บทที่ 140 แย่ง ?
“จางซิ่วจือ เธอปล่อยลูกเดี๋ยวนี้นะ !”
หวางเธอพูดด้วยความโกรธ เขาโยนก้นบุหรี่ลง แล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ
เผียะ !
เขาตบหน้าจางซิ่วจืออย่างแรง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า : “ในครอบครัวมีสภาพแบบไหนแล้ว ? ต้องโทษตัวเธอทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ครอบครัวจะมีสภาพเช่นนี้หรือ ? หนันหนันเป็นแบบนี้แล้ว เธอซึ่งเป็นแม่ยังคิดที่จะลงมือได้อีกหรือ ?”
ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้จางซิ่งจือและหวางเห้าที่ยืนอยู่ด้านนอก ต่างตื่นตกใจ
แต่ไหนแต่ไรมา หวางเต๋อเป็นคนที่ดูซื่อสัตย์ อดทนอดกลั้นและดูอ่อนแอมาโดยตลอด
“คุณตะโกนอะไรใส่ฉันกันนักกันหนา ?” หลังจากที่จางซิ่วจืออึ้งไปสักพัก ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“คุณยังจะร้องอีกหรือ ? คุณเชื่อไหมว่าวันนี้ผมสามารถตีให้คุณตายคามือได้ ?” หวางเต๋อง้างมือขึ้นจะตบ ทำให้จางซิ่งจือตกใจจนหัวหด
หวางเห้าเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้าไปห้ามปราม : “พ่อ ทำไมถึงตบแม่อย่างนี้ล่ะครับ ?”
“แม่แกจะตีพี่สาวแกให้ตายอยู่แล้ว จะไม่ให้ฉันเข้าไปช่วยได้ยังไง ?”
หวางเต๋อตาแดงก่ำ หันกลับไปมองด้วยความโกรธ
หวางเห้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รีบเข้าไปลากจางซิ่วจือกลับเข้าห้องไป
หวางเต๋อหันมองหวางหนันหนันที่นั่งอยู่บนพื้น ดวงตาแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่
หวางหนันหนันนั่งคุดคู้อยู่บนพื้น บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือสีแดง แต่แววตาของเธอกลับยังคงว่างเปล่า เอาแต่ถูร่างกายไม่หยุด
ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า : “สกปรก……สกปรก……”
ภาพที่เห็น ทำให้หวางเต๋อรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดเข้าที่หัวใจ
พรึ่บ !
เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมา : “นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรกัน ? หนันหนัน……พ่อเองที่ทำผิดต่อลูก”
จู่ๆ ร่างกายของหนันหนันก็หยุดสั่น
ทันใดนั้น
“พ่อ……”
หวางหนันหนันโผเข้าไปในอ้อมกอดของหวางเต๋อ แล้วร้องไห้โฮออกมา
สองพ่อลูกกอดคอกันร้องไห้ หวางเต๋อเอาแต่กล่าวขอโทษและตบหลังเพื่อปลอบใจหนันหนันไม่หยุด
……
เมื่อแสงแรกของแดดยามเช้าส่งกระทบลงมายังพื้นโลก
เฉินตงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ด้วยความรู้สึกสดชื่น หนึ่งวันที่ผ่านพ้นไป ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
เขาเสร็จสิ้นการฝึกร่างกายกับคุนหลุนตั้งแต่เช้า
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังบริษัททันที
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยรัศมี และรอยยิ้มที่ดูสดใส
ตอนนี้ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะถึงเวลาเข้างาน
แต่ทุกคนกลับมาถึงที่ทำงานแต่เช้า
ถึงขั้นว่า เสี่ยวหม่าและพนักงานระดับกลาง ต่างก็รีบมาถึงบริษัททันทีที่ฟ้าสาง
“พวกคุณดูข่าวเมื่อคืนแล้วหรือยัง ? สวรรค์ ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองฝันไปแล้วจริงๆ !”
“เกินคาดจริงๆ ยี่เคอ กรุ๊ปจะกลับมาปักหลักอีกครั้ง ในหมู่บ้านของผมมีคนที่เคยเข้ามาซื้อบ้านที่ภาคตะวันตกกับเราเอาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้ตลอดทั้งคืน”
“บริษัทชิงหยิ่นกับยี่เคอ กรุ๊ป สอบริษัทยักษ์ใหญ่จะเข้ามาปักหลัก ราคาอสังหาริมทรัพย์มนภาคตะวันตก จะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะต้องสูงกว่าเมื่อก่อนด้วย”
……
พนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก
มีเพียงเสี่ยวหม่าเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
เขาเป็นคนที่มาถึงบริษัทเร็วที่สุด เมื่อคืนหลังจากที่การรายงานข่าวภาคค่ำจบลง เขาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน
แต่ตอนนี้ เขากลับไปรู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย
ในสมองของเขา เหมือนกำลังฉายภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมา
จนในที่สุด ภาพก็ไปหยุดอยู่ที่เฉินตง
“พี่ตงไม่แสดงอาการตื่นเต้นตกใจเลยตั้งแต่ต้นจนจบ หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนานแล้ว ?”
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น รูม่านตาของเสี่ยวหม่าก็หดลงทันที หัวใจของเขาเต้นแรง
หรือว่า……นี่จะเป็นแผนของพี่ตง ?
ยิ่งคิด ความกลัวในจิตใจของเสี่ยวหม่าก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เขาเป็นคนที่เฉินตงปั้นขึ้นมากับมือ หลังจากเขามาทำงานในบริษัทก็คอยติดตามเฉินตงมาโดยตลอด เขาจึงเข้าใจเฉินตงมากที่สุด
ถ้าเฉินตงไม่ได้มีแผนการแต่เนิ่นๆ ทำไมภายในเวลาทั้งสองวันนั้น เฉินตกถึงมีท่าทีที่สงบและไม่สะทกสะท้านเช่นนั้นได้ ?
หลังจากที่คิดออกแล้ว เสี่ยวหม่าก็หันมองบรรดาเพื่อนร่วมงานที่พูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ยังไงเสียในบริษัทนี้ ก็มีแค่ฉันคนเดียวที่เข้าใจพี่ตงที่สุด !
พวกนายยังมัวแต่สงสัยสาเหตุที่ยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่นต่างก็เสนอตัวเข้ามา แต่กลับไม่รู้เลยว่าพี่ตงได้วางแผนเรื่องพวกนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว !
คิดวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ สมแล้วที่เป็นพี่ตง !
ในเวลานี้ ภาพของเฉินตงที่อยู่ในใจของเสี่ยวหม่านั้น ส่งแสงเป็นประกายและแข็งแกร่ง
เขาไม่พยายามคิดว่าทำไมเฉินตงถึงได้ร่วมมือกับยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทชิงหยิ่น นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขา ซึ่งเป้นเพียงพนักงานควรคิด สิ่งที่เขาคิดก็คือ จะต้องคอยติดจามเฉินตงอย่างไม่ลดละ !
เมื่อเฉินตงมาถึงบริษัท ก็หันมองบรรดาพนักงานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส เขาก็ยิ้มออกมาทันที
แปะ แปะ แปะ……
เสียงปรบมือดึดดูดความสนใจของทุกคน
“ประธานเฉิน !”
พนักงานตะโกนเรียกโยพร้อมเพรียงกัน
เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม : “เรื่องเมื่อคืนคงรู้กันแล้วสินะ ? วันนี้ควรจะทำอย่างไร ก็ให้ทำซะ !”
บรรดาพนักงานหัวเราะร่าออกมา จากนั้นจึงทุ่มเททำงานด้วยความกระตือรือร้น
ในขณะเดียวกัน
หลังจากผ่านพ้นไปหนึ่งคืน คนทั้งเมืองก็แทบจะบ้าคลั่ง
บ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งแรกที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่าจะเข้ามาปักหลักเสียอีก
ในสายตาของทุกคน ภาคตะวันตกของเมืองกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองไปเสียแล้ว
ถ้าไม่ซื้อบ้าน ไม่เท่ากับว่าเป็นคนโง่หรอกหรือ ?
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง บริเวณด้านหน้าของที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่ง ก็มีการต่อแถวกันยาวเหยียด
เหมือนกับเมื่อวานและเมื่อวานซืน ทุกคนต่างมีท่าทีแข็งกร้าว ดวงตาแดงก่ำ
แต่สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ก่อนหน้านี้มาเพื่อขายบ้านคืน แต่ตอนนี้มาเพื่อแย่งซื้อบ้าน !
ภายในเวลาคืนเดียว ใจของคนได้เปลี่ยนไปแล้ว !
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ
ขณะที่ประตูของศูนย์กลางที่ทำการขายถูกเปิดออก
ภายในศูนย์กลางที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ต่างขึ้นป้ายเหมือนกันโดยไม่มีข้อยกเว้น
“ทุกวันจำกัดสิทธิ์ผู้ซื้อเพียง 50 สิทธิ์ !”
เปรี้ยง !
ผู้ซื้อที่เตรียมความพร้อมจะมาแย่งซื้อบ้นทั้งหมด ต่างรู้สึกเหมือนตนเองถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
บริเวณด้านหน้าของหลงถิงฮัวหยวน ชายหัวโล้นมองดูแผ่นป้ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “มีสิทธิ์อะไรมาจำกัดผู้ซื้อ ? ทำไมจะต้องจำกัดปริมาณการซื้อด้วย ? ก่อนหน้านี้ผมก็เคยมาที่นี่เพื่อซื้อบ้านกับพวกคุณนะ !”
“คุณผู้ชายครับ แต่ก่อนหน้านี้คุณได้ขายคืนบ้านไปแล้ว เมื่อขายคืนแล้ว ตอนนี้ก็จำเป็นจะต้องซื้อใหม่ ถ้าต้องการซื้อใหม่ ก็จะเป็นต้องยึดตามกฎการจำกัดสิทธิ์เพื่อมาซื้อ”
ผู้จัดการฝ่ายขายพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และยืนตัวตรงพร้อมผายมือออกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงพูดอย่างจนใจว่า : “เป็นเพราะสองวันมานี้บริษัทของเราดำเนินขั้นตอนการรับซื้อคืนบ้านในจำนวนที่มากเกินไป จึงยังไม่อาจจัดการให้แล้วเสร็จได้ ดังนั้นการจำกัดจำนวนการซื้อ ก็เพื่อที่จะจัดการกับเอกสารและขั้นตอนต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อยกระดับบริการที่ดีแก่ทุกท่าน”
ชายหัวโล้น : “…..”
เผียะ !
เขาตบตัวเองแรงๆ หนึ่งครั้ง
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
เสี่ยวหม่าเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยความประหลาดใจ : “พี่ตง จะต้องจำกัดปริมาณการซื้อจริงหรือครับ ? หากทำเช่นนี้กลัวว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างนะครับ !”
“ก็ปล่อยให้วิจารณ์กันไปเถอะ”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย : “จำเอาไว้ประโยคหนึ่งนะว่า อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่าย อะไรที่ควรได้ก็ต้องได้ ตอนที่ขายบ้านคืน ฉันยินดีที่จะแบกรับภาระเอาไว้คนเดียวทั้งหมด อยากจะคืนก็คืน แต่เวลาที่ขาย อะไรที่ฉันควรได้ ฉันก็ต้องได้ เมื่อวานนายเป็นคนทิ้งเงินก้อนโตไปเอง มาวันนี้จะมาร้องห่มร้องไห้ เช่นนี้เขาเรียกว่าทำอะไรก็ได้อย่างนั้น !”
เสี่ยวหม่าอึ้งไป จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ
หลังจากรอให้เสี่ยวหม่าออกไปจากห้องทำงานแล้ว
เฉินตงก็ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ
ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก ภายใต้การผลักดันของยี่เคอ กรุ๊ปและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง กำลังพุ่งทะยานขึ้นไปไม่หยุด สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา !
สิ่งที่ทำให้เขามีความมั่นใจ และไม่ถูกคนอื่นกดดันเอาได้ง่ายๆ !
แต่ทว่า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน
เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
เฉินตงขมวดคิ้ว จากนั้นจึงกดวางสาย
แต่หมายเลขนั้นก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้งในทันที
เขากดรับสายโทรศัพท์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณยังชอบกดวางโทรศัพท์ของฉันเหมือนเดิมเลยนะ”
ในสายโทรศัพท์ มีเสียงหัวเราะที่หดหู่ดังขึ้น
เฉินตงขมวดคิ้วแน่น เขานิ่งเงียบไม่พูดจา
จากนั้นก็มีเสียงากปลายสายดังขึ้นว่า : “เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายได้ไหม ? ตอนเที่ยงที่ร้านอาหาร Blue Enchantress ฉันจะไปจากมืองนี้แล้ว”
หางตาของเฉินตงกระตุก
ร้านอาหาร Blue Enchantress……นั้นเป็นร้านอาหารที่เขาและหวางหนันหนันออกเดทกันเป็นครั้งแรก