บริเวณประตูทางเข้าของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน
มายบัคกำลังจอดสนิทอยู่
คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ที่นั่งทางด้านหลัง แววตาเต็มไปด้วยความมืดมน นิ้วชี้ด้านขวาของเขาเคาะอยู่บนไม้เท้าเบาๆ
“บางที……นี่อาจจะเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว”
เพื่อตระกูลหลี่แล้ว เขาจึงไม่ยอมรามือง่ายๆ
ถึงขนาดที่ว่าในตอนนั้น มรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้กับเฉินตงสองแม่ลูก เขาก็สามารถยักยอกได้โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย
สำหรับเขาแล้ว ตระกูลหลี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด !
ส่วนลูกสาว……เหอะๆ เป็นแค่สินค้าที่ใช้แลกเปลี่ยนกับเงินก็เท่านั้น
“คุณท่าน มาแล้วครับ” บอดี้การ์ดที่เป็นคนขับรถเอ่ยปากเรียก
หลี่หลานเดินออกมาจากเขตวิลล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
กำมือถือเอาไว้ในมือแน่น
เธอมองไปยังมายบัคที่จอดห่างออกไปไม่ไกล ด้วยแววตาที่ซับซ้อน
ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน จากนี้ต่อไป จะไม่หลงเหลือความผูกพันใดๆ ต่อกันอีก
หลี่หลานคิดพลางก็เดินตรงเข้าไปหามายบัคที่จอดอยู่
กระจกรถลดต่ำลง
คุณท่านใหญ่หลี่ที่ก่อนหน้านี้แววตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง บัดนี้กลับยิ้มให้หลี่หลาน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
“ขึ้นมานั่งบนรถสิ วันนี้พ่อจะไปจากที่นี่แล้ว จะกลับเมืองหลวงแล้ว”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” หลี่หลานส่ายหัว “หลังจากที่คุณเท่าเรื่องนั้นในตอนนั้นแล้ว พวกเราก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก”
“เกลียดไหม ?”
คุณท่านใหญ่หลี่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม
แววตาของหลี่หลานเต็มไปด้วยความโกรธ เธอพยักหน้าอย่างแรง
คุณท่านใหญ่หลี่ส่ายหัว : “ที่พ่อทำเช่นนั้นเพื่อตระกูลหลี่ของเรา”
หลี่หลานรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ
เพื่อตระกูลหลี่แล้ว ถึงขั้นทิ้งขว้างเธอและเฉินตงเลยหรือ ?
นี่เป็นเหตุผลแบบไหนกัน ?
“เจอกันแล้ว คุณก็ไปเถอะค่ะ”
หลี่หลานพูดออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับเข้าวิลล่า
ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว กลับบ้านกับฉัน !”
หลี่หลานตัวสั้น หน้าถอดสี
ทันใดนั้น เธอเตรียมที่จะวิ่งหนี
แต่จู่ๆ ประตูรถก็เปิดออก จากนั้นบอดี้การ์ดที่เตรียมการมาอย่างดีก็เอามือปิดปากของหลี่หลานเอาไว้ แล้วลากตัวเธอเข้าไปในรถทันที
หลี่หลานคิดที่จะต่อสู้ แต่ร่างกายของเธออ่อนแอ จึงไม่อาจขัดขืนได้
ถึงขั้นที่ว่า แม้แต่เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของเธอ ยังดังไปไม่ถึงหูของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ของเขตวิลล่าเสียด้วยซ้ำ !
“ถ้าแกไม่กลับบ้าน ตงเอ๋อไม่มีวันยอมสิโรราบแน่”
คุณท่านใหญ่หลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “ออกจากบ้านมายี่สิบกว่าปีแล้ว แกควรจะกลับไปกราบไหว้บรรพบุรุษได้แล้ว”
มายบัคสีดำเคลื่อนตัวลงจากภูเขาไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเพราะตำแหน่งที่มายบัคจอด และการลงมือที่รวดเร็วของคุณท่านใหญ่หลี่ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ไม่ทันสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
……
ขณะที่เครื่องบินลงจอดที่ซีสู่ ก็เป็นเวลา 11 นาฬิกาแล้ว
เมื่อออกจากสนามบิน คุนหลุนได้วางแผนการทั้งหมดเอาไว้แล้ว มีรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกมาจากลานจอดรถ
หลังจากขึ้นรถแล้ว ท่านหลงก็พูดว่า : “ไปโรงแรมหนานซาน”
“โรงแรม ?”
เฉินตงหันมองท่านหลงด้วยความประหลาดใจ : “ไม่ได้ไปตระกูลฉินหรือ ?”
“ลูกชายคนนี้พิเศษ เขาไปพักในตระกูลฉิน” ท่านหลงยิ้มด้วยท่าทีแปลกๆ
พิเศษ ?
เฉินตงขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด เมื่อคืนตอนที่ท่านหลงเริ่มแนะนำฉินเย่ เขาก็ใช้คำว่า “พิเศษ”
ตอนนี้ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เฉินตงเริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมา
ตระกูลเฉินกับตระกูลฉินเป็นคู่แข่งกัน ถึงแม้ฐานะของตระกูลจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถกันทั้งสองตระกูลออกจากการเป็นคู่แข่งกันได้ อย่างไรเสียในการทำธุรกิจก็ต้องมีจุดที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น
ในเมื่อเป็นคู่แข่งกัน การที่จะเชิญอีกฝ่ายมาให้การช่วยเหลือเขา ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก
เมื่อคืนตัวเขาเองก็คิดถึงจุดนี้ แต่เป็นเพราะเห็นความแน่วแน่ของท่านหลง เขาจึงระงับความคิดนี้เอาไว้ชั่วคราว
เฉินตงหันมองท่านหลง : “ท่านหลง ฉินเย่คนนี้มีความพิเศษตรงไหนกันแน่ ?”
ท่านหลงมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเสียวสันหลัง
“ไม่รู้ว่าสำหรับคุณชายแล้ว คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ถือว่าพิเศษพอไหม ?”
เฉินตงรู้สึกตัวสั่น เขาตกใจจนถึงขีดสุด
คนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ?
นี่ยิ่งกว่าพิเศษเสียอีก !
ต่อให้ในช่วงเวลาที่เขาเกลียดเฉินเต้าหลินมากที่สุด เขาคิดแค่เพียงว่าชาตินี้จะไม่พบหน้ากันอีก แต่ไม่เคยคิดถึงขั้นที่จะฆ่าพ่อของตัวเองเลย !
“ท่านหลง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”
น้ำเสียงของเฉินตงต่ำลงเล็กน้อย ท่าทีของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
อัจฉริยะก็ส่วนอัจฉริยะ !
แต่เรื่องที่ฆ่าพ่อของตัวเอง เขาจะต้องรู้แน่ชัดให้ได้
คนที่สามารถฆ่าพ่อของตัวเองได้ จะต้องเป็นคนที่เลือดเย็นอย่างมาก แล้วจะมีใครที่เขาจะไม่กล้าฆ่าอีก ?
ตลอดทางมีคุนหลุนเป็นผู้ขับรถ
ส่วนท่านหลงก็ค่อยๆ อธิบายต่อ
ท่าทีของเฉินตงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
จากการบอกเล่าของท่านหลง ถึงแม้จะยังไม่รู้สาเหตุที่ฉินเย่ฆ่าพ่อของเขาอย่างแน่ชัด แต่คนภายนอกต่างคาดเดาว่า เป็นเพราะผู้เป็นพ่อคงจะทำเรื่องที่ยากจะให้อภัยได้ จึงทำให้ฉินเย่ลงมือฆ่าเขาด้วยความโกรธ
อีกทั้งหลังจากที่ฆ่าพ่อเรียบร้อยแล้ว เขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในตระกูลฉินได้อย่างปกติ นี่ถือเป็นพิสูจน์ที่ดีที่สุด !
นี่เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของตระกูลฉิน ทำให้เป็นการยากที่คนภายนอกจะสามารถเข้าไปสืบหาความจริงให้กระจ่างได้
แต่ทว่า เฉินตงเองก็ได้รับรู้ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างจากคำบรรยายของท่านหลง
นั่นก็คือ การต่อสู้ในสนามรบทางด้านการเงินในตอนนั้น เงินที่เขาสามารถกวาดมาได้หลายหมื่นล้านเหรียญ เท่ากับว่าเป็นเงินที่เขาใช้ซื้อชีวิตจากตระกูลฉิน !
หมื่นล้านเหรียญสำหรับซื้อชีวิต
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ากลัว แต่โทษในการฆ่าพ่อของตัวเอง หากไม่มีความลับบางอย่างปิดบังซ่อนอยู่ภายในนั้น ไม่มีทางที่ตระกูลฉินจะยอมมอบโอกาสนี้ให้แก่เขาเด็ดขาด
อีกทั้ง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินเย่ก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติอยาในตระกูลฉิน
แต่อยู่ในฐานะที่พิเศษออกไป
เดิมทีเขาไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลฉิน ยิ่งเขากระทำความผิดที่รุนแรงขนาดนี้ ยิ่งทำให้ถูกตระกูลฉินกีดกันออกไป
ถึงขั้นว่า ไม่สามารถกลับไปที่บ้านตระกูลฉินได้ ต้องอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาเป็นเวลาหลายปี
อีกทั้งหลังจากที่ฉินเย่สร้างชื่อเสียงจากสนามรบการเงินในตอนนั้นได้แล้ว ก็หลบซ่อนไม่ยอมปรากฏตัวต่อสาธารณชน ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่า เขาคงถูกตระกูลฉินเลี้ยงดูปูเสื้ออย่างดีโดยไม่ต้องทำอะไรอีก
หลังจากฟังจบ เฉินตงก็รู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก
เขาลูบจมูก : “เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ นายถึงคิดว่าพวกเราอาจจะมีโอกาสเชิญเขาได้สำเร็จ ?”
ท่านหลงพยักหน้า : “กระผมได้ยินคนภายนอกลือกันว่า ถึงแม้ฉินเย่จะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่เกรงว่าตอนนี้ก็จะเกิดความห่างเหินขึ้นแล้ว”
“เฮ้อ……”
เฉินตงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงมีรอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้า : “ช่างเถอะ ถ้าห่างมีความลับบางอย่างแอบซ่อนอยู่จริงๆ ฉินเย่ก็คงจะไม่ได้เป็นคนเลือดเย็นขนาดนั้น”
โรงแรมหนานซาน
ตึกใหญ่ที่สูงตระหง่าน
บริเวณรอบข้างบรรยากาศคึกคักและมีรถแล่นไปมาอย่างพลุกพล่าน
เมื่อพวกของเฉินตงทั้งสามคนเดินทางมาถึงโรงแรมหนานซาน ก็มีชายวัยกลางคนออกมาต้อนรับทันที
“สวัสดีครับคุณชาย สวัสดีครับท่านหลง สวัสดีครับพี่คุนหลุน”
เขากล่าวคำทักทายยาวเป็นชุด ทำให้เฉินตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย : “นี่คือคนที่ตระกูลเฉินส่งไปประจำการอยู่ในพื้นที่ แต่ละเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ และมีคนที่ตระกูลเฉินส่งมาคอยดูแล”
สีหน้าของเฉินตงนิ่งสงบ แต่กลับมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นภายในจิตใจ
ทุกเมืองจะมีสำนักงานของตระกูลเฉินตั้งอยู่ แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้อยู่เหนือคำว่ายิ่งใหญ่ไปไกลขึ้นอีก
“ฉินเย่พักอยู่ที่ห้องหมายเลข 99999 นี่คือคีย์การ์ดห้องพักของเขา” ชายวัยกลางคนยื่นคีย์การ์ดหนึ่งใบให้แก่ท่านหลง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
“ไปกันเถอะครับคุณชาย”
ท่านหลงยื่นคีย์การ์ดให้แก่เฉินตง
ทั้งสามขึ้นลิฟท์ไป แล้วหาห้องพักจนเจอ
เฉินตงหยิบคีย์การ์ดขึ้นมา แล้วยืนลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นจึงเก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋า
ก๊อกก๊อกก๊อก !
เขาเคาะประตูอย่างมีมารยาท
ในเมื่อมาเพื่อที่จะเชิญคน ก็ควรที่จะมีมารยาทสักหน่อย
หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต คงจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก
หลังจากนั้น
มีเสียงหัวเราะและคำพูดล้อเล่นติดตลกดังออกมาจากภายในห้อง
“ขอร้องพวกคุณล่ะ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวแล้วจริงๆ วันนี้แทบจะกินยาโด๊ปแทนข้าวอยู่แล้ว !”