บทที่ 155 ขู่กรรโชก
ภายในลาน
สายลมโชยอ่อน มีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยอบอวลอยู่
แต่กู้ชิงหยิ่งกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเธอไม่ได้ส่องแสงเป็นประกายเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป
สีหน้าของเธอเศร้าหมอง แววตาเหม่อลอย
ของที่อยู่ในซองจดหมาย เหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาในวันที่อากาศแจ่มใส เพียงแค่เปรี้ยงเดียว ก็ทำให้ภาพความงดงามและความปรารถนาที่เธอวาดฝันเอาไว้ทั้งหมด พังทลายลงในชั่วพริบตา
นี่คือรูปถ่ายหนึ่งรูป
บนรูปถ่าย เป็นภาพของเฉินตงและหวางหนันหนันที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันในร้านอาหาร Blue Enchantress
พวกเขาทั้งสองคน กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งอย่างนั้นหรือ ?
ถ้าเช่นนั้นทำไมเขาถึงต้องขอฉันแต่งงาน ?
ขณะนั้น ในใจของกู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวาย สมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก
เธอสอดรูปถ่ายกลับเข้าไปในซองจดหมาย จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความเศร้าหมอง
กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงที่นั่งจิบชาและคอยเฝ้าดูกู้ชิงหยิ่งอยู่ตลอด รู้สึกตกใจพร้อมๆ กัน
สองสามีภรรยาเห็นพนักงานคนหนึ่งของคลับสี่ยิ่นนำซองจดหมายมามอบให้
จากนั้นก็เห็นว่า หลังจากที่ลูกสาวของตนเห็นสิ่งที่อยู่ในซองจดหมายแล้วก็หน้าถอดสีทันที
“เสี่ยวหยิ่ง ของข้างในมันคืออะไร ?” กู้โก๋ฮั๋วเอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน
กู้ชิงหยิ่งที่เดินเข้ามาอย่างโศกเศร้ายืนตัวสั่นเทา รีบนำซองจดหมายไปซ่อนเอาไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองพ่อกับแม่แล้วส่ายหน้า พยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า : “ไม่มีนี่คะ ไม่มีอะไรค่ะพ่อ”
พูดจบ เธอก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนไป
ภาพที่เกิดขึ้น จะรอดพ้นจากสายตาของกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาไปได้อย่างไร ?
เดิมทีกู้โก๋ฮั๋วตั้งใจจะตามไปถามให้รู้เรื่อง แต่กลับถูกหลี่หวี่นชิงดึงเอาไว้
“ลูกก็บอกแล้วนี่คะว่าไม่มีอะไร” หลี่หวั่นชิงพูด
กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกร้อนใจขึ้นในทันที : “เสี่ยวหยิ่งเป็นขนาดนั้นแล้ว ยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก คุณเชื่อที่เธอพูดหรืออย่างไร ?”
“ลูกโตแล้วนะคะ !” หลี่หวั่นชิงส่ายหัวด้วยความจนใจ “เธอไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กๆ ที่คุณจะกอดเอาไว้ในอ้อมอกอีกต่อไปแล้ว เรื่องบางเรื่อง หากเธอไม่ยินดีที่จะเล่า หากคุณไปเค้นถาม ก็จะยิ่งทำให้เธอลำบากใจ”
กู้โก๋ฮั๋วผงะไป ได้แต่ยืนกัดฟันด้วยความจนใจ
หลังจากกลับเข้าไปในห้องแล้ว กู้ชิงหยิ่งหยิบรูปถ่ายใบนั้นออกมาอีกครั้ง แล้วนั่งดูอย่างเหม่อลอย
ดวงตาของเธอค่อยๆ แดงก่ำ
เธอรู้สึกคัดจมูกเล็กน้อย ถึงแม้จะพยายามฝืนทน แต่ในที่สุดน้ำตาของกู้ชิงหยิ่งก็ไหลออกมา
กู้ชิงหยิ่งรีบล้มตัวลงบนเตียง จากนั้นจึงใช้หมอนกดหัวของตัวเองเอาไว้ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้จนมิดชิด
เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ และทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเป็นห่วง
และเป็นเวลาที่กู้ชิงหยิ่งรู้สึกเสียใจและสับสนเป็นอย่างมาก
ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
กูหลังเองก็ถือซองจดหมายขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเฉินตง
“ใครส่งมา ?” เฉินตงถาม
กูหลังส่ายหัว : “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกใหญ่เก็บขึ้นมาจากพื้นครับ มีชื่อของคุณเขียนเอาไว้ จึงได้นำมาส่ง”
“ต่อไปจดหมายพวกนี้ ให้โยนทิ้งให้หมด”
เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แล้วโบกมือให้กูหลังออกไป
เขาลังเลอยู่สักพัก จึงได้ฉีกซองจดหมายออกดู
เป็นรูปถ่ายหนึ่งรูปพร้อมด้วยกระดาษโน๊ตหนึ่งแผ่นหล่นลงมาพร้อมกัน
ตอนที่เห็นรูปถ่าย มีเสียง “ฟ้าผ่า” ดังขึ้นในหัวของเฉินตง
ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวในทันที
เส้นเลือดที่หางตาของเขาปูดขึ้นมาและกระตุกอย่างรุนแรง
ในรูปถ่าย เป็นตอนที่เขานัดพบกับหวางหนันหนัน เป็นภาพที่ทั้งสองนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน
นี่เป็นเพียงแค่ภาพของ “การบอกลา” ธรรมดาๆ เท่านั้น !
แต่ภาพนี้เมื่อถูกถ่ายออกมา บรรยากาศภายในภาพกลับดูเกินจริงไปมาก
ขณะที่กำลังโมโหอยู่นั้น เฉินตงก็ก้มลงเก็บกระดาษน๊ตขึ้นมา แล้วเขาก็กัดฟันด้วยความโกรธในทันที เขาใช้นิ้วหัวแม่มือของเขาบีบกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นอย่างแรง
ในกระดาษโน๊ตมีเพียงข้อความสั้นๆ
“ถ้าไม่อยากให้กู้ชิงหยิ่งรู้เรื่อง เอาเงินมาให้ฉันร้อยล้าน !”
ด้านล่างของข้อความ ยังมีเลขที่บัญชีเขียนเอาไว้ด้วย
เมื่อเห็นเลขที่บัญชี เฉินตงก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวและเดือดดาลขึ้นทันที
เขากัดฟันพูดว่า : “วางแผนที่แล้วใช่ไหม ? จงใจที่จะขู่กรรโชกใช่ไหม ?”
เมื่อเฉินตงเห็นหมายเลขบัญชีนี้แล้วก็รู้สึกไม่แปลกตาเลย
เพราะตลอดสามปีที่ผ่านมา เงินของเขา พูดฝากเข้าไปในหมายเลขบัญชีนี้นับครั้งไม่ถ้วน !
เพื่อใช้ตอบสนองความต้องการของตระกูลหวาง !
บัญชีนี้……เป็นของหวางหนันหนัน !
“หวางหนันหนัน ดี คุณใจร้ายจริงๆ ! ตระกูลหวางของคุณ โหดร้ายจริงๆ !”
เฉินตงตัวสั่นเทา กำกัดฟันและเดือดดาลด้วยความโกรธ ตอนนี้เหมือนมีภูเขาไฟลูกใหญ่มาสุมอยู่ในอกของเขา : “ร้อยล้าน ? มันก็แค่ร้อยล้านมิใช่หรือ ผมจะให้คุณ ผมจะยอมจ่ายให้คุณ !”
เขาไม่ได้สนใจเงิน
ครั้งหนึ่งเขาเคยสนใจเงินมาก่อน แต่ตอนนี้ เงินสำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
อย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย ต่อให้เป็นพันล้าน เขาก็ยินดีที่จะจ่าย
ขอเพียงแค่สามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ให้ได้เท่านั้น !
ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เขาจึงเห็นคุณค่าอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่กู้ชิงหยิ่งทำให้กับเขา หรือแม้กระทั่งสิ่งที่พ่อและแม่ของกู้ชิงหยิ่งทำให้กับเขา ล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทั้งสิ้น
ถ้าหากรูปถ่ายใบนี้ตกไปอยู่ในมือของกู้ชิงหยิ่งแล้วล่ะก็ เรื่องที่เขาเตรียมที่จะขอแต่งงานตอนปลายเดือน คงจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
อีกทั้ง ในเมื่อหวางหนันหนันคิดวางแผนเอาไว้นานแล้ว คงจะไม่ได้มีเพียงแค่รูปถ่ายธรรมดาๆ รูปนี้เพียงแค่ใบเดียวหรอกกระมัง ?
ถ้าหากหลังจากนี้จะมีรูปถ่ายที่ทำให้คนอื่นยิ่งรู้สึกเข้าใจผิดปรากฏออกมา เฉินตงก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธของตนเอง
ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เหมือนกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกินคนเข้าไป มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มของความชั่วร้ายออกมา จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความส่งให้หวางหนันหนันหนึ่งฉบับ
“มะรืนนี้ ผมจะไปส่งคุณด้วยตัวเอง ! ส่งคุณทั้งครอบครัว !”
ปัง !
โทรศัพท์ถูกทุบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง เสียงภายในบ้านเงียบสงัด
บ้านตระกูลหวาง
หวางหนันหนันซึ่งเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว เอนหลังลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างหน้าต่าง จากนั้นจึงหันมองห้องนอนที่ว่างเปล่า ในแววตาเต็มไปด้วยภาพความทรงจำ
ดวงตาของเธอค่อยๆ แดงก่ำ
เมื่อผ่านประสบการณ์มาแล้ว ถึงได้เข้าใจ
เมื่อสูญเสียไปแล้ว ถึงได้เข้าใจ
ความฝันพังทลายลงแล้ว คนตื่นขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อเฉินตงที่เคยครอบงำจิตใจเอาไว้ ตอนนี้กลับสูญสลายกลายเป็นควันไปหมดสิ้นแล้ว
หวางหนันหนันบิดขี้เกียจแล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ : “ในที่สุดก็จะต้องไปจากที่นี่แล้ว ฝันร้ายในครั้งนี้ คงจะค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับชีวิตที่ต้องเดินก้าวไปข้างหน้าสินะ ?
ตึ๊ง ตึ๊ง !
เสียงเตือนข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น
หวางหนันหนันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นก็ความที่เฉินตงส่งเข้ามา
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความงุนงง แต่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
เธอวางโทรศัพท์ลง แล้วยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ถ้าอย่างนั้น ก็บอกลากันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ”
ส่วนด้านนอกห้อง
หวางเต๋อกำลังเก็บของที่ระลึกใส่กระเป๋าเดินทางทีละชิ้นๆ ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาหยิบภาพถ่ายครอบครัวที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างหดหู่ สุดท้ายก็เก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง
บ้านมีเจ้าของใหม่รออยู่แล้ว มีการทำเรื่องโอนย้ายในวันพรุ่งนี้
ถึงเวลานั้น ครอบครัวหนึ่งครอบครัวย้ายไปอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ ไม่แน่ว่า……บ้านหลังนี้อาจจะสงบสุขขึ้นก็ได้
เมื่อคิดถึงตอนนี้ หวางเต๋อก็หันไปมองที่ห้องของหวางหนันหนัน แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สุดท้ายเขาก็หันไปมองที่ห้องนอนใหญ่ของเขากับจางซิ่วจือด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เขาเป็นอาจารย์ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหน้าตา
แต่ตอนนี้ เพื่อรักษาหน้าเอาไว้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลาออกก่อนกำหนด และออกจากเมืองนี้ไป
“เฮ้อ……” หวางเต๋อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงก้มหน้าลงไปเก็บของต่อ
ภายในห้องนอนใหญ่
หวางเห้าและจางซิ่วจือนั่งอยู่ด้วยกัน
หวางเห้าพูดขึ้นมาด้วยความลังเลว่า : “แม่ ต้องเอาถึงร้อยล้านเชียวหรือ ? นี่มันจะมากเกินไปหรือเปล่า ?”
“มากเหรอ ? เฉินตงไม่ได้สนใจเงินร้อยล้านนี้ด้วยซ้ำ สิ่งที่เขามีก็คือเงิน” ใบหน้าของจางซิ่วจือเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
หวางเห้าส่ายหัว : “ไม่ ผมรู้ว่าเขามีเงินมากมาย แต่ผมกลัวว่า เขาจะไม่ยอมให้น่ะสิ”
“ไม่ให้ ?”
จางซิ่วจือขมวดคิ้ว แล้วแสดงท่าทีมั่นใจ อีกทั้งยังยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ : “ถ้าเขาไม่ให้ล่ะก็ เขาก็รอที่จะเลิกกับกู้ชิงหยิ่งได้เลย แม่มีรูปภาพพวกนี้อยู่ในมือ ก็จัดการเขาได้อยู่หมัดแล้ว”
“เขาทำลายตระกูลหวางของเราจนย่อยยับขนาดนี้ คิดที่จะสูบเลือดสูบเนื้อของเราจนหมด แล้วเฉดหัวตระกูลหวางของเราออกจากเมืองนี้อย่างนั้นหรือ ? ฝันไปเถอะ ถ้าไม่ได้กัดเขาให้จมเขี้ยวสักครั้ง แม่คงนอนตายตาไม่หลับ !”
“ร้อยล้าน……” ใบหน้าของหวางเห้าเต็มไปด้วยความโหยหา
ส่วนจางซิ่วจือกลับมีแววตาที่โหดร้าย พร้อมกับรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
สิ่งที่เธอต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่กัดเฉินตงให้จมเขี้ยวเท่านั้น !