บทที่ 82 คนตระกูลหวางที่ไม่ยอมแพ้
ช่วงเวลาหนึ่งวันผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ
ถึงจะเป็นเฉินตงก็ต้องรู้สึกเพลีย
เมื่อนั่งอยู่บนรถของกูหลังไม่นานเขาก็หลับไป
เมื่อรถมาถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน กูหลังก็ปลุกเฉินตงขึ้นมา
กลับมาถึงบ้าน
แม่ยังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นเฉินตงกลับมา
หลี่หลานเดินเข้ามาบ่นและหยิบเสื้อสูทในมือของเฉินตง “แต่ละวันทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ ไม่รักตัวเองหรือไง”
“นี่ไม่ใช่เพราะงานยุ่งหรือไง?” เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้มพลางลูบท้อง “แม่มีข้าวเย็นที่ฟ่านลู่ทำให้แม่กินอีกไหม ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย”
“ไม่มีแล้ว แม่จะทำบะหมี่มะเขือเทศไข่ให้ลูกกิน”
หลี่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินตงไม่ได้ห้าม ตั้งแต่เด็กเขาชอบกินบะหมี่มะเขือเทศไข่ที่แม่ของเขาทำมากที่สุด
ตั้งแต่แม่ป่วยหนัก นี้ก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้กิน
งานพวกนี้จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่
เฉินตงพับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับแม่ของเขา
“ลูกเข้ามาทำไม? ออกไปพักดื่มน้ำ ที่นี่ให้แม่จัดการเอง” หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงทำงานเหนื่อย
เฉินตงยิ้มและพูดว่า “แม่ไม่เป็นไรผมจะทำอาหารกับแม่ ผมไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว”
หลี่หลานยิ้มและชี้ไปที่กระเทียมข้าง ๆ เขา “งั้นช่วยหยิบกระเทียมมาหน่อย”
“ได้ครับ” เฉินตงตอบด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงก็ตาม ลูกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวลู่เด็กคนนั้นไหม? เด็กนั้นเมื่อวานกลับมาทำอาหารให้แม่กินรอจนแม่กินเสร็จ เธอก็รีบหยิบกระติกน้ำร้อนและออกไป แล้วยังมีคุนหลุนอีกคน? เด็กทั้งสองต่างก็ไม่อยู่ แม่อยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวแม้แต่คนจะคุยด้วยยังไม่มี”
หลี่หลานถามเฉินตงในขณะที่กำลังยุ่งอยู่
เฉินตงไม่อยากให้แม่ของเขากังวล จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “คงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาที่ต้องไปจัดการมั่ง”
หลี่หลานพยักหน้าเลิกคิ้วทันทีและมองไปที่เฉินตงอย่างมีเลศนัย “เสี่ยวตง ลูกคิดว่าคุนหลุนและเสี่ยวลู่จะตกหลุมรักกันหรือเปล่า?”
เฉินตงหายใจไม่ออก
ความคิดของแม่เขาโหดเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า?
หรือ…นี่เป็นปัญหาทั่วไปของคนวัยกลางคน?
เมื่อเห็นดวงตาของหลี่หลานที่เปล่งประกายเฉินตงก็ยิ้มอย่างเชื่องช้า “แม่หยุดพูดถึงพวกเขากันเถอะ ถ้าพวกเขากำลังจะคบกันก็เป็นเรื่องของพวกเขา”
หลี่หลานพูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าพวกเขาสนใจกันจริง ๆ แม่ก็จะเป็นแม่สื่อช่วยพูดให้ ถ้าพวกเขาคบกันได้ก็จะดีมาก”
“แม่…………ผมหิว” เฉินตงพูดด้วยความเสียใจพร้อมกับรอยบนหน้าผากของเขา
หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ต่อ เธอจึงกลอกตาและยุ่งต่อไป
และทำเพียงแค่พึมพำในปากของเธอ “ลูกไม่สนใจแต่แม่สน รอเสี่ยวลู่กลับมาแม่จะถามเสี่ยวลู่ คุนหลุนเด็กคนนั้นดูไม่ฉลาดมากนักแต่เขาก็เป็นคนดีใช้ได้“
เฉินตงเม้มปากพูดอย่างไม่เข้าใจ เขาวางกระเทียมที่สับแล้วเดินออกจากครัว
เขากลัวว่าถ้าคุยต่อแม่ของเขาจะพูดเรื่องเกี่ยวกับคุนหลุนและฟ่านลู่อีก
ไม่นานนักบะหมี่มะเขือเทศไข่ก็พร้อม
เฉินตงได้กลิ่นนี้นิ้วชี้ก็ขยับกินบะหมี่ชามใหญ่จนหมด
หลี่หลานเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ยิ้มและเตือนเฉินตงให้กินช้า ๆ
เธอไม่คิดที่จะบอกเรื่องเมื่อเช้าเกี่ยวกับจาวซิ่วจือและหวางเต๋อให้เฉินตงฟัง
เธอเป็นแม่ที่รักลูกชาย เธอไม่อยากให้เฉินตงกังวลและเหนื่อยมากขึ้น
…………………………
ตระกูลหวาง
ในเวลานี้มีเสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้น
หวางเต๋อนั่งลงบนโซฟาและมองไปที่จาวซิ่วจือที่ซ่อนใบหน้าร้องไห้ของเธอ
ตั้งแต่เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขตวิลล่าเขาเทียนซานไล่กลับลงมา จาวซิ่วจือก็ร้องไห้ตั้งแต่เช้าจนเย็น
หวางเต๋อไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ร้องไห้พอหรือยัง? ฉันเตือนเธอแล้วเป็นเธอเองที่ไม่ฟัง อยากจะสร้างปัญหา”
เพี้ยะ!
จาวซิ่วจือใช้ฝ่ามือตบหวางเต๋อ
“คุณมันก็ไร้ค่า วันนี้ฉันต้องขายหน้าขนาดนี้ โดนทำร้ายขนาดนี้ คุณไม่คิดจะออกหน้ารับแทนฉัน?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของจาวซิ่วจือ หวางเต๋อทำได้เพียงถอนหายใจและไม่กล้าโต้แย้ง
ยิ่งหวางเต๋อถอยห่างมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้จาวซิ่วจือเกลียดมากเท่านั้น
เพียงแค่นั้น
เมื่อหวางเห้ากลับมาเห็นจาวซิ่วจือร้องไห้ สีหน้าของหวางเห้าก็เปลี่ยนไปทันที
“แม่เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นหวางเห้า จาวซิ่วจือยิ่งร้องไห้หนักขึ้นทันที
“โถ่วลูก เสี่ยวเห้าลูกกลับมาแล้ว พ่อกับแม่ถูกทำร้าย……………..”
เปรี้ยง!
หวางเห้าเหมือนถูกฟ้าผ่า
ทันใดนั้นเขาโกรธขึ้นมา “ใคร ใครมันทำกัน? ผมจะไปจักการพวกมัน!”
ท่าทางของหวางเห้า ทำให้จาวซิ่วจือเหมือนจะเจอคนที่เข้าข้างเธอ
เธอร้องไห้ไปและพูดไปด้วย “วันนี้พ่อกับแม่ไปที่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน…………….”
“เฉินตง? ไอ้บ้านั้น แม่ ผมจะไปหามันเดี๋ยวนี้!”
สีหน้าของหวางเห้าดูโหดเหี้ยม หันหลังกลับต้องการที่จะออกไป
“กลับมา!”
หวางเต๋อเรียกหวางเห้าและพูดว่า “ไม่ใช่เฉินตง เป็นแม่ของลูกและพ่อที่แม้แต่เขตวิลล่ายังเข้าไปไม่ถึงด้วยซ้ำก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ออกมาแล้ว”
หวางเห้านิ่งไป
เขากัดฟันพูด “พ่อแม่จะไปไหนทำไมไม่เรียกผมไปด้วย? ถ้าผมอยู่ด้วยพวกมันไม่กล้าไล่พ่อแม่ออกไปแน่นอน”
เรื่องนี้เฉินตงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะไปโทษใครได้ ความโกรธที่ลุกขึ้นมาก็ไม่มีที่ลง
เขานั่งซึมบนโซฟา
จาวซิ่วจือยังคงร้องไห้และพูดว่า “แม่จะรู้ได้ไงว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นจะกล้าทำร้ายกันแบบนี้”
ขณะที่พูดจาวซิ่วจือก็ทุบอกและกระแทกเท้าของเธอ “ทำไมชีวิตฉันถึงรันทดเช่นนี้ ลูกสาวของฉันก็ไร้ประโยชน์ สามีก็เช่นกัน ตอนนี้ลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงาน ฉันแม้แต่เงินหมั้นของลูกชายก็ยังไม่มี…………….”
หวางเต๋อหน้าแดง เขาก้มศีรษะไม่พูดอะไร
เมื่อหวางเห้าได้ยินถึงเรื่องเงินหมั้น เขาก็ชะงักไป
เขามองไปที่จาวซิ่วจือด้วยความเศร้าใจ “แม่ ผม…ผมจะได้แต่งงานกับเสว่เอ๋อได้เมื่อไหร่กัน?”
“โอ้…พระเจ้า!” จาวซิ่วจือถูกถามแบบนี้ราวกับว่ามีมีดแทงอยู่ในหัวใจของเธอและเธอก็ร้องไห้อีกครั้ง
หวางเห้ามองด้วยความงง
เขาต้องการแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น!
แต่ตอนนี้ครอบครัวเขาไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้น
หลินเสว่เอ๋อยังคงส่งมาเตือนเขาอีก………..
เขากัดฟันแน่น สีหน้าของหวางเห้าแข็งกร้าวขึ้น “แม่ หรือว่า…ผมจะไปหาเฉินตงพรุ่งนี้ ผมรู้ว่าบริษัทของเขาอยู่ที่ไหน ถ้าเราเอาพี่เขยกลับมาได้ อนาคตครอบครัวของเราจะดีขึ้น”
“ใช่แล้วๆ ไปที่บริษัทของเขา!” จาวซิ่วจือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ
“มันไม่น่าขายหน้าไปเหรอ?” หวางเต๋ออดไม่ได้ที่จะพูด
“ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!”
จาวซิ่วจือเตะเข้าที่น่องของหวางเต๋อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มและพูดกับหวางเห้า “เสี่ยวเห้า ลูกจำไว้ พรุ่งนี้ตอนไปถึงบริษัทของพี่เขย ลูกต้องใส่ใจเรื่องน้ำเสียงของลูก พูดกับพี่เขยเขาดี ๆ อย่าลืมที่จะขอโทษ อย่าทำให้พี่เขยลูกโกรธเป็นอันขาด”
“แม่ไม่ต้องกังวล” หวางเห้าพยักหน้า นี่มันสำคัญและเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะทำพลาด
“เด็กดี เสี่ยวเห้า ลูกเป็นเด็กดีของแม่จริง ๆ”
จาวซิ่วจือยิ้มอย่างมีความสุข “พี่สาวของลูกไม่คิดจะต่อสู้ พี่เขยที่สูงส่งแบบนี้ยังจะทำเขาหลุดมือไปได้ ตอนนี้ในบ้านก็มีแต่ลูกที่รู้เรื่อง พรุ่งนี้ลูกต้องพยายามเอาพี่เขยของลูกกลับมา”