวันตกของเมือง บ้านของพวกเขาทำได้แค่แหงนมองแล้ว
หวางหนันหนันถูกบีบบังคับจนต้องไปนอนที่โรงแรมข้างนอก ไม่กล้ากลับบ้าน
เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอกลับบ้านก็จะต้องถูกพ่อแม่กับน้องชายต่อว่าอย่างโกรธแค้นแน่นอน
หลบมาที่โรงแรม กลับเงียบสงบเสียอีก
แต่ความรู้สึกของเธอก็ค่อยๆกลายเป็นความเสียใจอย่างสุดขีดตามการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงของทั้งเมือง
ในใจเธอนั้น
เฉินตงเป็นรองประธานของไท่ติ่ง
ภาคตะวันตกของเมืองคือไท่ติ่งพัฒนาขึ้นมา
หลังจากวันที่15 ไม่พูดว่าอนาคตเฉินตงจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ที่ไท่ติ่ง แค่โบนัสก้อนนั้นก็ต้องไม่น้อยแล้วแน่นอน
ถ้าย้อนกลับไปได้ หวางหนันหนันในตอนนั้นจะไม่หย่ากับเฉินตงอย่างเด็ดขาดแบบนี้แน่นอน
และทั้งหมดนี้ เธอก็แค่คิดตอนที่รู้สึกเสียใจเท่านั้น
ในขณะที่สำนึกแค้นใจ เธอก็เริ่มบ้าคลั่งมากขึ้นทุกที
วันที่15!
ในวันที่15 นี้ เธอจะทำให้เฉินตงชื่อเสียงป่นปี้ เธอจะให้คนทั้งเมืองรู้ว่ารองประธานของไท่ติ่งเป็นขยะแบบไหน
ในเมื่อไม่ได้ ก็ต้องทำลาย
คือเขาเฉินตงไม่เมตตาเธอก่อน งั้นก็อย่าโทษที่เธอไม่ไว้หน้าเขา
โกหกเธอ ต้องชดใช้!
วันที่15 ใกล้เข้ามาแล้วทุกที
ทั้งบริษัทไท่ติ่งกำลังอยู่ในโหมดทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง
เฉินตงนำพนักงานทุกคนทำงานโต้รุ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ไม่มีใครบ่นว่า ทุกคนเหมือนกับว่าฉีดเลือดไก่มา ก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นศึกพลิกตัวของไท่ติ่ง
ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้เก็บเกี่ยวผลพวงของความพยายามที่ต่อสู้มาตลอดหนึ่งเดือนกำลังจะได้มาถึงในไม่ช้า
คืนวันนี้ เฉินตงให้ทุกคนเลิกงานเร็วรีบกลับบ้านไปพักผ่อน
พรุ่งนี้ก็คือวันที่15แล้ว เตรียมการมานานขนาดนี้ คืนก่อนหน้าต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พรุ่งนี้ถึงจะมีสภาพที่ดีที่สุดไปเผชิญกับงานเปิดจองได้
ทำงานโต้รุ่งติดต่อกันหลายวันทำให้เฉินตงเหนื่อยล้าสุดขีด
เขาลากร่างกายที่เหนื่อยล้าไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นจึงค่อยกลับบ้าน
นอนอยู่บนเตียงอยู่ แต่เฉินตงกลับนอนไม่ค่อยหลับ
อาจจะเป็นโรคทั่วไปของการที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าติดต่อกันหลายวัน
พอหยุดลง ก็กลับทำให้นอนไม่หลับ
เฉินตงจึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหากู้ชิงหยิ่ง
เพิ่งดังได้แค่รอบเดียวก็รับสายแล้ว
“ประธานเฉินคะ ในที่สุดท่านก็นึกขึ้นได้แล้วเหรอว่ายังมีแฟนอยู่?”
เฉินตงหัวเราะ “จะลืมเธอได้ยังไงล่ะ สองสามวันนี้ไม่ใช่เพราะว่างานยุ่งมากหรอกเหรอ? พรุ่งนี้ก็จะเปิดจองแล้วไงครับ”
“ตาทึ่ม ฉันล้อเล่นย่ะ ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้นายยุ่งมาก ไม่กล้าโทรหานายเลยด้วย เสียงนายฟังดูเหนื่อยมากเลยนะ รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะต้มซุปเอาไปให้นายนะ” กู้ชิงหยิ่งพูด
เฉินตงชะงักอยู่ชั่วขณะ
ในใจจู่ๆก็รู้สึกว่าการถูกเป็นห่วงแบบนี้ มีความสุขมาก
หลายวันมานี้ เขาเหนื่อยมากจริงๆ
แต่สามปีมานี้ เขายังมีวันที่เหนื่อยกว่าช่วงหลายวันนี้อีก
แต่เขาไม่เคยได้รับความเป็นห่วงที่เรียบง่ายและทำให้เขามีความสุขแบบนี้มาก่อน
เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะเหนื่อยหรือไม่ เพื่อตัวเอง เพื่อคนข้างกาย จะลำบากและเหนื่อยมากแค่ไหนก็ไม่เป็นไร
เพราะว่าเขาตั้งแต่เด็กจนโตก็คือใช้ชีวิตลำบากแบบนี้มาตลอด
แต่พอมีคำพูดนี้ของกู้ชิงหยิ่ง เขาก็พลันรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั้งตัวผ่อนคลายลงเยอะขึ้นมาทันที
จู่ๆ ตาของเฉินตงก็แฉะขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ ตาทึ่ม ทำไมนายไม่พูดเลย? อย่าบอกนะว่านอนแล้วน่ะ?” เสียงของกู้ชิงหยิ่งดังขึ้นมาในสาย
เฉินตงเช็ดหางตาและยิ้มพูดว่า “ยังไม่นอน ฝุ่นเข้าตานิดหนึ่งน่ะ กำลังขยี้ตาอยู่ เธอไม่ต้องมาแล้ว จำสัญญาของเราพรุ่งนี้ด้วยนะ เธอนอนเร็วๆล่ะ”
“ก็ได้จ้ะ ฝันดีนะ”
หลังจากวางสาย เฉินตงก็เช็ดความเปียกชื้นตรงหางตาจนแห้งแล้ว จึงปิดตาลงและหลับไปอย่างสนิท
ทั้งคืนไม่มีคำพูดใดๆ
เมื่อแสงแรกส่องลงบนพื้นดิน
เฉินตงก็ตื่นขึ้นจากความฝัน พักผ่อนหนึ่งคืนทำให้เขากำลังวังชาเต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง
มองดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆตรงหน้าต่าง
เฉินตงก็เผยรอยยิ้มมั่นใจออกมา “วันที่15 มาถึงแล้วสินะ”