ยังดีที่กู้ชิงหยิ่งไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเขา
เฉินตงรู้สึกผิดและโทษตัวเอง
แต่ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนั้นก็ดูจะเลือนรางเป็นอย่างมาก
เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับฉู่เจียนเจียหรือไม่
คิดว่าควรจะหาเวลาถามฉู่เจียนเจียให้รู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องทำนองนี้……ควรจะเอ่ยปากเช่นไรดี ?
เขาสูดหายใจเขาหนึ่งครั้ง และพยายามคิดความคิดที่วุ่นวายในสมองเอาไว้
แววตาของเฉินตงดูเย็นชาลงเล็กน้อย
ตระกูลจาง !
อาการแปลกๆ ของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เห็นได้ชัดว่าถูกวางยา
ถ้าหากนักฆ่าเป็นคนวางยา จะใช้ยาที่ทำให้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวเช่นนั้นหรือ ?
เห็นได้ชัดว่าตระกูลจางเป็นคนทำ
“วิธีการของตระกูลจางต่ำช้าจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนยังเคราะห์ดี ผมคงจะต้องตายในที่เกิดเหตุไปแล้วแน่ๆ ?”
นี่คือความคิดของเฉินตง
ตอนที่ยาออกฤทธิ์ ทำให้เขาแขนขาอ่อนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะคุนหลุนและกูหลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องเขาเอาไว้ และให้ฉู่เจียนเจียแบกเขาออกมา ป่านนี้เขาคงจะตายไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกตระกูลจางวางยา ด้วยฝีมือการต่อสู้ของเขา จะพลาดท่าโดนมีดแทงเช่นนั้นหรือ ?
“คุณคิดอะไรอยู่ ?”
กู้ชิงหยิ่งสัมผัสได้ถึงความโกรธที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินตง จึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย
เฉินตงส่ายหัว จากนั้นจึงถามว่า : “ท่านหลงล่ะ ?”
“เขาออกไปสืบเรื่องเมื่อคืนแล้ว”
กู้ชิงหยิ่งโน้มตัวลงแล้วพูดเสริมว่า : “คุณรีบดูแลตัวเองให้หายดีเถอะ พวกเรายังไม่ได้บอกคุณป้า คุนหลุนกับกูหลังเองก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้พักอยู่ห้องข้างๆ ส่วนเรื่องลอบสังหาร พวกของท่านหลงจะต้องสืบหาความจริงให้กระจ่างได้อย่างแน่นอน”
เมื่อรู้ว่าคุนหลุนและกูหลังไม่เป็นอะไร เฉินตงเองก็แอบรู้สึกโล่งใจไม่น้อย
ตอนนี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก
ท่านหลงเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเฉินตงฟื้นแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ท่านหลง สืบได้อะไรบ้าง ?” เฉินตงถาม
ท่านหลงส่ายหัวอย่างจนใจ : “สืบยากมากครับ ไม่เพียงแต่ฝั่งของโจวเย่นชิวที่พยายามสืบหาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น แม้แต่เจ้าบ้านเองก็ใช้หน่วยข่าวกรองของตระกูลเพื่อสืบหา แต่ก็ยังมืดแปดด้าน”
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาคงไม่บีบบังคับให้โจวเย่นชิวต้องเป็นผู้รายงานเพียงผู้เดียวเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว ตอนที่เฉินตงเกิดเรื่อง ทันทีที่ได้รับข่าว ท่านหลงก็รีบรายงานเฉินเต้าหลินทันที
หน่วยข่าวกรองของตระกูลเฉิน เริ่มปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
“แม้แต่ตระกูลเฉินก็สืบไม่ได้อย่างนั้นหรือ ?”
เฉินตงรู้สึกตกใจจนอ้าปากค้าง
ตระกูลเฉินถือเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุด มีฐานะที่สูงส่ง จึงมีหน่วยข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพถึงขั้นที่คนธรรมดาทั่วไปยากที่จะจินตนาการได้
“นักฆ่าทั้งสิบกว่าคนล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่ากล้าตายทั้งสิ้น ตอนนั้นคุนหลุนและกูหลังได้ทำการสังหารไปกว่าครึ่ง ส่วนคนที่เหลือที่ถูกจับกุมตัว ต่างก็กัดยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากเพื่อฆ่าตัวตาย ทำให้เบาะแสที่เหลือหายไปจนหมดสิ้น”
ท่านหลงขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ไม่เพียงเท่านี้ แม้กระทั่งที่มาที่ไปของนักฆ่าสิบกว่าคนนี้ก็ไม่มีใครรู้ ราวกับว่าไม่เคยมีคนสิบกว่าคนเหล่านี้อยู่บนโลกใบนี้มาก่อน แต่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา”
“แม้แต่หน่วยข่าวใต้ดินก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลยหรือ ?” เฉินตงขมวดคิ้วแน่น
ท่านหลงพยักหน้า : “ไม่มีเลยครับ”
บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงัด
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที
จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา
“คนที่สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างสะอาดหมดจดตั้งแต่ต้นจนจบเช่นนี้ได้ คิดว่าคงจะมีศักยภาพไม่น้อย”
เฉินตงเลิกคิ้วแล้วหันมองท่านหลง : “ท่านหลง คุณว่าตระกูลหลี่ หรือ……ตระกูลเฉินล่ะ ?”
เมื่อคำว่า “ตระกูลเฉิน” หลุดออกมาจากปาก ทำให้ท่านหลงแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“คุณชายหมายความว่า……ภัยมืดอยู่ใกล้ตัว ?”
ท่านหลงได้สติทันที ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นหน่วยข่าวกรองของตระกูลเฉิน โจวเย่นชิว หรือแม้กระทั่งตระกูลจางและตระกูลฉู่ ต่างก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เฉินตงพยักหน้า : “ถ้าจะพูดว่าสามารถปิดบังได้อย่างมิดชิด ก็มีคนจำนวนมากที่สามารถทำได้ แต่ถ้าหากไม่มีความแค้นต่อกัน พวกเขาก็คงไม่คิดโจมตีฉัน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ จะต้องมีความกล้าด้วย !”
ท่านหลงขมวดคิ้วแล้วใคร่ครวญ
ถ้าคนที่มีทั้งความแค้นและความกล้าขนาดนี้ ก็คงจะมีเพียงตระกูลหลี่และตระกูลเฉินเท่านั้นที่น่าสงสัยที่สุด !
“กระผมจะกลับไปรายงานเจ้าบ้านเดี๋ยวนี้ครับ”
ท่านหลงหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
เฉินตงนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง
กู้ชิงหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ กะพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงขยับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเอ่ยถามว่า : “เฉินตง เป็นไปได้จริงๆ หรือคะ ?”
แน่นอนว่า เธอหมายถึงตระกูลเฉินมีโอกาสเป็นผู้ลงมือลอบสังหาร
เฉินตงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีเลศนัย : “ผลลัพธ์อาจจะออกมาไม่เหมือนที่เราคาดเดาเอาไว้”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกงุนงง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ
เวลาผ่านไปสองวัน
ภายใต้การสืบหาอย่างสุดความสามารถของโจวเย่นชิว ดูเหมือนว่าทั้งเมืองจะถูกทำให้ตื่นตระหนกขึ้นมา
หลังจากนั้น โจวจุนหลงเองก็ได้รับคำสั่งจากท่านหลง ให้สั่งหน่วยข่าวกรองของเขาให้ปฏิบัติการ
ดูเหมือนว่าภายใต้เมืองที่ดูสงบ จะมีพายุใหญ่ที่กำลังแอบก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
ถึงขั้นว่าทำให้ตระกูลจางและตระกูลฉู่ต้องยอมร่วมมือกันเพื่อสืบหาความจริง
แม้กระทั่งเมืองหลวงเอง ก็ดูจะไม่สงบสุขนัก
ก่อนหน้านี้เมืองหลวงเพิ่งเจอมรสุมลูกใหญ่ของตระกูลหลี่
และการที่ตระกูลจางและตระกูลฉู่ร่วมมือกันเพื่อสืบหาความจริง ยิ่งทำให้มรสุมลูกนั้น ดูจะทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากที่ตระกูลใหญ่ต่างๆ รู้เรื่อง ต่างก็รู้สึกตกใจไปตามๆ กัน
การลอบสังหารผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเฉินโดยตรง !
ไม่ช้า ตระกูลใหญ่ต่างๆ ก็พุ่งเป้าไปที่ตระกูลหลี่ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย
หากดูจากความแค้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลี่ขัดแย้งกับตระกูลเฉินมากที่สุด
เพราะเฉินตงเองก็เป็นคนดึงศักดิ์ศรีอันสูงส่งของตระกูลหลี่ลงมาเหยียบย่ำจนจมดิน
คฤหาสน์ปราสาทตระกูลหลี่
คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่อย่างหงอยเหงาที่ริมหน้าต่าง เขานั่งมองคนงานที่กำลังรีบซ่อมแซมสวนดอกไม้อยู่
ด้านหลัง หลี่เอซานยืนอยู่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม : “พ่อครับ ตอนนี้คนข้างนอกต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราเป็นผู้บงการการลอบสังหารเฉินตงในครั้งนี้”
“สืบ ! ไปสืบหาความจริงมาให้ฉันให้ได้ !”
คุณท่านใหญ่หลี่พูดด้วยความโกรธ : “เรื่องสกปรกเช่นนี้ ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ยอมรับเด็ดขาด ฉันยังต้องการให้เฉินตงรับช่วงตระกูลหลี่ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่กล้าไปท้าทายอำนาจของตระกูลเฉินหรอก”
เฉินตงและเฉินเต้าหลิน ทำลายเกียรติอันสูงส่งของตระกูลหลี่จนไม่เหลือชิ้นดีเพียงชั่วข้ามคืน
แต่ทว่าคุณท่านใหญ่หลี่ไม่โง่ขนาดนั้น
เขาไม่เคยมีความคิดที่จะลอบสังหารเฉินตงมาก่อน
เพราะนี่ไม่ต่างกับเฉินตงและเฉินเต้าหลิน ที่ใช้วิธียอมหักไม่ยอมงอ
“ตระกูลจางและตระกูลฉู่กำลังตามสืบทั่วเมืองหลวงจนแทบพลิกแผ่นดินแล้ว ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” หลี่เต๋อซานพูดอย่างจนใจ
“ถึงแม้พวกเราจะไม่พบเบาะแสอะไรก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องสืบ ที่เป็นเรื่องของการแสดงออก !”
แววตาของคุณท่านใหญ่หลี่เป็นประกายเหมือนมีไฟลุกโชน ตอนนี้ในเมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าหากไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา แล้วจะเป็นที่ยอมรับของคนภายนอกได้อย่างไร ?
“เข้าใจแล้วครับ” หลี่เต๋อซานค่อยๆ เดินออกไป
วันที่สาม
เฉินตงที่กำลังได้รับการปรนนิบัติดูแลอย่างดีจากกู้ชิงหยิ่งในระหว่างการพักฟื้นอย่างสบายใจ จู่ๆ ก็ถูกโจวเย่นชิวเข้ามาขัดจังหวะ
“ไม่รู้จักเคาะประตูหรืออย่างไร ?”
เฉินตงท่าทีเย็นชา แสดงออกถึงความไม่พอใจ
“ขอโทษด้วยครับคุณเฉิน”
โจวเย่นชิวหางตากระตุก เขารีบกล่าวขอโทษในทันที
“มีเรื่องอะไร ?” เฉินตงถาม
“สืบได้เรื่องแล้วครับ !”
คำพูดของโจวเย่นชิว ทำให้เฉินตงลุกนั่งขึ้นมา
จากนั้น โจวเย่นชิวก็รีบยื่นข้อมูลหนึ่งฉบับให้แก่เฉินตง
และในขณะเดียวกันก็พูดว่า : “นี่ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่ผมสืบหามาได้เท่านั้น ยังรวมไปถึงสิ่งที่หน่วยข่าวกรองของโจวจุนหลง ตระกูลจางและตระกูลฉู่ รวมไปถึงตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงสืบหาออกมาได้ มีผลออกมารงกันทุกประการ”
ผลตรงกันทุกประการ ?
เฉินตงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
จากนั้นเขาจึงหยิบข้อมูลขึ้นมาอ่านดู
จังหวะนี้เอง
ท่านหลงก็เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพอดี และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักผู้ป่วย
ท่านหลงยิ้มอย่างจนใจ แล้วพูดว่า : “คุณชาย ไม่ต้องอ่านแล้วครับ นั่นคือแพะรับบาป”
แพะรับบาป ? !
เฉินตงผงะไป
โจวเย่นชิวหน้าถอดสีทันที เขาหันไปมองท่านหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ท่านหลงลูบคางของเขา แล้วพูดออกมาอย่างผิดหวัง : “สามารถทำให้ตระกูลตระกูลหนึ่งกลายเป็นแพะรับบาปได้ ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังคนนี้จะต้องมีอำนาจมากมายมหาศาลขนาดไหนกัน ?”