บทที่ 117 เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน “จักรพรรดิตัวจริง”มาถึงแล้ว
เมื่อเห็นคุนหลุนและกูหลังสำลักจนไอออกมา เฉินตงก็มาสามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
พันล้านก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองตื่นตกใจได้ขนาดนี้ แต่สำหรับเขาแล้วเทียบไม่ได้กับข้อความที่เขาได้รับหลังจากเรื่องของเงินพันล้านนี้เลย
ครั้งนี้……ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเขาแล้ว !
สิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดนั้น ในที่สุดพ่อและท่านหลงก็ไม่ทำให้เขาต้องเสียแรงเปล่า
ส่วนเรื่องอื่น เขาไม่รู้สึกกังวลเลย
ขอแค่ตนเองยังคงยืนอยู่ในกระดานหมากรุก ไม่ได้ถูกออกจากการประลอง เช่นนั้นเขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าแข่งขันต่อไปได้ !
เฉินตงบิดขี้เกียจแล้วยิ้ม จากนั้นจึงพูดว่า : “กูหลัง ออกไปซื้ออาหารเช้ามาหน่อย ฉันรู้สึกหิวแล้ว”
“ได้ครับคุณเฉิน”
หลังจากที่กูหลังเดินออกไปแล้ว คุนหลุนเองถึงจะนึกออก เขายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ : “คุณชาย การเจ็บตัวครั้งนี้ถือว่าไม่ได้เจ็บฟรี นายท่านกับท่านหลงทำสำเร็จแล้ว”
“อืม แต่หลังจากนี้ก็คงจะยังมีเรื่องวุ่นวายอีกไม่น้อย”
เฉินตงถูจมูกไปมา แววตาลึกซึ้ง : “เรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ เช่นนี้อย่างแน่นอน เฉินเทียนเซิงเองก็ไม่ได้มีนิสัยที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ”
คุนหลุนพยักหน้า เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นจึงโทรหาท่านหลงอีกครั้ง
แต่หลังจากที่กดเปิดลำโพง ระบบก็ยังคงแจ้งว่าเครื่องปิดอยู่
“ไม่ต้องรีบร้อน ถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆ ท่านหลงจะต้องติดต่อพวกเรากลับมาอย่างรวดเร็วแน่นอน” เฉินตงพูดอย่างสบายใจ
เฉินตงยังคงอยู่รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลหลังจากนั้นอีกหลายวัน
มีเพียงกูหลังที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ส่วนคุนหลุนต้องไปที่โรงพยาบาลลี่จิงเพื่อคอยปิดบังเรื่องของเขาไม่ให้แม่รู้
ครั้งนี้แม่ป่วยจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หากมารับรู้เรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บอีกล่ะก็ คงจะเป็นการทำลายสุขภาพของแม่เพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนเรื่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เขาได้ออกคำสั่งจากระยะไกลเพื่อให้เสี่ยวหม่าไปดำเนินการ
บวกกับที่มีโจวจุนหลงจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
อีกทั้งเขาเองยังมีความสามารถในการควบคุมหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถึงแม้จะได้มาอย่างไม่ถูกต้องนัก เพราะได้มาจากการที่โจวจุนหลงถูกท่านหลงบังคับให้นำออกมา แต่โจวจุนหลงเองก็คงไม่กล้าประมาทเกี่ยวกับเรื่องนี้
มิเช่นนั้นสิ่งที่โจวจุนหลงจะต้องสูญเสียอาจจะไม่เพียงแค่ส่วนเล็กน้อยนี้
ถึงแม้จะยังไม่สามารถติดต่อท่านหลงได้ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่สงบแล้ว
เขตวิลล่าเขาเทียนซาน
เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้ว แต่โจวเย่นชิวกลับยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด
จริงๆ แล้ว หลายวันมานี้เขาแทบจะไม่ยอมกินอะไรเลย มีความคิดที่สับสนวุ่นวายอยู่เต็มสมอง
จู่ๆ เฉินเทียนเซิงก็จากไป ทำให้แผนการที่เขาตั้งใจจะย้ายข้างไปอยู่กับเฉินเทียนเซิงก่อนหน้านี้ล้มเหลวลงทันที
อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็ได้ยินจากฝ่ายส่วนกลาง เขตวิลล่าเขาเทียนซานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เฉินตงพาคนเข้ามาบุกบ้านของเฉินเทียนเซิง หลังจากที่เฉินตงกลับไปแล้ว เฉินเทียนเซิงก็จากไปด้วยร่างกายที่บาดเจ็บไปทั่วตัว
ข้อความเพียงแค่สั้นๆ ทำให้เขาไม่สามารถจับใจความได้เลยว่าวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
แต่ตามที่เขาเข้าใจตระกูลเฉินแล้วนั้น นี่คงไม่ใช่การต่อสู้ที่จะจบลงง่ายๆ ภายในครั้งเดียวแน่ ดังนั้นการที่เฉินเทียนเซิงจากไปก็คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ทางฝั่งหนึ่งคือเฉินเทียนเซิงที่จากไปอย่างกะทันหัน
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคือเฉินตงที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล
สุดท้ายแล้วควรจะอยู่ข้างใครกันแน่ ทำให้โจวเย่นชิวคิดไม่ตกจริงๆ
เครดิตในการช่วยจักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้น
ถึงแม้โจวเย่นชิวจะเป็นผู้นำของห้างสรรพสินค้าในเมืองนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถ้าหากยังคงเป็นมังกรอยู่ ยังไงเสียก็ยังคงถูกเรียกว่าเป็นผู้มีความสามารถ
แต่หากเมื่อไหร่ที่กลายเป็นแมลงขึ้นมา เมื่อนั้นก็จะไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้ไปตลอดกาล
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น !
“ไสหัวไป ! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการจะพบใครทั้งนั้น !”
โจวเย่นชิวตะโกนออกมาด้วยความโมโห
ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขา ปกติแล้วจะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมเช่นนี้ขึ้นได้เลย
แต่ตอนนี้ เรื่องของตระกูลเฉินทำให้เขาคิดไม่ตก
“คุณท่าน มีโทรศัพท์โทรมาหาคุณครับ ปลายสายเป็นคุณชายแซ่เฉินท่านหนึ่ง”
มีเสียงของชายชราดังมาจากด้านนอก
“โทรศัพท์ ?”
โจวเย่นชิวอึ้งไป จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขารีบเดินไปเปิดประตู แล้วเดินไปยังห้องทำงานของตนเอง
เมื่อได้ยินว่าปลายสายเป็นเสียงของเฉินเทียนเซิง เขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที
“คุณเฉิน ทำไมจู่ๆ คุณถึงหายไปล่ะ ?” โจวเย่นชิวถามถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนทรมานอยู่หลายวันออกมา
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?”
เฉินเทียนเซิงที่อยู่ในสาย ยังคงมีท่าทีหยิ่งผยอง เหมือนกับกำลังออกคำสั่งลูกน้อง : “คืนนี้จะมีเครื่องบินของตระกูลเฉินลงจอดที่เมืองของคุณ ช่วยจัดการต้อนรับให้ผมด้วย”
“ได้เลยครับ ได้เลยครับ แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะต้อนรับอย่างดีที่สุด”
โจวเย่นชิวรับปากอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอ่ยถามอีกว่า : “ผมขอละลาบละล้วงสักหน่อย ไม่ทราบว่าเป็นคนของตระกูลเฉินท่านไหนหรือครับ ?”
“ในเมื่อรู้ว่าละลาบละล้วง แล้วยังจะถามอีกหรือ ?”
น้ำเสียงของเฉินเทียนเซิงเย็นชา แสดงออกถึงความดูถูกเล็กน้อย : “จำเอาไว้ เป็นสุนัขรับใช้ก็ต้องมีสัญชาตญาณของสุนัข สุนัขไม่มีวันที่จะอ้าปากถามเจ้านายหรอกนะ !”
ตู๊ดๆๆ !
โทรศัพท์ตัดสายไป
ใบหน้าของโจวเย่นชิวแดงก่ำ นิ่งอึ้งไป
มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นภายใต้แว่นตาสีทองนั้น
ทันใดนั้นความโกรธในแววตาของเขาก็จางหายไป กลับปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาแทน เขาค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง
หัวเราะเยาะตัวเอง แล้วบ่นพึมพำออกมาว่า : “ใช้สิ กลายเป็นสุนัขรับใช้ไปแล้วนี่”
เวลาเที่ยงคืน
สนามบินที่อยู่นอกเมืองยังคงคึกคัก
บริเวณห้องโถงผู้โดยสาร มีไฟเปิดสว่างไสว เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ในสนามบินดังขึ้นเป็นระยะ
บนรันเวย์ก็มีเครื่องบินขึ้นและลงจอดอยู่ตลอดเวลา
ในฐานะที่เป็นสนามบินขนาดใหญ่ ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืน กิจกรรมทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไปย่างไม่หยุดพัก
มีเพียงรันเวย์ช่องหนึ่งเท่านั้น ทีว่างเปล่าจนหน้าแปลกใจ
รันเวย์ที่อยู่รอบๆ มีเครื่องบินขึ้นและลงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีลำไหนเลยที่ใช้รันเวย์ช่องนี้
ดูเหมือนจะเป็นช่องทางพิเศษของสนามบินนอกเมืองทั้งสนามบิน
มีแสงสว่างส่องมาจากที่ไกลๆ
มีรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อมสีดำขับนำหน้ามา
หลังจากรถโรลส์-รอยซ์แฟนท่อม ยังมีรถเบนซ์ GLS500 สีดำตามมาอีกเก้าคัน
ช่างเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่
ถ้าหากเป็นตอนกลางวัน ถูกผู้โดยสารคนอื่นๆ เห็นเข้าแล้วก็จะต้องมองตาค้างอย่างแน่นอน
แต่ประจวบเหมาะที่ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้จึงถูกความมืดยามค่ำคืนช่วยบดบังเอาไว้
รถโรลส์-รอยซ์เคลื่อนมาจอดอยู่ด้านนอกรันเวย์ ประตูรถเปิดออก
โจวเย่นชิวลงมาจากรถ
สายลมยามค่ำคืนพัดเย็น เขาจึงกระชับเสื้อบนตัวเข้ามา
“คุณท่าน ดึกมากแล้ว ใส่เสื้อคลุมอีกสักตัวเถอะครับ”
ชายชราเดินตามลงมาจากรถ เตรียมที่จะสวมเสื้อคลุมในมือลงบนไหล่ของโจวเย่นชิว
“ไม่ต้องแล้ว”
โจวเย่นชิวยกมือขึ้นปฏิเสธ แววตาจริงจัง
เหมือนกับที่เฉินเทียนเซิงพูดเอาไว้ คืนนี้……เขามาในฐานะสุนัขรับใช้ !
เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็มีสิทธิ์เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งเท่านั้น
การที่เฉินเทียนเซิงโทรศัพท์มาสั่งการด้วยตนเองนั้น แสดงให้เห็นว่าคนที่มาจากตระกูลเฉินในคืนนี้จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างมากแน่นอน ถ้าหากสวมเสื้อคลุมไป “ต้อนรับ” ก็จะแสดงออกว่าไม่ให้ความเคารพ
“น่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ ?”
โจวเย่นชิวหันมองรอบๆ แล้วพึมพำออกมาเบาๆ
“คุณท่านรู้ได้อย่างไรครับ ?” พ่อบ้านเอ่ยถาม
โจวเย่นชิวยิ้มเล็กน้อย : “นายดูเครื่องบินที่อยู่ในสนามบินเหล่านี้สิ”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สนามบินที่เดิมทีมีแต่ความโกลาหลพลุกพล่าน จู่ๆ ก็สงบเงียบลงอย่างน่าประหลาดใจ
ไม่มีเครื่องบินบินลง และไม่มีเครื่องบินบินขึ้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เงียบเสียจนน่ากลัว !
ครืน…….
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่ไกลๆ
ราวกับเสียงฟ้าผ่าที่ดังก้องจนหูอื้อ
ไม่เหมือนกับเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินปกติ เสียงที่ดังก้องเคลื่อนมาถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปบนศีรษะของเขาแล้ว
โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่เหนือท้องฟ้า
ทันใดนั้นเอง มีความประหม่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หัวใจเต้นแรงและเร็ว
“นี่ นี่มัน……เครื่องบินรบ ?”
โจวเย่นชิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ภายในใจ : “เครื่องบินขับไล่คุ้มกัน……”
ในขณะที่กำลังตื่นตกใจอยู่นั้น ม่านตาของเขาก็หดเข้ามาถึงขีดสุด
ทั้งหมด……เป็นเครื่องบินรบจำนวนสิบลำ !
อีกทั้งยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เครื่องบินรบทั้งสิบลำกำลังบินวนอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นจึงมีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งที่บินอยู่ตรงกลาง ค่อยๆ บินลดระดับลงมา !